แอปเปิ้ล (Apple) หรือ Malus domestica คือ ผลไม้ที่บริโภคกันมากที่สุดในโลก เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “แอปเปิ้ลวันละลูกช่วยให้ไม่ต้องไปหาหมอ” เป็นที่ทราบกันดีว่าผัก และผลไม้มีส่วนประกอบที่ส่งเสริมสุขภาพหลายอย่าง เราเรียกส่วนประกอบในผัก และผลไม้เหล่านี้ว่า ไฟโตเคมิคอล

มีไฟโตเคมิคอลมากมายที่พบในผัก และผลไม้ เช่น แคโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ ไอโซฟลาโวนอยด์ และกรดฟีนอล โดยสารต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกนำไปวิจัยอย่างแพร่หลาย 

ข้อมูลประโยชน์ของแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกันไปในเรื่องของน้ำหนัก แต่น้ำหนักโดยประมาณของแอปเปิ้ลจะอยู่ที่ 70 – 100 กรัม

เป็นผลไม้ที่แคลอรี่ต่ำ

ประมาณ85 % ของแอปเปิ้ลนั้นปรระกอบไปด้วยน้ำ และค่าแคลอรี่ต่อ 100 กรัม คือ 52 กิโลแคลอรี ถือว่าเป็นอาหารแคลอรีต่ำ แคลอรี่ทั้งหมดมาจากปริมาณคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีประมาณ 14% ในผลแอปเปิ้ล ปริมาณโปรตีน และไขมันในแอปเปิ้ลนั้นมีอยู่น้อยมาก

อุดมไปด้วยเส้นใย

ผลของแอปเปิ้ลส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยน้ำจึ และเป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ดีเลยทีเดียว เพราะแอปเปิ้ลมีเส้นใย 2.4% เป็นองค์ประกอบสูงสุดรองจากคาร์โบไฮเดรต

ธาตุอาหารรอง

แอปเปิ้ล 100 กรัม มีปริมาณโพแทสเซียม 107 มก. ฟอสฟอรัส 11 มก. แมกนีเซียม 5 มก. และโซเดียมปริมาณน้อยประมาณ 1 มก. และวิตามิน ใน 100 กรัมของผลแอปเปิ้ลจะประกอบไปด้วยวิตามินซี 4.6 มก. และวิตามินเอ 3 ไมโครกรัม 

ส่งผลดีต่อสุขภาพ

ผัก และผลไม้อย่างที่เรารู้กันมีไฟโตเคมิคิลหลายชนิดโดยมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์ และแคโรทีนอยด์ที่มีความสามารถในการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังจากการชราภาพ

สารประกอบสำคัญในแอปเปิ้ล

สารประกอบเหล่านี้ไม่ใช่สารอาหารที่มีอยู่ในผัก และผลไม้ แม้ไม่ใช่ธาตุอาหารรองแต่ก็เป็นประโยชน์ ได้แก่ Quercetin, Catechin, Phloridzin และ Chlorogenic acid ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ

แอปเปิ้ลมีสารประกอบฟีนอลิกจำนวนมาก และแอปเปิ้ลเป็นแหล่งสำคัญของฟีนอลไฟโตเคมิคอล อย่างเช่นฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในผักแะละผลไม้ อีกทั้งมีเส้นใยอาหารช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือด และระดับไขมัน แอปเปิ้ลเป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ดี ด้วยเส้นใยปริมาณที่พอดีส่งผลให้เรารู้สึกอิ่มเป็นเวลานานขึ้น เพื่อที่เราจะได้รับประทานอาหารจุกจิกระหว่างมื้อมากเกินไป

การบริโภคแอปเปิ้ลช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง

แอปเปิ้ลเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากการทบทวนงานวิจัยระบุว่า การศึกษาทางโรคระบาดวิทยาพบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคแอปเปิ้ลกับความเสี่ยงของโรคต่างๆ ที่ลดลง อาทิเช่น มะเร็งบางชนิด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด และโรคเบาหวาน เป็นต้น

ในการวิเคราะห์ และสรุปผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการบริโภคแอปเปิ้ลมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของมะเร็ง แอปเปิ้ลเป็นอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ และจากการศึกษาพบว่า การเพิ่มแอปเปิ้ลในอาหารช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน

โดยประโยชน์ต่อสุขภาพส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ลมาจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของไฟโตเคมิคอลในแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลอาจจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้

ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่ดมไปด้วยเส้นใยและแคลอรี่ที่ต่ำ โดยทั่วไปช่วยควบคุมน้ำหนักได้ การรับประทานแอปเปิ้ล 3 ครั้งต่อวัน ทำให้น้ำหนักลดลง โดยมีการศึกษาในผู้หญิง และพบว่าทำให้คลอเลสเตอรอลลดลงด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้งานวิจัยยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะยืนยันประโยชน์นี้อย่างชัดเจน

บทสรุปแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลให้สารอาหาร และประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกาย แอปเปิ้ลนั้นหาซื้อได้ง่ายมากไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต แอปเปิ้ลสามารถรับประทานได้แบบผลสด หรืออาจจะเพิ่มลงไปในสูตรอาหาร เช่น พายแอปเปิ้ล พุดดิ้งแอปเปิ้ล ครัมเบิลแอปเปิ้ล และอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่จะให้ดีที่สุดคือ การรับประทานแอปเปิ้ลผลสด เพราะให้คุณค่าทางสารอาหารอย่างเต็มที่ ไม่สูญหายจากการนำไปปรุงอาหาร