มะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal Cancer) : อาการ สาเหตุ การรักษา

มะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal Cancer) : อาการ สาเหตุ การรักษา

24.01
2180
0

มะเร็งหลอดอาหารคืออะไร

มะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal cancer) คือมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณหลอดอาหารที่เชื่อมต่อระหว่างลำคอไปจนถึงกระเพาะอาหาร

โดยมะเร็งชนิดนี้มักพบในแถบเอเชียและแอฟริกาและพบได้ยากในแถบอเมริกา ซึ่งจากสถิติพบผู้ป่วยรายใหม่เพียงร้อยละ 1 และพบว่าร้อยละ 2.6 ของผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิตจากมะเร็งชนิดดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เกิดกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป

ประเภทของมะเร็งหลอดอาหาร

มะเร็งหลอดอาหารมีอยู่ 2 ประเภทหลักดังนี้

  • เซลล์มะเร็งหลอดอาหารชนิดคาร์สิโนมา (Squamous cell carcinoma): มักเกิดขึ้นกับเซลล์ผิวหนังส่วนบนของหลอดอาหาร

  • เซลล์มะเร็งหลอดอาหารชนิดอะดีโนคาร์สิโนมา(Adenocarcinoma of the esophagus) : มักเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ต่อมซึ่งอยู่ระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร

อาการมะเร็งหลอดอาหาร

โดยส่วนมากผู้ป่วยมักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้นของโรค และจะสามารถวินิจฉัยโรคได้เมื่อมะเร็งเริ่มลุกลามและจะแสดงอาการดังนี้

  • กลืนลำบาก เนื่องจากเนื้องอกจะไปกดทับและขัดขวางทางเดินอาการ โดยปกติอาการดังกล่าวจะสังเกตเห็นเป็นอย่างแรก

  • ผู้ป่วยจะอาเจียนหลังจากที่รับประทานอาหาร เนื่องจากอาหารจะติดภายในหลอดอาหาร

  • น้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด

  • อาการไอ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพยายามกลืนบางอย่างและบางรายมีอาการไอเป็นเลือด

  • เสียงเปลี่ยน ซึ่งเสียงของผู้ป่วยจะแหบ

  • อาการเจ็บคอ

  • มีอาการกรดไหลย้อน โดยจะเกิดเมื่อพบมะเร็งบริเวณส่วนล่างของหลอดอาหาร

  • เจ็บหน้าอก ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาการกรดไหลย้อน

    Esophageal Cancer

สาเหตุของมะเร็งหลอดอาหาร

มะเร็งเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ยากเกินจะควบคุม และจะส่งผลอันตรายต่อร่างการเมื่อเซลล์แบ่งตัวจนไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อน เรียกว่าเนื้องอก

โดยเนื้องอกจะเติบโตและรบกวนการทำงานของร่างกาย ซึ่งบางครั้งก็พบเนื้องอกที่ไม่เติบโตและอยู่จุดหนึ่งในร่างกายโดยไม่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตามมะเร็งร้ายนั้นเป็นอันตรายอย่างมาก หากปราศจากการรักษามะเร็งจะเติบโตและขยายตัวออกไปได้ และเมื่อมะเร็งเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองก็จะเกิดการกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงอวัยวะสำคัญด้วย

ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลอดอาหาร

สาเหตุของมะเร็งหลอดอาหารยังไม่มีการระบุแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคดังนี้

  • โรคอะคาเลเซีย (Achalasia): โรคชนิดนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการเคลื่อนตัวของหลอดอาหาร

  • อายุ: มะเร็งหลอดอาหารปกติมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป

  • การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

  • โรคเซลิแอค (Celiac disease): โรคชนิดนี้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็งชนิดคาร์สิโนมา (Squamous cell carcinoma)

  • พฤติกรรมการบริโภค: พบว่าหากบริโภคผักและผลไม้น้อยเกินไปทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งหลอดอาหาร

  • พันธุกรรม: มีความเสี่ยงต่อโรคเพิ่มขึ้นหากพบสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคดังกล่าว

  • โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease): โรคนี้จะแสดงอาการหลักออกมาและอาจนำไปสู่โรคหลอดอาหารบาร์เรตต์ (Barrett’s esophagus) ซึ่งจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของโรค

  • เชื้อ HPV (Human Papilloma Virus): เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัสหรือการมีเพศสัมพันธ์

  • การสัมผัสสารเคมีหรือสิ่งระคายเคืองในระยะยาว: ซึ่งรวมถึงเขม่า ฝุ่นโลหะ ควันไอเสีย  น้ำด่าง และฝุ่นซิลิกา

  • เพศ: พบว่าเพศชายมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคสูงกว่าเพศหญิง

  • โรคอ้วน: มะเร็งหลอดอาหารพบมากกว่าปกติในผู้ที่เป็นโรคอ้วน

  • มะเร็งชนิดอื่น ๆ: ผู้ที่เป็นมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอมาก่อน จะเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารอย่างมีนัยสำคัญ

  • รังสีรักษา: เมื่อฉายรังสีบริเวณทรวงอกหรือศีรษะ อาจจะเสี่ยงต่อโรคสูงขึ้น

การรักษาโรคมะเร็งหลอดอาหาร

กระบวนการเลือกวิธีการรักษามะเร็งหลอดอาหารจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ชนิดของเซลล์มะเร็ง

  • ระยะของโรค

  • ภาวะสุขภาพและอายุของผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยมีโรคอื่นแทรกซ้อน

ตัวเลือกในการรักษามีดังนี้

  • การผ่าตัด

  • เคมีบำบัด

  • ฉายแสงบำบัด

ผู้ป่วยที่อาจต้องการความช่วยเหลือ การให้อาหารและน้ำด้วยวิธีการดังนี้

  • หากผู้ป่วยไม่สามารถกลืนได้ ศัลยแพทย์จะสอดขดลวดเพื่อให้หลอดอาหารโล่ง

  • การให้อาหาร ผ่านจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร

  • การใส่สายให้อาหารผ่านทางหน้าท้อง

ในการรักษาจะต้องเลือกว่าจะนำก้อนเนื้องอกออกมาทั้งหมดหรือนำส่วนของเซลล์มะเร็งออกมาบางส่วนเพื่อป้องกันเนื้องอกขยายใหญ่ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้กำหนดว่าจะทำการผ่าตัด, เคมีบำบัด หรือเลือกทั้งสองวิธี

การผ่าตัด

การผ่าตัดต่อไปนี้จะเป็นการช่วยรักษาผู้ป่วยมะเร็งหลอดอาหาร

  • การผ่าตัดหลอดอาหารออกบางส่วน (Esophagectomy) กระบวนการนี้จะนำบางส่วนของหลอดอาหารที่พบเนื้องอกออก และจะเชื่อมกลับเข้าไปใหม่ ซึ่งบางครั้งจะใช้ส่วนของลำไส้ใหญ่เพื่อช่วยเชื่อมหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร

  • การผ่าตัดหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร (Esophagogastrectomy)

กระบวนการนี้จะเป็นการนำส่วนของหลอดอาหารที่พบเนื้องอกออก เช่นเดียวกับส่วนของกระเพาะที่ใกล้กับต่อมน้ำเหลือง หากศัลยแพทย์ไม่สามารถเชื่อมระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารได้ ก็จะใช้นำส่วนเล็ก ๆ จากลำไส้ใหญ่มาเชื่อมต่อกัน

วิธีการรักษาแบบอื่น ๆ

มีวิธีการอื่นๆดังนี้ การรักษาโดยไม่ผ่าตัดเพื่อที่จะสามารถรักษาและพยุงอาการผู้ป่วยได้

  • การรักษาแบบโฟโตไดนามิค (Photodynamic therapy): โดยแพทย์จะใช้สารพิเศษไปยังหลอดอาหารเพื่อให้เซลล์ไวต่อแสง จากนั้นจะใช้กล้องเอ็นโดสโคปในการยิงเลเซอร์เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง

  • การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy): กระบวนการนี้จะทำก่อนหรือหลังการผ่าตัด หรืออาจจะทั้งคู่ เคมีบำบัดสามารถช่วยรักษา, ชะลอการเกิดของเซลล์มะเร็งได้ หรือช่วยบรรเทาอาการของโรคในระยะหลัง ๆ

  • การรักษาด้วยการฉายแสงบำบัด (Radiation therapy): คือการฉายแสงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยรังสีนั้นจะทำลาย DNA ภายในเซลล์เนื้องอก และจะทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาใหม่ได้ โดยแพทย์สามารถเลือกฉายแสงระยะไกล หรือแบบระยะใกล้ได้

ปกติแล้วผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยวิธีฉายแสงบำบัดร่วมกับเคมีบำบัด ซึ่งแพทย์อาจจะทำรังสีรักษาก่อนหรือหลังการผ่าตัด

การวินิจฉัยโรคมะเร็งหลอดอาหาร

แพทย์จะสำรวจและสอบถามอาการจากผู้ป่วย จากนั้นจะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อตรวจสอบ ซึ่งกระบวนการทดสอบเพื่อวินิจฉัยโรคมีดังนี้

  • การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร (Endoscopy): โดยเเพทย์จะสอดกล้องเอ็นโดสโคปผ่านช่องปากไปยังหลอดอาหารถึงกระเพาะอาหาร เพื่อตรวจสอบเนื้องอกหรือความผิดปกติ

  • การตัดชิ้นเนื้อ เพื่อวินิจฉัย (Biopsy): โดยแพทย์จะเก็บตัวอย่างของเนื้อเยื่อ หากการส่องกล้องพบความผิดปกติ พยาธิแพทย์จะตรวจสอบตัวอย่างเพื่อระบุว่าเป็นเซลล์มะเร็งชนิดใด

  • การทดสอบด้วยการกลืนแบเรียม (Barium swallow test): ผู้ป่วยจะต้องดื่มแบเรียม และแบเรียมจะแสดงผลกับรังสี X-Ray ซึ่งจะเป็นตัวบอกว่าพบความผิดปกติที่ใด

  • การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (Endoscopic ultrasound): โดยแพทย์จะสอดกล้องทางช่องปากไปยังพื้นที่เป้าหมาย โดยปกติแล้ววิธีนี้จะต้องแน่ชัดก่อนว่าพบเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบลักษณะของเนื้องอกและดูว่ามีการกระจายตัวในลักษณะใดกับเนื้อเยื่อใกล้เคียง

  • การสแกน: เช่นการทำ CT สแกนสามารถช่วยระบุการกระจายตัวของมะเร็ง

ระยะของโรคมะเร็งหลอดอาหาร

มะเร็งหลอดอาหารประกอบด้วย 5 ระยะดังนี้

  • ระยะที่ศูนย์: ระยะนี้จะอ้างถึงเซลล์ที่มีพฤติกรรมคลายเซลล์มะเร็งแต่ยังไม่กลายเป็นเซลล์มะเร็ง

  • ระยะที่หนึ่ง: เซลล์มะเร็งเริ่มก่อนตัวในผนังหลอดอาหาร แต่ตำแหน่งของเนื้องอกจะยังไม่ชัดเจน

  • ระยะที่สอง: เซลล์มะเร็งเริ่มกระจายไปยังกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่เชื่อมกับหลอดอาหาร และต่อมน้ำเหลืองหนึ่งถึงสองจุด

  • ระยะที่สาม: เซลล์มะเร็งเริ่มกระจายไปยังกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่เชื่อมกับหลอดอาหาร อาจเป็นไปได้ว่ากระจายตัวไปยังกระบังลม, เนื้อเยื่อรอบหัวใจ หรือเนื้อเยื่อบริเวณปอด และต่อมน้ำเหลืองสามถึงหกจุด

  • ระยะที่สี่: เซลล์มะเร็งกระจายตัวภายในร่างกายเป็นวงกว้าง

แนวโน้มของโรคมะเร็งหลอดอาหาร

ในปี ค.ศ.2014 นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างข้อมูลของผู้ป่วยมะเร็งหลอดอาหารพบว่าร้อยละ 19.2 ของผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้ 5 ปีหลังการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง

ซึ่งแนวโน้มขึ้นอยู่กับความรุนแรงของระยะมะเร็ง ถ้ามะเร็งไม่กระจายจากหลอดอาหาร โอกาสรอดของผู้ป่วยจะเพิ่มเป็นร้อยละ 43 แต่ถ้าโรคกระจายไปยังอวัยวะรอบ ๆ โอกาสรอดจะลดลงร้อยละ 23 และหากกระจายไปทั่วร่างกายโอกาสรอดจะเหลือไม่ถึงร้อยละ 5

หากคุณมีอาการตามที่ระบุไว้ ควรไปพบแพทย์

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *