ไข้หวัด (Common Cold) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ไข้หวัด (Common Cold) : อาการ สาเหตุ การรักษา

18.09
1275
0

โรคไข้หวัด (Common Cold) คือการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนซึ่งโรคไข้หวัดนี้เกิดจากการติดเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า rhinopharyngitis และ coryza 

เนื่องจากมีไวรัสมากกว่า 200 สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดไข้หวัดได้และร่างกายไม่เคยสร้างภูมิต้านทานไวรัสได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงกลับมาเป็นโรคไข้หวัดซ้ำได้ ข้อมูลจากสถาบันป้องกันเเละควบคุมโรคพบว่าผู้ใหญ่เป็นไข้หวัด 2-3 ครั้งต่อปีและเด็กอาจเป็นไข้หวัดได้มากถึง 12 ครั้งต่อปี  

ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านอากาศด้วยการไอเเละจามรวมถึงการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อติดอยู่ อาการติดเชื้อนี้สามารถแพร่กระจายได้ 1-2 วันก่อนเริ่มมีอาการเป็นไข้และจนกระทั่งอาการไข้หวัดได้หายไป

Common Cold

อาการไข้หวัด

ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักอาการทั่วไปของโรคไข้หวัด

อาการของโรคไข้หวัดเกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองกับไวรัสไข้หวัดทำให้เกิดการกระตุ้นการปล่อยสารเคมีและทำให้หลอดเลือดรั่วจึงทำให้ต่อมเมือกที่อยู่หลังจมูกทำงานลำบาก

อาการส่วนใหญ่ของโรคไข้หวัดได้แก่

อาการส่วนน้อยที่เกิดจากการเป็นไข้หวัด

  • อาการปวดกล้ามเนื้อ
  • อาการหนาวสั่น
  • ตาแดง
  • อ่อนล้าหมดเเรง
  • น้ำย่อยลดลง
  • อาการเหนื่อยหอบอย่างรุนเเรง

บางคนอาจจะไม่มีอาการใดๆเมื่อติดเชื้อไวรัสอาจเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถตอยสนองกับไวรัสชนิดต่างๆได้ บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียในหูและโพรงจมูกในขณะที่ติดเชื้อไวรัสได้ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่าการติดเชื้อแบคทีเรียขั้นที่สองและมักได้รับการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ  

สาเหตุไข้หวัด

โรคไข้หวัดส่วนใหญ่สามารถเกิดจากไวรัสที่แตกต่างกันมากกว่า 200 ชนิด โดยประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของไข้หวัดเกิดจากเชื้อไรโนไวรัสนอกจากนี้เชื้อไวรัสอื่นๆที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดได้เเก่ 

  • เชื้อไวรัสปอดอักเสบ (parainfluenza virus )
  • เชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ (Human metapneumovirus )
  • เชื้อโคโรน่าไวรัส
  • เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ 
  • เชื้อเอนเอโรไวรัส 

เมื่อเชื้อพัฒนาตัวเองให้มีพลังเหนือกว่าระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จึงทำให้เกิดการติดเชื้อเกิดขึ้น อวัยวะเเรกที่ถูกทำลายคือต่อมเมือกที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำเมือกหล่อเลี้ยงโพรงจมูกและคอหรือเรียกว่าต่อมเมือก ซึ่งน้ำเมือกทำหน้าที่เป็นกับดักฝุ่น ไวรัสและแบคทีเรียต่างๆไม่ให้เข้าไปในจมูก น้ำเมือกคือของเหลวที่อยู่ในจมูก ลำคอและช่องคลอด 

เมื่อน้ำเมือกเกิดการติดเชื้อด้วยไวรัส ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์และควบคุมการทำงานของเซลล์และทำให้เซลล์กลายเป็นเครื่องผลิตไวรัสเพิ่มมากขึ้นจากนั้นไวรัสจึงไปโจมตีเซลล์อื่นๆต่อไป 

ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด

การติดเชื้อไข้หวัดสามารถนำไปสู่ภาวะเเทรกซ้อนของโรคดังต่อไปนี้ 

โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน

ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อหลอดลม (หลอดเล็ก) ภายในปอดเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือไวรัส 

การใช้ยาปฏิชีวนะสามารถใช้รักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเท่านั้น ถ้าหากเป็นการติดเชื้อจากไวรัสมักใช้การรักษาด้วยวิธีที่สามารถบรรเทาอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นจนกระทั่งการติดเชื้อหายไปเพราะบางครั้งการใช้ยาปฏิชีวนะไม่มีผลต่อเชื้อไวรัส

ตัวอย่างของเสมหะสามารถนำไปตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศเพื่อตรวจสอบปริมาณของแบคทีเรียที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีเสียงหวีด หายใจสั้น อาการไอและเสมหะ 

โรคปอดบวม

โรคนี้เป็นอีกอาการหนึ่งที่เกิดเมื่อปอดเกิดการติดเชื้อเนื่องจากถุงลมในปอดเกิดการอักเสบ

โรคปอดบวมสามารถเกิดได้จากทั้งแบคทีเรียหรือไวรัสอย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสของโรคไข้หวัดธรรมดาสามารถทำให้เกิดโรคปอดบวมได้เช่นกัน ถ้าหากเป็นโรคปอดบวมที่เป็นอาการเเทรกซ้อนของไข้หวัดธรรมดาส่วนใหญ่มักเกิดจากแบคทีเรียต้องใช้ยาปฎิชีวนะรักษาและมี            อาการอื่นๆตามมาเช่นอาการเจ็บหน้าอก ไอ มีไข้และหายใจลำบาก 

แบคทีเรียติดเชื้อในจมูกเฉียบพลัน

เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียภายในจมูกสามารถใช้ยาลดน้ำมูกเพื่อบรรเทาอาการนี้ได้แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ยาปฏิชีวนะควบคู่ด้วยเพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อในอนาคตที่อาจนำมาสู่อาการอื่นตามมาเช่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียแต่กรณีเป็นกรณีที่หาได้ยาก โดยส่วนใหญ่มักมีอาการปวดหัว เจ็บโพรงจมูกและคัดจมูกเกิดขึ้น

ภาวะเเทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดอื่นๆได้แก่ 

  • หลอดลมอักเสบ 
  • อาการหายใจลำบาก
  • เกิดอาการอักเสบในหูชั้นกลาง
  • อาการเเสบคอ

ผู้ที่เป็นโรคดังต่อไปนี้เป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอต่อโรคไข้หวัด 

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้แก่ภาวะพองลมในเนื้อเยื่อหรือถุงลมและหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคไข้หวัดสามารถทำให้โรคถุงลมโปงพองและหลอดลมอักเสบเรื้อรังเลวร้ายลงได้ซึ่งทำให้เกิดอาการไอและหายใจสั้น บางครั้งอาจทำให้เกิดจากติดเชื้อจากแบคทีเรียจึงทำให้เป็นไข้หวัดและอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะรักษา

โรคหอบหืดสามารถเกิดขึ้นได้จากการกระตุ้นของโรคไข้หวัดเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็ก

หนังสือพิมพืเกี่ยวกับการแพทย์

การป้องกันไข้หวัด

การล้างมือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการเเพร่เชื้อไข้หวัดได้

เนื่องจากมีเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดได้ดังนั้นจึงทำให้การคิดค้นวัคซีนทำได้ยาก

อย่างไรก็ตามมีการป้องกันที่สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเป็นไข้หวัดไดัดังต่อไปนี้ 

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัด
  • พยายามรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเพื่อช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเเข็งเเรง
  • เมื่อเกิดการจามหรือไอควรใช้ทิชชู่ปิดปากและทิ้งทิชชู่ในถังขยะและล้างมือให้สะอาด
  • ถ้าหากคุณจามใส่มือ คุณควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำทันที
  • ถ้าคุณไม่มีทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าคุณควรไอใส่เเล้วใช้ข้อศอกเเขนปิดปากเเทนการใช้มือ
  • ควรมั่นล้างมือเป็นประจำ ไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดสามารถเเพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้โดยการสัมผัส ในความเป็นจริงเเล้วเชื้อโรคสามารถส่งต่อโดยการจับมือเเละจูบ
  • ควรรักษาความสะอาดของบ้านอยู่เสมอโดยเฉพาะบริเวณห้องครัวและห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าโดยเฉพาะปากเเละจมูก

การรักษาไข้หวัด

เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านไวรัสไม่สามารถรักษาโรคไขัหวัดที่เกิดจาการติดเชื้อจากไวรัสได้ โดยปกติไข้หวัดมีอาการเกิดขึ้นยาวนานถึง 10 วัน อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 3 อาทิตย์

เเม้ว่ายังไม่มีการรักษาที่เเน่นอนสำหรับการรักษาโรคไข้หวัด การปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้ 

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและทำให้ร่างกายได้รับน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอเพราะถ้าหากร่างกายขาดน้ำอาการไข้หวัดจะเเย่ลงได้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเเละนอนพักผ่อนสิ่งสำคัญคือคุณควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอให้ได้มากที่สุดเพื่อทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณสามารถต่อสู้กับไวรัสได้
  • ทานยาเเอสไพริน ยาพาราเซลตามอล หรือบลูโรเฟนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวหรือเมื่อมีไข้ แต่ไม่ควรให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีทานยาแอสไพริน 
  • ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกซึ่งเป็นอาการของการติดเชื้อในจมูก

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *