ต่อมน้ำเหลืองโต (Enlarged Lymph Nodes) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ต่อมน้ำเหลืองโต (Enlarged Lymph Nodes) : อาการ สาเหตุ การรักษา

28.12
3426
0

ต่อมน้ำเหลืองโต (Enlarged lymph nodes) บ่งบอกถึงการติดเชื้อที่ได้พบบ่อย และยังสามารถสื่อถึงอาการได้ เช่น โรคภูมิคุ้มกันหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีโครงสร้างลักษณะกลมและเล็ก มีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

บทความนี้จะบอกถึงสาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต เมื่อไรควรไปพบแพทย์และทางเลือกในการรักษาโรค

Enlarged Lymph Nodes

ทำไมถึงเกิดต่อมน้ำเหลืองโต

เซลล์ภูมิคุ้มกันในต่อมน้ำเหลืองจะช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองจะรวบรวมและกรองของเหลว ของเสีย และเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ซึ่งร่างกายมนุษย์มีต่อมน้ำเหลืองหลายร้อยต่อม

ต่อมน้ำเหลืองหลักที่คนทั่วไปอาจมองเห็นหรือรู้สึกได้แก่:

  •  ต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกร
  •  ต่อมน้ำเหลืองที่คอแต่ละข้าง
  •  ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้
  •  ต่อมน้ำเหลืองด้านใดด้านหนึ่งของขาหนีบ

น้ำเหลืองไหลเข้าและออกจากต่อมน้ำเหลืองไปทั่วร่างกายก่อนที่จะไหลกลับมาที่หน้าอก ในขณะเดียวกันจะรวบรวมและดักจับสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และของเสียจากร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองจะกรองของเหลวและปล่อยกลับเข้าสู่กระแสเลือดพร้อมกับเกลือและโปรตีน ต่อมน้ำเหลืองยังมีเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อโดยจะโจมตีเชื้อโรคที่น้ำเหลืองของร่างกายสะสมไว้ ต่อมน้ำเหลืองอาจโตได้เมื่อมีการติดเชื้อชั่วคราว การโตของต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันในต่อมน้ำเหลือง

ตำแหน่งของการโตมักเกี่ยวข้องกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ตัวอย่าง เช่น การติดเชื้อในหูอาจทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองโตหลังบริเวณหู ในขณะที่คนที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอาจสังเกตเห็นต่อมน้ำเหลืองที่คอโต

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต

ภาวะหลาย ๆ อย่างทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะต่อมน้ำเหลืองที่ศีรษะและคอ รวมถึงความผิดปกติของภูมิต้านทาน เนื้อเยื่อมะเร็งบางชนิด และการติดเชื้อที่พบบ่อย เช่น ไข้หวัด ยาบางชนิด เช่น ยาต้านมาลาเรียและยาฆ่าเชื้ออาจก่อให้เกิดการโตของต่อมน้ำเหลืองได้เช่นกัน อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ สาเหตุที่เป็นไปได้ของต่อมน้ำเหลืองโตโดยละเอียด

การติดเชื้อ

หวัดและไข้หวัดใหญ่อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต การติดเชื้อที่อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัส การติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ :

  • โรคไข้หวัดทั่วไป
  • ไข้หวัด
  • การติดเชื้อไซนัส
  • โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Infectious Mononucleosis) คือโรคติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสน้ำลายของผู้ป่วย
  •  ต่อมทอนซิลอักเสบ
  • ฟันหรือเหงือกติดเชื้อ
  • การติดเชื้อ Staphylococcus Aureus
  • คออักเสบ
  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • การติดเชื้อรา

การติดเชื้อที่รุนแรงมากขึ้นอาจทำให้เกิดอาการโตในบริเวณต่อมน้ำเหลืองหนึ่งหรือหลายจุด ได้แก่ :

ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน

ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต ได้แก่:

  • โรคเอสแอลอีหรือลูปัส (SLE, Lupus)
  • โรคไขข้ออักเสบ
  • โรคปากแห้ง ตาแห้ง (Sjogren’s syndrome)
  •  มะเร็ง

ต่อมน้ำเหลืองโตยังสามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติหรือมะเร็ง ได้แก่ :

ปัจจัยเสี่ยงบางอย่างทำให้บุคคลมีแนวโน้มที่จะมีปัญหามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งรวมถึงปัจจัยดังต่อไปนี้:

  • มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
  • เพศชาย
  • มีผิวขาว

ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจสังเกตเห็นว่าต่อมน้ำเหลืองแข็งหรือลักษณะเป็นลูกหนู นอกจากนี้ยังอาจพบอาการทางระบบเช่น ไข้เหงื่อออกตอนกลางคืนและน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบ

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น ซิฟิลิสและหนองใน อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้ โดยปกติจะอยู่ที่บริเวณขาหนีบ การติดเชื้อในร่างกายส่วนล่าง และการบาดเจ็บที่ขา อาจทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบได้

เมื่อไรควรไปพบแพทย์

ในหลาย ๆ กรณีอาการอาจจะลดลงและหายไปภายใน 2 ถึง 3 สัปดาห์ เมื่อร่างกายสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้สำเร็จ หากยังมีปัญหานานกว่า 2-3 สัปดาห์อาจต้องไปพบแพทย์

เหตุผลอื่น ๆ ที่ควรไปพบแพทย์ ได้แก่ :

  • ต่อมน้ำเหลืองที่รู้สึกแข็งหรือลักษณะเป็นลูกหนูเมื่อสัมผัส
  • ไม่เคลื่อนที่อย่างอิสระ
  • มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งนิ้วขึ้นไป
  • มีเหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดท้อง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุหรือมีไข้สูง

วิธีการตรวจต่อมน้ำเหลืองโต

สามารถตรวจสอบได้ว่าต่อมน้ำเหลืองโตหรือไม่โดยกดเบา ๆ บริเวณนั้น เช่น ด้านข้างของลำคอ เมื่อต่อมน้ำเหลืองโตจะรู้สึกเหมือนมีก้อนกลม ๆ นิ่ม ๆ และอาจมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วหรือผลองุ่น เมื่อสัมผัสอาจรู้สึกนิ่มๆ ซึ่งบ่งบอกถึงการอักเสบ ในบางกรณีต่อมน้ำเหลืองจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติด้วย

ต่อมน้ำเหลืองปรากฏขนานกันทั้งสองข้างของร่างกาย สามารถเปรียบเทียบเพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองมีขนาดใหญ่กว่าอีกด้านหรือไม่ หลายคนมักมีอาการจะรู้สึกเจ็บปวดหรือตึง ขณะเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวรวมถึงการหันคออย่างรวดเร็ว การก้มศีรษะหรือการรับประทานอาหารที่เคี้ยวยาก

ต่อมน้ำเหลืองโตมักเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาพื้นฐาน แต่อาจรวมถึงอาการเจ็บคอ ไอ หรือ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่

การวินิจฉัยต่อมน้ำเหลืองโต

แพทย์มักจะวินิจฉัยสาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโตได้ โดยทำการตรวจร่างกายโดยเน้นที่บริเวณที่เป็นและโดยมีการพูดคุยเกี่ยวกับอาการและประวัติทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามอาจมีการทดสอบทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการเพิ่มเติม  อาจรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ

การทดสอบสามารถช่วยให้แพทย์ตรวจดูต่อมน้ำเหลืองและโครงสร้างโดยรอบของร่างกายได้อย่างใกล้ชิด การทดสอบรวมถึง:

  • อัลตราซาวนด์
  • CT scan
  • MRI scan

หากยังมีอาการเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือมีอาการเตือนอื่น ๆ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง ในระหว่างขั้นตอนนี้แพทย์จะทำให้ชาบริเวณนั้นทำการตัดเล็ก ๆ และนำส่วนของเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองออกเพื่อส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรืออาจเลือกใช้เข็มเจาะ ซึ่งการใช้เข็มเพื่อขจัดเซลล์บางส่วนออกจากต่อมน้ำเหลืองเพื่อทำการวิเคราะห์

วิธีรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

การดื่มเครื่องดื่มมาก ๆ จะช่วยลดอาการที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อาการของต่อมน้ำเหลืองโตมักจะหายไปเมื่อการติดเชื้อหายไป อาจหายไปเมื่อใช้ยาตามใบสั่งแพทย์เช่น ยาปฏิชีวนะหรือ ยาต้านไวรัส แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านการอักเสบหากมีอาการบวมของเนื้อเยื่อ หากอาการป่วยที่เป็นสาเหตุทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตการรักษาอาการนี้ควรลดอาการบวม

การบรรเทาอาการของต่อมน้ำเหลืองโตสามารถทำได้ที่บ้านได้แก่ :

  • รับประทานยาแก้ปวดที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น acetaminophen หรือ ibuprofen
  • ใช้ลูกประคบ
  • ดื่มเครื่องดื่มมาก ๆ เช่น น้ำเปล่าและน้ำผลไม้สด
  • พักผ่อนเพื่อช่วยให้ร่างกายหายจากอาการเจ็บป่วย

สรุปบทความ

ต่อมน้ำเหลืองโตมักเกิดจากภาวะอื่น เช่น การติดเชื้อและมักจะหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ หากต่อมน้ำเหลืองโตควรปรึกษาแพทย์ หากมีอาการนานเกิน 3 สัปดาห์หรือเกิดอาการร่วมอื่น ๆ เช่น มีไข้สูงปวดท้อง หรือ มีเหงื่อออกตอนกลางคืน สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโตจะเป็นตัวกำหนดการรักษา

แหล่งที่มาของบทความ

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *