ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) : อาการ สาเหตุ การรักษา

29.04
816
0

ไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบของตับ มักไม่ค่อยส่งผลให้ตับถูกทำลายอย่างรุนแรงหรืออันตรายถึงชีวิตและไม่ก่อให้เกิดโรคตับเรื้อรัง

ซึ่งต่างกับไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ตรงที่จะไม่ก่อให้เกิดโรคตับเรื้อรัง โดยเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะทำให้ไม่ติดได้เชื้ออีกเลย

ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV) พบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำ ซึ่งขาดการดูแลสุขอนามัยที่เพียงพอ โดยมักการแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนหรือสัมผัสคนใกล้ชิด ส่วนมากพบว่าเด็กมักเป็นสื่อกลางในการแพร่กระจายโรค

การพัฒนาด้านสุขอนามัย, นโยบายด้านสาธารณสุข, สาธารณูปโภคที่ดี และวัคซีนป้องกันไวรัสซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538 โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลสู่การลดจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก

อย่างไรก็ตามการระบาดก็ยังคงเกิดขึ้น โดยในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 เกิดการระบาดในสหรัฐฯ โดยพบผู้คนติดเชื้อจำนวน 143 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับสตรอเบอร์รี่แช่แข็งจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สนับสนุนให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและยับยั้งแพร่กระจายของโรค

อาการของไวรัสตับอักเสบเอ

ผู้ติดเชื้อหลายรายไม่มีอาการป่วยเกิดขึ้น แต่หากมีอาการโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 15 ถึง 50 วัน หลังการติดเชื้อซึ่งส่วนมากในผู้ใหญ่จะพบอาการคล้ายกับไข้หวัด

ซึ่งรวมถึงอาการ

  • คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร
  • ปวดท้อง  ท้องร่วง
  • มีไข้
  • รู้สึกไม่สบายตัวและอ่อนเพลีย
  • มีอาการปวดข้อ
  • มีอาการดีซ่าน ตัวเหลืองและตาเหลือง
  • ปัสสาวะสีเข้ม และอุจจาระซีด

เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี มักไม่แสดงอาการ

อาการดีซ่านจะส่งผลในผู้ป่วยตามสถิติดังนี้

  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี มีโอกาสแสดงอาการน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
  • ผู้ที่มีอายุ 6 ถึง 14 ปี มีโอกาสแสดงอาการ 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 14 ปี มีโอกาสแสดงอาการ 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์

อาการมักจะผ่านไปภายใน 3 ถึง 6 เดือนจากการติดเชื้อครั้งแรก แต่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยจะมีอาการต่อเนื่องหรือเกิดอาการซ้ำเป็นเวลา 6 ถึง 9 เดือน

ไวรัสตับอักเสบเอ อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตในผู้ป่วยสูงอายุและในผู้ที่เป็นโรคตับเรื้อรังอยู่แล้ว

สาเหตุของไวรัสตับอับเอ

ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบเอจะขับไวรัสออกทางอุจจาระ และสามารถส่งต่อได้เมื่อผู้ที่ไม่ติดเชื้อรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ติดเชื้อ

ไวรัสสามารถอยู่ได้นานหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้นในน้ำทะเล, น้ำจืด, น้ำเสีย และดิน

การติดเชื้อส่วนใหญ่จะถูกส่งต่อจากสัมผัสหรือคลุกคลีกับคนใกล้ชิด, สมาชิกในครอบครัวที่ติดเชื้อ หรือคู่นอน ไม่ใช่การติดต่อแบบผ่าน ๆ หรือทั่วไป

ปัจจัยเสี่ยง

ผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อก่อนหน้านี้จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง

ปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยง ได้แก่ :

  • การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อในบ้าน
  • การอาศัยหรือทำงานในที่อยู่อาศัยที่มีคนพลุกพล่าน
  • ผู้ที่เข้าหรือทำงานในศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
  • กิจกรรมการรักร่วมเพศ
  • การฉีดยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้เข็มร่วมกัน
  • การใช้ยาอื่น ๆ
  • การสัมผัสอาหาร
  • การทำงานกับคนหรือสัตว์ที่มีเชื้อหรือเชื้อไวรัสในห้องปฏิบัติการวิจัย
  • การสัมผัสกับอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อ
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด

การฉีดวัคซีนตามปกติของเด็กทารกทุกคนเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2542 และในปี พ.ศ. 2549 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กทุกคนใน ที่มีอายุ 12 ถึง 23 เดือน

อย่างไรก็ตาม การติดเชื้ออาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีความเสี่ยงสูงและผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

ในสถานที่ ที่ไม่มีการควบคุมหรือการฉีดวัคซีน อาจเกิดการระบาดครั้งใหญ่ได้ ซึ่งในปี พ.ศ. 2531 การระบาดเพียงครั้งเดียวในเซี่ยงไฮ้ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อถึง 300,000 คน

Hepatitis A

การวินิจฉัย

การตรวจเลือดสามารถยืนยันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอได้ ซึ่งแอนติบอดีสามารถตรวจได้ทั้งการติดเชื้อเฉียบพลันและการติดเชื้อในอดีตที่ผ่านมา

ควรรายงานการติดเชื้อแบบเฉียบพลันต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายต่อไป

การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบเอ

ไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่การรักษาสามารถประคับประคองอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะขาดน้ำและอาการอ่อนเพลีย

ซึ่งรวมถึง:

  • การรัปประทานอาหารหรือสารอาหารเสริม
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • หากจำเป็นสามารถทานยาแก้ปวดที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ได้ 

ผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน อาจต้องเข้ารับการรักษาเพื่อให้ของเหลวผ่านทางหลอดเลือดดำ (IV)

ภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ยาก และผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากอาการ โดยประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อจะหายจากอาการภายใน 3 เดือนและส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 6 เดือน

ข้อควรระวังในการรักษาหลังจากสัมผัสเชื้อ

สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและทราบว่าได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ยังสามารถเข้ารับวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันโกลบูลินได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ

ซึ่งอาจรวมถึง:

  • เพื่อนร่วมงานของผู้ที่ต้องดูแลหรือจัดการอาหารที่ทดสอบผลแล้วพบว่าติดเชื้อ
  • พนักงานและเด็กในศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่มีคนได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • ใครก็ตามที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอีกเสบเอ รวมถึงพยาบาลหรือผู้ดูแล

วิธีการในการรักษาจะขึ้นอยู่กับอายุและสถานะสุขภาพของแต่ละบุคคล

การป้องกัน

การป้องกันขึ้นอยู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันและการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี

การฉีดวัคซีน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันตามปกติดังนี้:

  • เด็กทุกคนที่มีอายุ 1 ปี
  • ผู้ใหญ่ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อหรือผู้ที่เป็นโรคตับเรื้อรัง

ควรได้รับวัคซีนสองครั้งโดยฉีดห่างกัน 6 ถึง 12 เดือน โดยคนส่วนใหญ่จะมีระดับแอนติบอดีในการป้องกันเชื้อได้ภายใน 1 เดือนหลังได้รับวัคซีนครั้งแรก ซึ่งการรับวัคซีนครั้งสอบจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น

การล้างมือ

เชื้อไวรัสตับอักเสบเอสามารถอยู่รอดได้นานถึง 4 ชั่วโมงบนมือและนิ้ว ดังนั้นการล้างมือและการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยป้องกันการแพร่เชื้อได้

ควรล้างมือหลังจากใช้ห้องน้ำ, เปลี่ยนผ้าอ้อม และก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร

พื้นผิวสัมผัสทั่วไปสามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำยาฟอกขาว โดยสามารถผสมให้เจือจาง 1:100 ส่วน

อาหารและเครื่องดื่ม

นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงอาหารดิบ และอาหารที่อาจล้างในน้ำที่มีการปนเปื้อน

น้ำดื่มควรบรรจุขวดที่ได้มาตรฐานหรือต้มในอุณหภูมิอย่างน้อย 185 °ฟาเรนไฮต์ (F) หรือ 85 °เซลเซียส (C) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 นาที การเติมไอโอดีนลงในน้ำหรือการใช้คลอรีนสามารถฆ่าไวรัสได้เช่นกัน

ประเด็นสำคัญ

ไวรัสตับอักเสบเอ คือ การติดเชื้อเฉียบพลันที่อาจส่งผลต่อตับ และสามารถคงอยู่ได้หลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

ความเสี่ยงในแพร่ระบาดลดลงอย่างมากนับตั้งแต่มีการฉีดวัคซีนป้องกัน

ผู้ที่กำลังเดินทางไปยังประเทศที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำ ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบเอ

  • ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV) ถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2516
  • สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คน หรืออาหารและน้ำที่ปนเปื้อน
  • ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการ
  • อัตราการติดเชื้อในสหรัฐ ฯ ลดลงกว่า 95 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วัคซีนเปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538
  • ในปี พ.ศ. 2549 การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ ได้ถูกเพิ่มเข้าตารางการฉีดวัคซีนพื้นฐานในวัยเด็กของสหรัฐ ฯ
  • การระบาดของไวรัสตับอักเสบเอ ที่มาจากอาหารหรือน้ำถือเป็นเรื่องไม่ปกติในสหรัฐ ฯ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *