ยาแก้แพ้ หรือยาแอนตี้ฮิสตามีน (Antihistamine) : วิธีใช้ สรรพคุณ ข้อควรระวัง

ยาแก้แพ้ หรือยาแอนตี้ฮิสตามีน (Antihistamine) : วิธีใช้ สรรพคุณ ข้อควรระวัง

08.06
4084
0

ยาแก้แพ้ (Antihistamine) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น ไข้ละอองฟาง ลมพิษ เยื่อบุตาอักเสบ และปฏิกิริยาต่อแมลงสัตว์กัดต่อย

บางครั้งก็ใช้เพื่อป้องกันอาการเมารถ และช่วยการรักษาระยะสั้นสำหรับการนอนไม่หลับ

ยาแก้แพ้ส่วนใหญ่สามารถซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป และร้านสะดวกซื้อ แต่ยาแก้แพ้บางชนิดมีจำหน่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น

ประเภทของยาแก้แพ้ (Antihistamine)

ยาแก้แพ้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักได้แก่

  • ยาแก้แพ้ที่ทำให้รู้สึกง่วงนอน เช่น คลอร์เฟนามีน (รวมถึงไพริตัน) ไฮดรอกซีซีน และโปรเมทาซีน
  • ยาแก้แพ้ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการง่วงซึม หรือมีโอกาสน้อยที่จะทำให้คุณรู้สึกง่วง เช่น เซทิริซีน เฟกโซเฟนาดีน และลอราทาดีน

ยาแก้แพ้นั้นมีหลายรูปแบบ – รวมทั้งยาเม็ด แคปซูล ของเหลว น้ำเชื่อม ครีม โลชั่น เจล ยาหยอดตา และสเปรย์จมูก

ยาแก้แพ้ประเภทไหนดีที่สุด

ไม่มีหลักฐานมากนักที่สามารถยืนยันได้ว่ายาแก้แพ้ประเภทใดดีกว่ายาอื่น ๆ ในการบรรเทาอาการภูมิแพ้

บางคนพบว่าบางประเภททำงานได้ดีสำหรับพวกเขา และคนอื่น ๆ ไม่เป็นเช่นนั้น คุณอาจต้องลองหลาย ๆ แบบเพื่อหาประเภทที่เหมาะกับคุณ

ยาแก้แพ้ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการง่วงนอนมักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากยาแก้แพ้ประเภทนี้จะทำให้มีอาการง่วงนอนน้อยลง แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การปรึกษาเภสัชกรว่ายาแก้แพ้ประเภทใดเหมาะสมกับคุณ

วิธีใช้ยาแก้แพ้

ใช้ยาแก้แพ้ตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร หรือฉลากที่ระบุข้างกล่องยา ก่อนที่จะใช้ยาแก้แพ้ควรจะรู้สิ่งต่อไปนี้

  • วิธีการใช้ – ว่าต้องรับประทานกับน้ำหรืออาหารหรือใช้อย่างไรให้ถูกต้อง (ถ้ายาหยอดตาหรือยาพ่นจมูก)
  • ปริมาณที่ใช้ – แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ เช่น อายุและน้ำหนัก
  • ควรรับประทานวันละกี่ครั้ง และควรรับประทานเมื่อใด
  • ใช้เวลานานแค่ไหนในการใช้ยา
  • วิธีจัดการเมื่อได้รับยาเกินขนาด

คำแนะนำจะขึ้นอยู่กับยาที่เลือกใช้ ทางที่ดีควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากเภสัชกร

ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้

เหมือนกับยาอื่นๆ ที่มีผลข้างเคียงในบางบุคคล โดยเฉพาะผลข้างเคียงยาแก้แพ้ชนิดง่วงนอนอาจมีผลข้างเคียงดังนี้

  • อาการง่วงนอน การประสานงานของร่างกาย และการตัดสินใจลดลง – ห้ามขับรถ หรือใช้เครื่องจักรหลังจากรับประทานยาแก้แพ้
  • ปากแห้ง
  • เห็นภาพเบลอ
  • ปวดปัสสาวะ

ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงนอนอาจมีผลข้างเคียงดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • ปากแห้ง
  • รู้สึกไม่สบาย
  • อาการง่วงนอน (เป็นไปได้น้อยมาก)

การใช้ยาแก้แพ้ร่วมกับยาอื่นๆ

ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาแก้แพ้ หากคุณเคยใช้ยาอื่นอยู่แล้ว เพราะมีความเสี่ยงที่ยาจะเข้ากันไม่ได้ และส่งผลให้หยุดทำงานไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ตัวอย่างของยาที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหากรับประทานร่วมกับยาแก้แพ้ ได้แก่ :

  • ยากล่อมประสาท
  • ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร หรืออาหารไม่ย่อย
  • ยาแก้ไอ และแก้หวัดที่มีสารต่อต้านฮีสตามีน

พยายามอย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่รับประทานยาแก้แพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นชนิดที่ทำให้ง่วงนอน เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสที่จะทำให้คุณรู้สึกง่วง

โปรดตรวจสอบฉลากของยาก่อนใช้ยาทุกๆครั้ง

Antihistamines

ใครบ้างที่ห้ามใช้ยาแก้แพ้

โดยทั่วไปยาแก้แพ้ปลอดภัยสำหรับทุกคน แต่ควรขอคำแนะนำจากเภสัชกรเพิ่มหากคุณเป็นบุคคลต่อไปนี้

  • กำลังตั้งครรภ์ 
  • กำลังให้นมบุตร 
  • ยาสำหรับเด็กเล็ก
  • กำลังรับประทานยาอื่น ๆ
  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต หรือโรคลมบ้าหมู

ยาแก้แพ้บางชนิดอาจไม่เหมาะสมกับบุคคลที่กล่าวมา โปรดปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ที่สามารถแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และอ่านฉลากยาของคุณเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าปลอดภัยก่อนที่จะนำไปใช้หรือนำไปให้ผู้อื่น

ยาแก้แพ้ทำงานอย่างไร

ยาแก้แพ้ป้องกันผลกระทบจากสารที่เรียกว่า ฮีสตามีน ในร่างกาย โดยปกติฮีสตามีนจะถูกปล่อยออกมา เมื่อร่างกายพบสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น การติดเชื้อ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และผิวหนังบวม เป็นกลไกการปกป้องร่างกาย

แต่ในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับบางสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ละอองเกสร ขนสัตว์ หรือฝุ่นว่าเป็นภัยคุกคาม และผลิตฮีสตามีน ฮีสตามีนทำให้เกิดอาการแพ้ที่สร้างอาการไม่พึงประสงค์ ได้แก่ คัน มีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล หรือคัดจมูก การจาม และผื่นที่ผิวหนัง

ยาแก้แพ้ช่วยหยุดสิ่งนี้ได้หากรับประทานก่อนสัมผัสกับสารที่คุณแพ้  หรืออาจลดความรุนแรงของอาการได้หากรับประทานยาแก้แพ้ภายหลังสัมผัสสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *