โรคชันนะตุ (Tinea Capitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคชันนะตุ (Tinea Capitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

11.11
35197
0

โรคชันนะตุหรือโรคเชื้อราบนหนังศรีษะคือการติดเชื้อของเกลื้อนที่ผิวหนังและหนังศรีษะ

โรคชันนะตุ (Tinea Capitis) คือเชื้อราที่ทำให้เกิดผื่นเป็นรูปวงแหวนสีแดงสดเมื่อปรากฏบนลำตัว แขนขา หรือใบหน้า 

บริเวณที่มักเป็นชันนะตุได้แก่ : 

  • มือ
  • ขาหนีบ
  • เท้า
  • หัวแม่เท้า
  • ลำตัว

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสาเหตุของการเกิดโรคชันะตุ อาการ การรักษาและความแตกต่างของโรคชันนะตุแต่ละชนิด

สาเหตุของการเป็นชันนะตุ

ข้อมูลจากสถาบันควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบว่ามีเชื้อราถึง 40 ชนิด ที่ทำให้สามารถเกิดกลากเกลื้อนบนผิวหนังได้

ซึ่งเราสามารถติดเชื้อราที่หัวได้ด้วยการสัมผัสกับคนหรือสัตว์ที่มีการติดเชื้อ หรือสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่มีเชื้อรา

เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสิ่งแวดล้อมที่อุ่นและชื้น เราจึงสามารถพบกลากได้บ่อยในบริเวณง่ามนิ้วเท้า ขาหนีบและข้อพับ

การอาศัยอยู่ในอาการอุ่นและชื้นเป็นการเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับเชื้อราผิวหนังได้ง่ายมากขึ้น

อาการของโรคชันนะตุ

เชื้อราบนหนังศรีษะ หรือชันนะตุ เริ่มต้นจะเป็นตุ่มสีแดงเล็กๆและมีตุ่มหนองบนหนังศรีษะ รวมไปถึงรังแคด้วย ตุ่มเหล่านี้จะมีจำนวนมากขึ้น และแพร่กระจายไปยังพื้นที่ที่กว้างขึ้น

ผู้ที่เป็นเชื้อราบนหนังศรีษะ อาจะพบอาการมีรังแค คัน เป็นหนองและอาจมีอาการผมร่วงร่วมด้วย

วิธีการรักษากลากเกลื้อนบนหัว

โดยส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาด้วยการจ่ายยาฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นเชื้อราบนหนังศรีษะจะต้องทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งเป็นระยะเวลา 1-3 เดือน

ถ้าเป็นเกลื้อนบริเวณที่ไม่ได้สัมผัลกับผิวหนัง เช่น ใต้เล็บหรือเล็บเท้า อาจจะต้องใช้ยาต้านเชื้อราแบบรับประทานในการรักษา

วิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดโรคชันนะตุขึ้นซ้ำ สามารถปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้ :

  • รักษาผิวแห้งอยู่เสมอเนื่องกลากเกลื้อนหรือเชื้อราที่หนังศีรษะสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ควรรักษาผิวหนังแห้งอยู่เสมอในระหว่างที่ทำการรักษา ควรเช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังจากอาบน้ำและสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป
  • ควรซักเครื่องนอนอยู่เป็นประจำเนื่องจากกลากเกลื้อนสามารถติดไปกับบริเวณที่ผ้าได้ หากสัมผัสโดนบริเวณที่เกิดเชื้อราขึ้น โดยการซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนบ่อยๆ สามารถช่วยลดระยะเวลาในการรักษาได้
  • เปลี่ยนหรือฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทำผม เนื่องจากเชื้อราสามารถมีชีวิตอยู่บนอุปกรณ์ทำผมได้นาน ดังนั้นเราควรฆ่าเชื้อและเปลี่ยนหวีหรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำผมอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำ 

เชื้อราบนหนังศรีษะในผู้ใหญ่และเด็ก

ทุกๆคนสามารถเป็นโรคชันนะตุได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่

สำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้สูง

เชื้อราบนหนังศรีษะและอาการอื่นๆที่คล้ายกัน

อาการของโรคอื่นๆที่คล้ายกับโรคชันนะตุกลากมีดังนี้ต่อไปนี้

โรคเซ็บเดิร์ม

สำหรับโรคเซ็บเดิร์มหมายถึงอาการที่ผิวหนังเป็นผื่นแดงและผิวหนังเป็นขุยที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังเช่นผิวหนังบริเวณหนังศรีษะและใบหน้ารวมถึงแผ่นหลังส่วนบน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเรียกว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้ว่าขี้รังแค

เนื่องจากต่อมไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังมีการหลังสารที่เรียกว่า ซีบัม ออกมา เพื่อช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื้นบนผิวหนังและเส้นผม

ดังนั้นโรคเซ็บเดิร์มจึงทำให้ผิวหนังมีคราบสีขาวหรือสีเหลืองเกิดขึ้น ในบางครั้งอาจจะมีอาการอักเสบที่ทำให้มีตุ่มที่หัวเป็นสีแดงและสีชมพู

โรคเซ็บเดิร์มสามารถเกิดขึ้นกับคนทุกวัย แม้แต่ทารกสามารถก็สามารถเป็นโรคหนังศีรษะอักเสบที่เรียกว่า ภาวะต่อไขมันอักเสบ (cradle cap) ได้เช่นกัน 

จากข้อมูลของ National Eczema Association โรคผิวหนังเซ็บเดิร์มนั้นสามารถพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

โรคสะเก็ดเงิน

เป็นโรคที่แตกต่างจากโรคเชื้อราบนหนังศรีษะทั่วไป โดย โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดเซลล์ผิวหนังเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ป่วยที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน เซลล์ผิวหนังจะเติบโตเร็วกว่าการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้นผิวหนังส่วนเกินจึงสะสมอยู่บนผิวหนังจนเกิดเป็นผื่นและเป็นขุย

โรคสะเก็ดเงินอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณอื่นๆของผิวหนัง โดยส่วนมากมักเกิดขึ้นที่บริเวณดังต่อไปนี้ได้แก่

  • หนังศรีษะ
  • ข้อศอก
  • หัวเข่า
  • หลังส่วนล่าง

โรคสะเก็ดเงินบนหนังศรีษะมีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคเชื้อราบนหนังศรีษะ โดยโรคนี้ทำให้เกิดรอยแดงและเป็นขุยบนหนังศรีษะรวมถึงทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

ผื่นสะเก็ดเงินบนหนังศรีษะทำให้มีอาการคัน ดังนั้นผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการเกาในบริเวณที่เกิดผื่นสะเก็ดเงิน

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *