เชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus) : อาการ สาเหตุ การรักษา

เชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus) : อาการ สาเหตุ การรักษา

13.05
12124
0

โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ของเชื้อไวรัส คนที่มีเพศสัมพันธ์ส่วนมากจะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อไวรัส

HPV มีหลายประเภทและบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้  

สาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี

HPV เป็นไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังซึ่งมักติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อเกิดได้กับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

เมื่อติดเชื้อแล้วอาจไม่พบอาการใด ๆ เลย หรืออาจเกิดอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ ได้ HPV สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม

สายพันธุ์ของ HPV ที่ทำให้เกิดหูดนั้นแตกต่างจากสายพันธ์ที่เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง

สาเหตุในวัยเด็ก

HPV สามารถแพร่กระจายไปยังทารกระหว่างคลอดได้  แต่จากงานวิจัยพบความความเสี่ยงในการติดเชื้อลักษณะนี้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กจะสามารถดูแลการติดเชื้อได้

สัญญาณของการติดเชื้อ HPV ในทารก ได้แก่ หูดที่อวัยวะเพศ หรือรอยโรคที่ปาก

กรณีเด็กเล็กมีอาการ HPV อาจบ่งบอกถึงการล่วงละเมิดทางเพศของเด็กได้

ปัจจัยที่ส่งผลโรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV ได้แก่ :

  • เปลี่ยนคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่นไม่สวมถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัย
  • มีบริเวณที่ผิวหนังเป็นรอยแผล หรือเสียหาย
  • มีการสัมผัสกับหูด หรือสัมผัสกับ HPV ที่ตกค้างบนพื้นผิวต่าง ๆ
  • ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน HPV

ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งจะสูงขึ้น หากผู้ป่วยติดเชื้อ  HPV และ:

  • การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่นหนองในเทียม
  • คลอดลูกคนแรกตั้งแต่อายุยังน้อย
  • ให้กำเนิดลูกหลายคน
  • สูบบุหรี่ หรือยาสูบชนิดต่าง ๆ
  • มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

อาการของโรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี

อาการของ HPV อาจปรากฏขึ้นหลายปีหลังจากการติดเชื้อครั้งแรก ไวรัสบางชนิดอาจทำให้เกิดหูด ในขณะที่บางชนิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ HPV อาจทำให้เกิด:

หูดที่อวัยวะเพศ

ลักษณะคือการเกิดตุ่มเล็ก ๆ กระจุกหนึ่งบนผิวหนัง อาจมีลักษณะเป็นก้อนหรือเนื้อยื่นออกมาคล้ายลำต้น หูดเหล่านี้จะมีขนาดและลักษณะที่แตกต่างกัน โดยอาจมีลักษณะ ดังนี้:

  • ใหญ่หรือเล็ก
  • แบน ๆ หรือฟูเหมือนดอกกะหล่ำ
  • สีขาว, ชมพู, แดง, น้ำตาลอมม่วง หรือสีเหมือนผิวหนังปกติ

ตำแหน่งของหูด อาจเป็น:

  • ช่องคลอด
  • ปากมดลูก
  • อวัยวะเพศชายหรือถุงอัณฑะ
  • ทวารหนัก
  • บริเวณขาหนีบ

หูดเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแสบคัน ปวดแสบปวดร้อน และรู้สึกไม่สบายตัวต่าง ๆ ได้

หูดประเภทอื่น ๆ

HPV สามารถทำให้เกิดหูดทั่วไป หูดที่ฝ่าเท้า และหูดแบบแบน ๆ ได้

หูดทั่วไปมักมีลักษณะหยาบ และนูนขึ้น มักเกิดบริเวณมือ นิ้ว และข้อศอก

หูดที่ฝ่าเท้าเป็นหูดที่แข็ง และมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ มักเกิดที่เท้า โดยปกติจะขึ้นที่ส้นเท้า หรือเนินปลายเท้า

ในขณะเดียวกันหูดแบบแบนจะมีลักษณะเป็นแผลนูนขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งมักมีสีเข้มกว่าผิวหนังโดยรอบ มักเกิดบนใบหน้า หรือลำคอ

HPV เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้อย่างไร

คนส่วนมากที่ติดเชื้อ HPV อาจไม่เป็นมะเร็ง แต่การติดเชื้อบางประการก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว

HPV เป็นสายพันธุ์ของไวรัสที่มีความเสี่ยงสูงสามารถเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารระหว่างเซลล์ และทำให้เซลล์เหล่านั้นเติบโตผิดปกติ โดยไม่สามารถควบคุมได้

ผู้คนจำนวนมากจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถเอาชนะเซลล์ที่ไม่ต้องการได้ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำงานเช่นนั้นได้ เซลล์ที่ไม่ต้องการก็จะสามารถอยู่ในร่างกายและเติบโตต่อไปได้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้

โดยพบว่าเซลล์มะเร็งอาจใช้เวลาประมาณ 10-20 ปีในการพัฒนาจนเกิดโรค

การติดเชื้อสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่บริเวณต่อไปนี้:

  • ปากมดลูก
  • ปากช่องคลอด
  • ช่องคลอด
  • อวัยวะเพศชาย
  • ทวารหนัก
  • คอหอยหลังช่องปาก รวมถึงฐานของลิ้น และต่อมทอนซิล

การตรวจร่างกายเป็นประจำสามารถนำไปสู่การวินิจฉัยได้เร็ว และสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที สามารถป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็งได้

แนวทางการรักษาขึ้นกับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง อายุและสุขภาพของผู้ป่วย

การรักษาโรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี

ไม่มีวิธีจัดการให้เชื้อ HPV ออกไปจากร่างกายได้ แต่หากทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องก็จะสามารถรักษาต่างๆเพื่อกำจัดหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV ได้ แต่บางครั้งหูดเหล่านั้นก็สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องทำการรักษา

Human Papillomavirus

หูดทั่วไป

ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิกเป็นส่วนประกอบที่แพทย์ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์สามารถรักษาอาการของหูดทั่วไปได้ แต่ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับหูดที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศ

ผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจสั่งยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้:

  • imiquimod (อัลดารา, ไซคลารา)
  • podofilox (Condylox)
  • trichloroacetic acid
  • podophyllin

บางรายอาจต้องผ่าจัดเพื่อรักษาด้วย

หูดที่อวัยวะเพศ

ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ รักษาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ โดยแพทย์อาจแนะนำยาต่อไปนี้:

  • การบำบัดด้วยความเย็น: เป็นการใช้ความเย็นจากไนโตรเจนเหลวมาตรึงหูดเอาไว้
  • กระแสไฟฟ้า: เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าเผาหูด
  • การใช้เลเซอร์หรือแสงบำบัด: เป็นการใช้ลำแสงที่มีกำลังสูงเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ไม่ต้องการออกไป
  • การผ่าตัดเอาออก: ศัลยแพทย์สามารถตัดหูดออกได้ โดยผู้ป่วยนอกต้องได้รับยาชาเฉพาะที่ก่อน

ตัวเลือกในการรักษาจะพิจารณาจากชนิดและตำแหน่งของหูด การรักษาสามารถจัดการกับหูดได้ แต่จะไม่สามารถกำจัดไวรัสออกจากร่างกายและยังคงแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้

การวินิจฉัยโรคติดเชื้อเอชพีวี

หากเกิดหูดหรือรอยโรค แพทย์มักวินิจฉัย HPV ด้วย โดยตรวจด้วยสายตา หรือทำการทดสอบเพื่อยืนยันการติดเชื้อ

แพทย์จะทำการทดสอบ HPV เมื่อพบรอยโรค หรือการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูก ด้วยวิธีต่อไปนี้ :

  • การทำ Pap smear
  • การตรวจดีเอ็นเอ
  • การตรวจชิ้นเนื้อ

Pap smear หรือการสเมียร์ปากมดลูก เป็นการเก็บตัวอย่างและทดสอบเซลล์จากปากมดลูก หรือช่องคลอด มาตรวจสอบความผิดปกติของเซลล์ที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็ง

การตรวจดีเอ็นเอสามารถประเมิน HPV ประเภทที่มีความเสี่ยงสูง และแพทย์อาจตรวจสอบร่วมกับการตรวจ Pap smear

การตรวจชิ้นเนื้อ คือการเก็บตัวอย่างผิวหนังที่ได้รับผลกระทบ เพื่อทดสอบหาเซลล์ที่ผิดปกติ

หากบุคคลมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก แพทย์อาจพิจารณาตรวจ Pap smear ทางทวารหนัก

การป้องกันโรคติดเชื้อเอชพีวี

เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV บุคคลสามารถ:

  • รับวัคซีน HPV
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • จำกัดจำนวนคู่นอน
  • อย่ามีเพศสัมพันธ์ในขณะที่มีหูดที่อวัยวะเพศ

เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค :

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหูดโดยไม่จำเป็น
  • ล้างมือให้สะอาดหลังจากสัมผัสหูด
  • หลีกเลี่ยงการโกนขนบริเวณหูด
  • ใช้รองเท้าเมื่อเดินในที่สาธารณะ เช่น สระว่ายน้ำ และห้องล็อกเกอร์ หากมีหูดขึ้นที่เท้า
  • รักษาและปกปิดหูดเอาไว้จนกว่าจะหายไป
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนู และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ร่วมกัน

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *