แพ้ผึ้งต่อย (Bee Sting Allergies) : อาการ สาเหตุ การรักษา

แพ้ผึ้งต่อย (Bee Sting Allergies) : อาการ สาเหตุ การรักษา

22.11
14827
0

ผู้ที่มีอาการแพ้ผึ้งต่อยมักมีความกังวลเกี่ยวกับการออกไปข้างนอกตลอดเวลาในช่วงฤดูร้อน สำหรับผู้ที่ไม่เคยโดนผึ้งต่อยมาก่อนเลยอาจมีอาการแพ้ได้

คนส่วนใหญ่ที่ถูกผึ้งต่อยมักมีอาการเจ็บปวดและระคายเคืองบริเวณรอบๆเพียงเเค่ชั่วคราวเท่านั้น

สำหรับผู้ที่โดนผึ้งต่อยอาจมีอาการแพ้เกิดขึ้นได้ ซึ่งมีอาการแพ้รุนเเรงตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงระดับรุนเเรง ในกรณีที่มีอาการแพ้ผึ้งต่อยอย่างรุนเเรงถึงขั้นที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเรียกอาการนี้ว่าปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน (anaphylaxis

ในบทความนี้เราได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และการรักษาอาการแพ้ผึ้งต่อยรวมไปถึงวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกผึ้งต่อยในช่วงฤดูร้อน

Bee Sting Allergies

สาเหตุของอาการแพ้

เมื่อผึ้งต่อยจะมีเหล็กในของผึ้งอยู่ในผิวหนัง ซึ่งเหล็กในของผึ้งสามารถปล่อยพิษออกมาภายในไม่กี่นาทีหลังจากโดนผึ้งต่อย 

สารพิษในตัวผึ้งประกอบด้วยโปรตีนที่ส่งผลต่อเซลล์ผิวหนังและระบบภูมิคุ้มกันจึงทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและบวมที่ผิวหนังบริเวณรอบๆที่โดนผึ้งต่อย ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่เเพ้พิษผึ้งก็ตาม

สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ผึ้งต่อยเกิดขึ้นเนื่องจากพิษจากผึ้งเข้าไปกระตุ้นทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดปฏิกิริยาตอบสนองรุนเเรงมากขึ้น โดยคนเหล่านี้อาจไม่มีอาการแพ้ผึ้งต่อยเมื่อโดยต่อยครั้งเเรกแต่อาจมีอาการแพ้เมื่อถูกผึ้งต่อยครั้งที่สอง 

ในผู้ที่มีอาการแพ้ผึ้งระบบภูมิคุ้มกันจะผลิตแอนตี้บอดี้ที่เรียกว่าสารอิมมูโนโกลบูลิน อี (IgE) โดยปกติอิมมูโนโกลบูลิน อีทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสารที่เป็นอันตรายอย่างเช่นไวรัสและปรสิต  

อย่างไรก็ตามสำหรับอาการตอบสนองของร่างกายต่อพิษของผึ้งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอิมมูโนโกลบูลิน อี ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติส่งผลให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ได้แก่ผื่นลมพิษ อาการบวมและปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เมื่อคนโดยผึ้งต่อยอีกครั้ง

อาการผึ้งต่อย

อาการบวมเเดงเป็นลักษณะของอาการแพ้ที่เกิดขึ้นในระดับปานกลาง 

อาการโดนผึ้งต่อยมีหลายอาการขึ้นอยู่กับวิธีการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ของแต่ละคน โดยบางคนอาจมีอาการแพ้ระดับปานกลางหรือมีอาการแพ้อย่างรุนเเรงในช่วงเวลาสั้นหลังจากโดนผึ้งต่อย

อาการแพ้ระดับปานกลาง

โดยส่วนใหญ่ผึ้งต่อยทำให้รู้สึกเจ็บปวดปานกลางซึ่งไม่จำเป็นต้องโดยแพทย์ เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นสามารถหายไปได้เอง ซึ่งอาการที่เกิดจากผึ้งต่อยมีดังต่อไปนี้

  • มีอาการเจ็บปวดเหมือนมีของเเหลมแทงและแสบร้อน
  • มีตุ่มสีแดงเกิดขึ้น
  • ผิวหนังค่อยๆบวมขึ้น

ในผู้ที่มีอาการแพ้ผึ้งต่อยระดับปานกลางหมายถึงการที่ร่างกายตอบสนองต่อพิษของผึ้งมากขึ้น โดยเรียกอากานี้ว่าปฏิกิริยารุนแรงตรงบริเวณที่กัดหรือต่อย (LLR) ในกรณีนี้ผู้ที่โดนผึ้งต่อยต้องใช้เวลารักษามากกว่า 1 สัปดาห์จึงจะสามารถรักษาอาการผึ้งต่อยให้หายดี

อาการที่เกิดขึ้นได้แก่

  • เกิดอาการบวมเเดงบริเวณรอบๆที่ถูกผึ้งต่อย
  • มีอาการบวมรอบๆที่ถูกผึ้งต่อยที่ค่อยๆมีขนาดใหญ่ขึ้น 10 เซนติเมตรหรือมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่านั้นภายในระยะเวลา 24-28 ชั่วโมง

ถ้าหากผู้ใดมีอาการแพ้พิษผึ้งต่อยอย่างรุนเเรง เป็นผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปฏิกิริยาแพ้ทั่วร่างกายได้ในอนาคตโดยคิดเป็น 5-10 เปอร์เซนต์  

อาการแพ้อย่างรุนเเรง

บางคนที่โดนผึ้งต่อยอาจมีอาการแพ้รุนเเรงซึ่งเป็นอาการแพ้ชนิดนี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ฉุกเฉิน อาการแพ้อย่างรุนเเรงดังต่อไปนี้สามารถเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

วิธีการรักษาผึ้งต่อย

การรักษาอาการผึ้งต่อยขึ้นอยู่กับระดับความรุนเเรงของร่างกายที่ตอบสนองต่อพิษผึ้ง 

การรักษาอาการแพ้ระดับปานกลาง

หลังจากถูกผึ้งต่อยควรนำเหล็กในออกด้วยคีมหนีบให้เร็วที่สุดและพยายามไม่บีบพิษของผึ้งออก การนำเหล็กในของผึ้งออกเป็นการช่วยลดปริมาณของพิษผึ้งที่ถูกปล่อยเข้าสู่กระเเสเลือด

ข้อมูลจากสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าโดยปกติอาการแพ้ที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ผู้ป่วยสามารถรักษาเองที่บ้านได้ด้วยการประคบเย็น ในยาสเตียรอยด์ชนิดทาและทานยาต้านฮีสทานมีนเพื่อบรรเทาอาการคันและการอักเสบติดเชื้อ

โดยอาการแพ้ที่เกิดขึ้นสามารถหายไปได้ภายในเวลา 2 วัน

การรักษาอาการแพ้รุนเเรง 

สำหรับอาการแพ้ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ทั่วร่างกายจำเป็นต้องใช้ยาอิพิเนฟรินที่ช่วยบรรเทาความรุนเเรงของอาการแพ้ ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้น้ำเกลือร่วมด้วย 

สำหรับผู้ที่ฉีดยาอิพิเนฟรินด้วยกระบอกยาฉีดอัตโนมัติ (EpiPen) จำเป็นต้องใช้กระบอกฉีดยาทันที เนื่องจากยาอิพิเนฟรินสามารถบรรเทาอาการที่ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ได้ชั่วคราวเมื่อมีอาการเเพ้เกิดขึ้นอย่างรุนเเรงเกิดขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีอาการเเพ้รุนเเรงควรพกกระบอกฉีดยาอิพิเนฟรินตลอดเวลา 

สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ซึ่งมีอาการแพ้เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งอาการ ควรไปแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหรือแม้ว่าจะฉีดยาอิพิเนฟรินแล้วยังคงมีอาการแพ้อยู่ แม้ว่าพบได้น้อยมากที่อาการแพ้พิษผึ้งอย่างรุนเเรงจะทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นภายในระยะเวลา 5-10 นาทีหลังจากถูกผึ้งต่อย 

ในขณะที่รอเข้ารับการรักษาจากแพทย์ ผู้ป่วยควรนอนหงายและยกเท้าสูงขึ้น เนื่องจากการทำแบบนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าและวิงเวียนศีรษะได้ด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของกระเเสเลือดเข้าสู่หัวใจ 

การรักษาในระยะยาว 

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับสารก่อภูมิแพ้เป็นวิธีการรักษาที่ออกแบบมาเพื่อลดอาการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้บางชนิด สำหรับบางคนอาจมีอาการแพ้รุนเเรงเมื่อโดนผึ้งต่อย หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆสามารถเข้ารับการรักษาที่เรียกว่าการบำบัดอาการภูมิแพ้ด้วยสารพิษ (VIT)

การบำบัดภูมิเเพ้ด้วยสารพิษเป็นการใช้พิษผึ้งฉีดเข้าไปในร่างกายโดยค่อยๆเพิ่มปริมาณของสารพิษที่ฉีดเข้าไปในร่างกายในระยะเวลาประมาณ 3 ปีเพื่อช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อพิษของผึ้งได้

ข้อมูลจากงานวิจัยในปี 2015 ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวรสาร โรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้แนะนำว่าการรักษาด้วยสารพิษบำบัดเป็นการรักษาอาการแพ้ผึ้งต่อยที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้พิษผึ้งอย่างรุนเเรงควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับข้อมูลการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวเพิ่มเติม 

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *