โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

02.01
1468
0

โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) หรือ OA เกิดจากการอักเสบภายในข้อต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียกระดูกข้อต่อหรือการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อนข้อต่อ มีผลทำให้เรารู้สึกปวดตามข้อเข่าและเดินลำบาก

OA เป็นโรคที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป

โรคนี้ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด จะทำได้เพียงการบำบัดความเจ็บปวด หรือบรรเทาอาการบวมที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและเคลื่อนไหวไปมาได้

อาการของโรคข้อเสื่อม

OA ทำให้มีอาการปวดและตึงในข้อต่อ

ผู้ป่วยในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ โดยอาจค่อยๆ มีอาการปรากฏขึ้นในข้อต่ออย่างน้อย 1 ข้อ

คนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม มักจะมีอาการเหล่านี้รวมอยู่ด้วย:

  • ปวดและตึงมากขึ้นหลังจากขยับข้อไม่ได้มาระยะหนึ่ง 
  • บวม
  • เคลื่อนไหวลำบากซึ่งเป็นผลกระทบมาจากข้อต่อที่มีอาการ
  • รู้สึกร้อน และนุ่มนิ่มในบริเวณรอบๆข้อต่อ 
  • สูญเสียมวลกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ a loss of muscle bulk
  • เกิดเสียงเสียดสี หรือเสียงกรอบแกรบในข้อต่อ

หากโรคข้อเสื่อมยังเป็นต่อไปจะมีผลดังนี้:

  • เยื่อบุข้อต่ออักเสบ (synovitis) — เริ่มมีการอักเสบของเยื่อบุข้อบริเวณรอบๆ ข้อต่อ
  • กระดูกอ่อนถูกทำลายและเสื่อมลง
  • กระดูกรอบๆ ขอบของข้อต่อโตขึ้น

สาเหตุของโรคข้อเสื่อม

แพทย์ไม่สามารถบอกสาเหตุที่แท้จริง ของ OA ได้  แต่สันนิษฐานว่าจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อข้อต่อได้ตามอย่างที่ควรจะเป็น

โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย 

ปัจจัยทางพันธุกรรม 

ลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด OA.  คนที่มีลักษณะทางพันธุกรรมอย่างนี้ จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ในช่วงวัยที่ต่ำกว่า 20 ปี

การบาดเจ็บและการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป

การได้รับบาดเจ็บ การผ่าตัด หรือ การใช้งานข้อต่อมากที่เกินไป อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้ทัน ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะข้อเข่าเสื่อมได้

สาเหตุจากใช้งานมากเกินไปหรือการบาดเจ็บซ้ำๆ อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน หรือการเล่นกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวซ้ำๆ  

การรักษาโรคข้อเสื่อม

แม้จะไม่มีวิธีการรักษาใดที่พอจะฟื้นฟู หรือแก้ไขความเสียหายของข้อเข่าให้กลับคืนมาเป็นปกติได้ แต่ยังพอมีทางที่จะบรรเทาและทำให้เกิดความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวของข้อเข่าที่เสื่อมนั้นได้ เช่น การออกกำลังกาย การทำกายภาพบำบัด การปรับเปลี่ยนวิถีขีวิต และการใช้ยา

การใช้ยารักษา

ยาที่สามารถช่วยลดอาการปวดได้

อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือ ไทลินอล (Tylenol)

ยานี้จะใช้ได้ผลกับผู้ที่มีอาการปวดไม่มากนัก ควรรับประทานตามที่แพทย์สั่ง หากรับประทานยามากเกินอาจจะมีผลข้างเคียง หรือเกิดปฏิกริยากับยาตัวอื่นได้

ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ สเตียรอยด์ (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs)

หากยา อะเซตามินโนเฟน หรือ ไทลีนอล ไม่สามารถระงับอาการปวดได้ แพทย์อาจให้ยาที่ออกฤทธิ์แรงขึ้น เช่น ไอบลูโพรเฟน แอสไพริน หรือ ไดโคลฟีแนค  เป็นต้น 

ซึ่งยาเหล่านี้สามารถรับประทาน หรือใช้ทาโดยตรงในบริเวณข้อต่อได้

Capsaicin cream

ยาชนิดนี้เป็นยาใช้ทาเฉพาะที่ ซึ่งมีสารประกอบที่ทำมากจากพริก ฤทธิ์ของยาจะทำให้เกิดอาการร้อนในบริเวณที่ทา และจะไปลดสาร P (สาร P เป็นสารที่สร้างความเจ็บปวด) ซึ่งจะสามารถบรรเทาความเจ็บปวดลงได้

 อาจต้องใช้ยาต่อเนื่องประมาณ 2-4  สัปดาห์ เพื่อการรักษาที่เห็นผลอย่างเต็มที่

ห้ามทายาบนบริเวณที่แตกและอักเสบ หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาและใบหน้า รวมถึงอวัยวะเพศ หลังจากใช้ยานี้

การฉีดคอร์ติโซน (Intra-articular cortisone injections)

การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ เข้าไปในข้อโดยตรงสามารถลดอาการปวดอย่างรุนแรง บวม และการอักเสบได้ แต่หากฉีดบ่อยๆ จะมีผลเสียต่อข้อต่อ และทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน 

ยาดูล็อกซิทีน (Duloxetine) หรือ Cymbalta เป็นยาใช้รับประทานที่ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดกระดูกรื้อรัง

กายภาพบำบัด (Physical therapy)

อาจช่วยบำบัดอาการนี้ด้วยการทำกายภาพบำบัดได้หลายวิธี เช่น:

การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า: กระตุ้นผ่านผิวหนัง วิธีการคือใช้เครื่องยิงอิเล็คโทรดผ่านตัวส่งที่เรียกว่า TENS (ซึ่งเป็นเหมือมปุ่มเล็กๆ ที่แปะติดไว้บนผิวส่วนที่มีอาการ) จากนั้นเครื่องจะยิงอิเลคโทรดผ่านปุ่มนี้เข้าไปกระตุ้นระบบประสาทให้ส่งสัญญาณความเจ็บปวดได้น้อยลง มีผลให้การลดความรู้สึกเจ็บปวด

การบำบัดด้วยความร้อน: ความร้อนและความเย็นอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดอาการตึงในข้อ ทำได้โดยการใช้ขวดน้ำร้อนหรือถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าขนหนูแล้วนำไปประคบบนข้อที่มีอาการ

การบำบัดด้วยตัวเอง: ผู้ที่จะทำการบำบัดด้วยตัวเองได้อาจจะต้องเป็นนักกายภาพบำบัด โดยการทำให้ข้อต่อที่มีอาการไม่แข็งเกร็ง และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 

การผ่าตัด (Surgery)

ผู้ป่วยบางคนอาจต้องได้รับการผ่าตัดหาก OA ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสะโพก เข่า ข้อต่อ หรือโคนนิ้วหัวแม่มือ 

โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัด หากรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล หรือข้อต่อได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *