การแพ้อาหารทะเล (Seafood Allergy) คือภาวะที่ร่างกายเกิดปฎิกริยาต่อต้านต่ออาหารทะเลเมื่อรับประทานเข้าไปในรูปแบบของภูมิแพ้ เช่น ปากบวม หน้าบวม ผิวมีผื่นแดง คัน ในบางรายสามารถก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
การแพ้อาหารทะเลเกิดขึ้นจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดว่าอาหารทะเลนั้นเป็นสิ่งที่เป็นอันตราย สำหรับบางคนที่มีอาการแพ้ อาหารทะเลทำให้เกิดอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิต การแพ้อาหารทะเลชนิดหนึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะแพ้อาหารทะเลชนิดอื่นด้วย ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพ้ว่าคุณสามารถ หรือไม่สามารถทานอาหารทะเลชนิดไหนบ้าง
คุณทราบหรือไม่ว่า อาหารทะเลเป็นอาหารที่ทำให้เกิดการแพ้มากที่สุดในประเทศแคนนาดา สำหรับผู้ที่แพ้อาหารทะเลนั้น การหลีกเลี่ยงอาหารทะเลในขณะที่ยังต้องรับประทานอาหารให้ครบถ้วนนั้นสำคัญอย่างมาก
อาหารทะเล คือ ปลาน้ำเค็ม สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งต่าง ๆ (เช่น กุ้ง ปู ) และหอย
ปลา: แอนโชวี่ ปลากะพง บลูฟิช ปู ปลาดุก ปลาชาร์ ปลาคอด ปลาลิ้นหมา ปลาแฮดดอค ( ปลาคอดชนิดหนึ่ง) ปลาแฮลิบัต ปลาเฮร์ริง ปลาหัวเมือก ปลาอีโต้มอญ ปลาซาดีน ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ และปลาทูน่า
สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งต่าง ๆ : ปู กั้ง ล็อบส์เตอร์ กุ้งตัวใหญ่ กุ้งตัวเล็ก
หอย: หอยเป๋าฮื้อ หอยลาย หอยสังข์ หอยแมลงภู่ หมึกยักษ์ หอยนางรม หอยเชลล์ หอยทากทะเล (เอสคาโก้) และ หมึกต่าง ๆ
อื่น ๆ เช่น คาเวียร์ ไข่ปลา กุ้ง ปู ต่าง ๆ คามาโบโกะ หรือ ลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น ซูริมิ (เนื้อปูและล็อบส์เตอร์เทียม) และ ทารามะ (ไข่ปูดอง)
เช่นเดียวกับการแพ้อาหารอื่น ๆ อาการแพ้อาหารทะเลนั้นสามรถมีได้ ดังต่อไปนี้:
โดยส่วนมากแล้วการแพ้อาหารทะเลนั้นเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ และไม่ค่อยพบในเด็ก ซึ่งหากสงสัยว่ากำลังแพ้อาหารทะเลอยู่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ทราบแน่ชัด โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะแพ้อาหารทะเลจำเพาะโดยสัตว์ที่มีเปลือกแข็ง เช่นแพ้กุ้ง แพ้ปู หรือแพ้ปลาหมึก หลายคนอาจจะแพ้กุ้งตาบวม และเกิดลมพิษยักษ์
ปกติแล้วการแพ้อาหารทะเล เช่น ปลา สัตว์ที่มีเปลือกแข็ง และหอยต่าง ๆ นั้นไม่สามารถรักษาให้หายได้ หากแพ้แล้วก็จะแพ้ไปตลอดชีวิต
อาหารที่ปกติแล้วจะมีอาหารทะเลเป็นส่วนประกอบมีดังนี้:
อาหารเอเชีย เช่น ข้าวผัด ปอเปี้ยะ และซูชิ
อาหารเอเชียที่มีน้ำปลาเป็นส่วนผสม เช่น ซอสหอยนางรม
น้ำสลัด
ซอสต่าง ๆ เช่น สเต็ก และ วูสเตอร์ซอส
ซุปทะเล และ น้ำสต็อก
ครีมสเปรด เช่น ทาลามะซาลาตะ
ผลิตภัณฑ์อาหารที่บางครั้งอาจมีส่วนผสมของอาหารทะเล เช่น
เนื้อสัตว์ปรุงสำเร็จ
น้ำจิ้มและครีมสเปรดต่าง ๆ
อาหารที่มีเจลาติน เช่น มาชเมลโล่ และ ฮอตดอก
ผู้ที่แพ้อาหารทะเลอาจมีอาการแพ้ต่อน้ำมันตับปลา เช่น อาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 ฉะนั้น ก่อนที่จะรับประทานอาหารเสริมประเภทน้ำมันตับปลา ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
หากคุณแพ้อาหารทะเล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มมีส่วนประกอบของปลา สัตว์ทะเลเปลือกแข็ง และหอยต่าง ๆ เคล็ดลับเหล่านี้จะสามารถช่วยคุณได้:
เลือกรับประทานและอ่านส่วนประกอบของอาหารจจากฉลาก อาหารทะเลจะต้องระบุไว้ในส่วนประกอบเสมอว่ามีส่วนผสมของ ปลา หอย หรือสัตว์ทะเลอื่น ๆ
อ่านฉลากทุกครั้ง เพราะบางครั้งผู้ผลิตอาจเปลี่ยนส่วนประกอบโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบ
หลีกเลี่ยงอาหารที่บอกว่า “ อาจมีส่วนประกอบของอาหารทะเล”
หากไม่แน่ใจว่าอาหารมีส่วนประกอบของอาหารทะเลหรือไม่ ควรติดต่อสอบถามไปที่ผู้ผลิต
อย่าลอง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่มีส่วนประกอบที่ชัดเจน ซึ่งรวมไปถึงการหลีกเลี่ยงอาหารนำเข้าต่าง ๆ ที่อาจไม่บอกส่วนประกอบของอาหารที่ถูกต้องเสมอไป
ต้องระมัดระวังหากมีอาการแพ้ที่รุนแรง บางครั้งถึงแม้ว่าจะไม่ได้กินเข้าไป แต่การทำอาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารทะเลอาจกระตุ้นอาการแพ้ได้
เมื่อออกไปรับประทานอาหารข้างนอก ควรสอบถามเสมอว่ามีอาหารทะเลเป็นส่วนประกอบหรือไม่
ใช้ซอสถั่วเหลือง หรือ ทาบาสโก้แทนน้ำปลาเพื่อปรุงอาหารต่าง ๆ
การใช้เต้าหู้ในการผัดต่าง ๆ แทนการใช้อาหารทะเลก็เป็นทางเลือกที่ดีของแหล่งโปรตีน
รับประทานถั่วต่าง ๆ แทนอาหารทะเล
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/shellfish-allergy/symptoms-causes/syc-20377503
https://www.allergy.org.au/patients/food-allergy/allergic-and-toxic-reactions-to-seafood
https://www.webmd.com/allergies/news/20040713/seafood-allergies-common-adults
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก