โรคสมาธิสั้น (Attention-deficit/hyperactivity disorder) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคสมาธิสั้น (Attention-deficit/hyperactivity disorder) : อาการ สาเหตุ การรักษา

20.10
813
0

โรคสมาธิสั้น (Attention-deficit/hyperactivity disorder) คือ อาการที่ผู้ป่วยไม่สามารถให้ความสนใจ หรือควบคุมการเคลื่อนไหว และควบคุมทางกายภาพอื่นๆได้

สาเหตุที่แท้จริงของโรคสมาธิสั้นยังคงเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่คนที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะประสบกับปัญหาหลายประการ หลักๆ คือ ความยากลำบากในการรักษาความสนใจหรือมุ่งเน้นต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

บางคนที่เป็นโรคสมาธิสั้นอาจมีปัญหาในการนั่งนิ่ง ๆ และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย

ในขณะที่คนทั่วไปอาจอาจจะยากในการให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขามองว่าไม่น่าสนใจใน แต่ในผู้ที่มีสมาธิสั้นจะพบปัญหาลักษณะนี้ที่รุนแรงกว่าในการรักษาความสนใจ และเสียสมาธิได้ง่าย จากสิ่งเร้าภายนอก

คนที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะมีอาการหุนหันพลันแล่นและฟุ้งซ่านเกินระดับที่คนปกติควรจะเป็น

ในการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น เพื่อระบุลักษณะของโรค แพทย์จะทำการะบุไว้ 3 แบบ ดังนี้ สมาธิสั้นโดยไม่ตั้งใจ, อยู่ไม่นิ่ง และสมาธิสั้นแบบผสม

Attention-deficit/hyperactivity disorder

สาเหตุและความเสี่ยงของโรคสมาธิสั้น

แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคสมาธิสั้นอย่างไรก็ตามพวกเขาระบุว่า เรามักจะพบเด็กสมาธิสั้นในครอบครัวที่มีประวัติผู้ป่วยสมาธิสั้น

งานวิจัยบอกปัจจัยที่เสี่ยงทำให้เกิดโรคสมาธิสั้นไว้ดังนี้

  • มารดาสัมผัสกับความเครียด แอลกอฮอล์ หรือยาสูบในระหว่างตั้งครรภ์
  • มารดาการสัมผัสกับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมในระหว่างตั้งครรภ์ หรือเด็กสัมผัสโดยตรงตั้งแต่อายุยังน้อย
  • การคลอดก่อนกำหนดจากการศึกษาในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ใน JAMA Pediatrics
  • การได้รับบาดเจ็บที่สมอง

ปัจจัยที่มักถูกเข้าในผิดว่าทำให้เกิดโรคสมาธิสั้นได้แก่

  • การกินน้ำตาล หรือสีสังเคราะห์ในปริมาณมากเกินไป
  • “ใช้เวลาอยู่ที่หน้าจอ” มากเกินไปที่หน้าโทรทัศน์คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์
  • สภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูหรือบ้านที่ไม่ดี

แต่งานวิจัยนี้ไม่ได้ศึกษาปัจจัยเหล่านี้ในโรคสมาธิสั้นที่เกิดในผู้ใหญ่

ลักษณะของอาการสมาธิสั้น และการบ่งชี้

แพทย์แบ่ง ADHD ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สมาธิสั้นโดยไม่ตั้งใจ, อยู่ไม่นิ่ง และสมาธิสั้นแบบผสม

สิ่งเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการวินิจฉัยที่แตกต่างกัน เป็นเพีบงการบ่งบอกลักษณะจำเพาะของโรคสมาธิสั้น เพื่อช่วยให้จัดการกับสมาธิสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมาธิสั้นโดยไม่ตั้งใจ : คนที่มีสมาธิสั้นประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะแสดงลักษณะต่อไปนี้

  • ไม่สามารถใส่ใจกับงาน หรือมักจะทำผิดพลาดโดยประมาท
  • ไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรม หรืองาน
  • ไม่ตั้งใจฟังในขณะที่คนอื่นกำลังพูด
  • มีปัญหาในการจัดการเวลาและการจัดระเบียบงาน
  • ไม่มีการตระเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้งานประจำวัน
  • ฟุ้งซ่าน
  • ลืมที่จะทำงานให้เสร็จและปฏิบัติตามภาระหน้าที่
  • ไม่ชอบงานที่ต้องใช้สมาธิและความคิดเป็นเวลานาน
  • ไม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อให้งานเสร็จ

สมาธิสั้นแบบอยู่ไม่นิ่ง :บุคคลแสดงอาการสมาธิสั้นมากกว่าการไม่ใส่ใจ ดังนี้

  • อยู่ไม่นิ่งตลอดเวลา
  • ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้
  • วิ่งในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
  • ไม่สามารถรอในการสนทนา มักจะจบประโยคของคนอื่นหรือตอบก่อนจบคำถาม
  • บ่อยครั้งที่ล่วงล้ำผู้อื่นรวมในการสนทนาหรือกิจกรรมอื่นๆ
  • พูดมาก
  • ยากที่จะร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ส่งเสียงดัง
  • ไม่สามารถรอที่จะถึงตาของตัวเองได้ในเกมต่างๆ

สมาธิสั้นแบบผสมผสาน : มีอาการของสมาธิสั้นทั้ง 2 แบบตามด้านบน

สิ่งเหล่านี้รบกวนชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

แม้ว่าแพทย์จะสามารถระบุแบบของ ADHD แต่อาการเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา 

การรักษาและบำบัดโรคสมาธิสั้น

แพทย์มักจะแนะนำให้รักษาโรคสมาธิสั้นด้วยการบำบัดการรักษามักขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล และความรุนแรงของผลกระทบจากสมาธิสั้นในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน และที่ทำงาน การบำบัด รักษา ได้แก่

พฤติกรรมบำบัด: นักบำบัดจะบำบัดร่วมกับผู้ป่วยสมาธิสั้น  โดยช่วยให้เด็กสร้างทักษะทางสังคม เรียนรู้เทคนิคการวางแผน และความสามารถวางแผนในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

ยา: แพทย์อาจมีการสั่งจ่ายยา เพื่อเพิ่มความสนใจและการมีสมาธิในการทำสิ่งใดๆ ยาที่นิยมใช้คือยากระตุ้น ตัวอย่างยาได้แก่

  • Adderall
  • Focalin
  • Vyvanse
  • Concerta
  • Ritalin

ยาที่ไม่กระตุ้นในการรักษาผู้ป่วยสมาธิสั้น ได้แก่ Strattera และ Clonidine (Catapres) แพทย์จะไม่ใช้ในปริมาณมาก จะเพิ่มขึ้นตามความจำเป็นในการรักษา

การแนะนำผู้ปกครอง: นักบำบัดยังสามารถทำงานร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นเกิดขึ้นกับเด็กสมาธิสั้น โดยจะเป็นประโยชน์ในการรักษาอย่างมาก

การสนับสนุนจากโรงเรียน: ครูและพี่เลี้ยงมีบทบาทสำคัญในการจัดทำแผนการศึกษาและใช้รูปแบบการสอนที่แตกต่างกันเพื่อให้เด็กที่มีสมาธิสั้นสามารถมีส่วนร่วมในการรักษาได้มากขึ้น

โรคสมาธิสั้นไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อเวลาผ่านไปนาน หรือล่วงเลยไปตามอายุ และไม่สามารถหายขาดได้แม้ว่าบางอาการจะดีขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็ตาม

ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าสมาธิสั้น จำเป็นต้องได้รับการบำบัดและรักษาอาการต่างๆ ของสมาธิสั้น เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *