โรคไข้รากสาดใหญ่ (Scrub Typhus) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคไข้รากสาดใหญ่ (Scrub Typhus) : อาการ สาเหตุ การรักษา

08.05
9439
0

โรคไทฟัส (Scrub Typhus) คือกลุ่มอาการของการติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ยาก เกิดขึ้นในคนที่ถูกแมลงที่ติดเชื้อกัด เชื้อแบคทีเรียกลุ่มริกเก็ตเซียที่แตกต่างกันก็เป็นสาเหตุให้เกิดโรคไทฟัส หรือไข้รากสาดใหญ่ ที่แตกต่างกันออกไป

ในอดีตโรคไข้รากสาดใหญ่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายล้านคน แต่ในปัจจุบันนี้โรคนี้พบได้ไม่บ่อยนักเนื่องจากการดูแลสุขภาพและสุขอนามัยที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คนที่อาศัยอยู่เบียดเสียดกันและอยู่ในแหล่งแออัดก็ยังคงมีโอกาสเป็นโรคไทฟัสได้ 

อาการไข้รากสาดใหญ่

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการภายใน 1 ถึง2 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อจากแมลงที่ติดเชื้อ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากในการตามรอยของสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ

อาการของโรคไทฟัสคือ:

รูปแบบของโรคไทฟัสที่แตกต่างกันออกไปก็ทำให้เกิดอาการเฉพาะที่ต่างออกไป คนที่เป็นโรคไข้รากสาดใหญ่อาจจะสังเกตุเห็นรอยตกสะเก็ดดำๆหรือรอยกัดบนผิวหนังและอาจมีตุ่มหนองบวม สำหรับรายที่เป็นไข้รากสาดจากหนูอาจทำให้ความอยากอาหารลดน้อยลง

ในบางรายโดยเฉพาะคนที่มีระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ อาการของโรคไทฟัสมักจะกลับมาแสดงอาการอีกครั้งในช่วงหลายเดือนหรือในหลายปีตามแต่ชนิดของการติดเชื้อ แพทย์มักเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าโรคบริลล์-ซินสเซอร์ ดังนั้นคนที่มีอาการของโรคไทฟัสอีกหลังจากที่เคยเป็นมาก่อนแล้วควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

สาเหตุของโรคไข้รากสาดใหญ่

โรคไทฟัสคือโรคที่เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจได้รับเชื้อมาจากการโดนแมลงที่มีเชื้อกัด แมลงเหล่านี้จะไปรับเชื้อมาโดยการไปกัดคนหรือสัตว์ที่ติดเชื้อ จากนั้นแมลงเหล่านี้ก็จะแพร่เชื้อต่อด้วยการไปกัดคนหรือสัตว์ต่ออีกทอดหนึ่ง

แมลงที่ต่างชนิดกันก็จะแพร่เชื้อโรคไทฟัสที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น:

  • ตัวไรอ่อน: จะเป็นพาหะเชื้อโรคไข้รากสาดใหญ่ ซึ่งมักพบเจอได้บ่อยในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 
  • เหาลำตัว: คนที่ถูกเหาลำตัวกัดจะทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ชนิดระบาด 
  • หมัด: คนที่เป็นโรคไข้รากสาดจากหนูจะเกิดขึ้นหลังจากสัมผัสกับหมัดที่เป็นพาหะของเชื้อ

การรักษาโรคไข้รากสาดใหญ่

ยาปฏิชีวนะ ด็อกซีไซคลีนไฮเคลต สามารถรักษาโรคไทฟัสทั้งสามรูปแบบได้ ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาครั้งแรกมักทำให้อาการหายได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาประมาณ 7 ถึง 10 วัน ในบางรายอาจใช้เวลานานกว่านั้น

Scrub Typhus

ปัจจัยเสี่ยง

คนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไทฟัสคือ:

  • คนที่มีการเดินทางไปยังประเทศที่มีโรคติดเชื้อไทฟัสอยู่เป็นโรคที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป
  • คนที่ใช้เวลาในสถานที่ที่มีความแออัดมากๆ โดยเฉพาะใกล้สัตว์หรือคนที่ขาดสุขอนามัย
  • นอกจากติดเชื้อจากหมัดแล้ว ยังสามารถติดได้จากสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่าเช่นหนู
  • คนที่สัมผัสกับเหาลำตัว
  • คนที่เพิ่งไปเดินเขาหรือไปตั้งแคมป์ในพื้นที่ที่มีพุ่มหญ้าสูงซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของตัวไรอ่อน

ผู้ที่มีอาการของโรคไทฟัสและมีปัจจัยความเสี่ยงมากกว่าหนึ่งอย่างควรรีบไปพบแพทย์

เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในการแจ้งอาการทุกอาการให้แพทย์ทราบ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเฉพาะอย่างสำหรับโรคไทฟัส อาการของโรคนี้มีความเหมือนกับอาการป่วยจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ เช่นเป็นหวัด มีไข้ หากแพทย์ไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดอาจทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคผิดพลาดได้

การป้องกันโรคไข้รากสาดใหญ่

ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไทฟัส และอีกทั้งยังไม่มีทางใดในการรับประกันได้ว่าจะสามารถป้องกันโรคได้  แต่อย่างไรก็ตามหากปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้อาจเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อไทฟัสลงได้, รวมไปถึงเมื่อต้องมีการเดินทางด้วย คือ:

  • เปลี่ยนเสื้อผ้า: ควรหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าชุดเดิมทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอาศัยอบู่ในที่แออัดหรือเมื่อสัมผัสโดนแมลงที่เป็นพาหะของเชื้อ
  • ดูแลสุขอนามัยของเสื้อผ้า: ควรซักเสื้อผ้าทุกครั้งเมื่อสัมผัสกับตัวไร เหาหรือเห็บ ถ้าเป็นไปได้ควรซักเสื้อผ้าในน้ำที่มีอุณหภูมิอย่างต่ำ 130°F. และควรเก็บเสื้อผ้าใส่ถุงปิดมิดชิดไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ 
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม: ควรสวมเสื้อแขนยาวและถุงเท้าเมื่อไปตั้งแคมป์ก็สามารถช่วยป้องกันการโดนตัวไรอ่อนกัดได้
  • หลีกเลี่ยงบริเวณพุ่มไม้ที่มีความหนาแน่น เพราะมักเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของตัวไร

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

การติดเชื้อไทฟัสพบได้ไม่บ่อยนัก มักเกิดขึ้นกับคนที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีโรคแพร่หลาย

อาการไข้หวัดหรือคล้ายไข้หวัดมักเป็นสัญญานโรคของการป่วยจากเชื้อไวรัส แต่อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นคนที่เพิ่งเดินทางหรือคนที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไทฟัสควรไปพบแพทย์ หรือในรายที่มีสิ่งต่อไปนี้ก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน:

  • คนที่มีอาการคือเด็กทารก, คนสูงอายุหรือคนที่มีระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ
  • อาการไข้หวัดหรืออาการคล้ายไข้หวัดไม่ยอมหาย
  • การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะสำหรับโรคไทฟัสไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นภายในสองสามวัน
  • มีอาการใหม่ๆเกิดขึ้นหลังรับประทานยาปฏิชีวนะ

โรคไทฟัสและโรคไทรอยด์

ถึงแม้ชื่อเรียกอาจคล้ายกัน แต่โรคไทฟัสและโรคไทรอยด์จัดเป็นคนละโรคกัน

สิ่งที่โรคไทฟัสและโรคไทรอยด์มีเหมือนกันคือเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์เกิดจากการสัมผัสเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลาที่มักอยู่ในน้ำหรืออาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อดังกล่าว โรคไทรอยด์จะติดเชื้อผ่านการสัมผัสอุจจาระของคนหรือสัตว์ที่เป็นพาหะของเชื้อโรค

ปัจจัยดังต่อไปนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไทรอยด์ได้:

  • ล้างมือบ่อยๆ
  • เตรียมอาหารอย่างมีสุขอนามัย
  • อุปโภคบริโภคน้ำบริสุทธิ์และสะอาดเสมอ

บทสรุป

โรคไทฟัสครั้งหนึ่งเคยเป็นโรคระบาดที่น่ากลัวและทำให้มีคนเสียชีวิตไปมากมายในอดีต แต่ในปัจจุบันนี้ด้วยความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสุขอนามัยดีมากกว่าเดิมทำให้โรคไทฟัสถูกกำจัดหายไปจากโลกได้เยอะมากแล้ว ปัจจุบันโรคไทฟัสพบได้ไม่บ่อยมากแล้วแม้แต่กับในพื้นที่ที่เคยมีการติดเชื้อมาก่อนก็ตาม

ตราบใดที่ผู้ป่วยยังสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะได้ เมื่อนั้นโรคไทฟัสก็ไม่ใช่โรคที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้นก็ตาม หากโรคไทฟัสไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ควรรีบพบแพทย์หากพบว่ามีอาการของโรคไทฟัสและมีหนึ่งหรือมากกว่าปัจจัยเสี่ยงสำหรับการติดเชื้อ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบถึงอาการทั้งหมดและปัจจัยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *