เนื้องอกไม่ร้ายแรงคือการเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติโดยไม่มีจุดประสงค์ เนื้องอกไม่ร้ายแรงไม่ใช่เนื้องอกร้ายซึ่งเป็นมะเร็ง ไม่บุกรุกเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงหรือแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายในแบบที่มะเร็งสามารถทำได้ ในกรณีส่วนใหญ่ แนวโน้มของเนื้องอกไม่ร้ายแรงนั้นดีมาก แต่เนื้องอกไม่ร้ายแรงอาจร้ายแรงได้หากไปกดทับที่โครงสร้างที่สำคัญ เช่น หลอดเลือดหรือเส้นประสาท ดังนั้นบางครั้งพวกเขาต้องการการรักษาและบางครั้งก็ไม่ต้องการ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ก้อนซีสต์คืออะไร

เนื้องอกเกิดจากอะไร

อะไรทำให้เกิดเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงขึ้น  มักไม่ทราบสาเหตุ แต่การเติบโตของเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงอาจเชื่อมโยงกับ:

• สารพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับรังสี
• พันธุกรรม
• อาหาร
• ความเครียด
• การบาดเจ็บ
• การอักเสบหรือการติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เครียดมากๆ ทำอย่างไรดี

การรักษาเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง

ในหลายกรณี เนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงไม่จำเป็นต้องรักษา แพทย์อาจใช้ “การรอคอยอย่างระมัดระวัง” เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา แต่อาจจำเป็นต้องรักษาหากมีอาการผิดปกติ การผ่าตัดเป็นการรักษาโดยทั่วไปสำหรับเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง เป้าหมายคือ การกำจัดเนื้องอกโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง การรักษาประเภทอื่นอาจรวมถึงการใช้ยาหรือการฉายรังสี

ชนิดทั่วไปของเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรง

มีเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงหลายประเภทที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างต่าง ๆ ในร่างกาย นี่คือเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงบางชนิดที่พบบ่อยที่สุด:

เนื้องอกต่อม เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงซึ่งเริ่มต้นในเนื้อเยื่อเยื่อบุผิวของต่อมหรือโครงสร้างคล้ายต่อม เนื้อเยื่อบุผิวคือชั้นเนื้อเยื่อบางๆ ที่ปกคลุมอวัยวะ ต่อม และโครงสร้างอื่นๆ เนื้องอกต่อมชนิดทั่วไปคือติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ เนื้องอกอาจเติบโตในตับหรือต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง หรือต่อมไทรอยด์

ถ้าจำเป็นต้องรับการรักษา เนื้องอกต่อมส่วนมากจะถูกผ่าตัดนำออกไป ถ้าไม่ปกติก็อาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้ น้อยกว่า1 ใน 10 ของเนื้องอกต่อมนั้นกลายเป็นมะเร็ง

ไฟโบรมา (หรือเนื้องอก) เป็นเนื้องอกของเส้นใยหรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่สามารถเติบโตในอวัยวะใดก็ได้ เนื้องอกชนิดนี้มักเติบโตในมดลูก แม้ว่าจะไม่เป็นมะเร็ง แต่เนื้องอกในมดลูกอาจทำให้เลือดออกทางช่องคลอดอย่างหนัก มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ หรือปวดหรือเกร็งในอุ้งเชิงกราน.

เนื้องอกเนื้อเยื่อเส้นใยอีกประเภทหนึ่งคือเนื้องอกเดสมอยด์ เนื้องอกเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาโดยการเติบโตในเนื้อเยื่อใกล้เคียง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ เนื้องอกเนื้อเยื่อที่เป็นเส้น ๆ อาจต้องถูกกำจัดออกด้วยการผ่าตัด

เนื้องอกหลอดเลือด คือการสะสมของเซลล์หลอดเลือดในผิวหนังหรืออวัยวะภายใน เนื้องอกหลอดเลือดเป็นปานประเภทหนึ่ง ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ศีรษะ คอ หรือลำตัว อาจปรากฏเป็นสีแดงหรือสีน้ำเงิน ส่วนใหญ่ออกไปเอง ถ้ารบกวนการมองเห็น การได้ยิน หรือการรับประทานอาหาร อาจต้องรักษาด้วยยาคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาอื่น ๆ

เนื้องอกไขม้น เติบโตจากเซลล์ไขมัน เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงในผู้ใหญ่ มักพบที่คอ ไหล่ หลัง หรือแขน เนื้องอกไขมันมีการเจริญเติบโตช้า มักมีลักษณะกลม และเคลื่อนที่ได้ และอ่อนนุ่มน่าสัมผัส อาจจำเป็นต้องรักษาหากเนื้องอกในไขมันมีอาการเจ็บปวดหรือโตเร็ว ซึ่งอาจรวมถึงการฉีดสเตียรอยด์หรือการกำจัดโดยการดูดไขมันหรือการผ่าตัด

เนื้องอกไขมันที่ไม่ร้ายแรงอีกสองประเภทคือ ไลโปรลาสโตมาซึ่งเกิดขึ้นในเด็กเล็กและฮิเบอร์โนมา

เนื้องอกในสมอง เป็นเนื้องอกที่พัฒนาจากเยื่อหุ้มสมอง และไขสันหลัง ประมาณเก้าในสิบนั้นไม่เป็นอันตราย และเนื้องอกนั้นโตช้า เนื้องอกชนิดอื่น ๆ มักโตเร็วกว่า การรักษาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเยื่อหุ้มสมองที่อักเสบ และอาการที่เกิดขึ้น อาการต่าง ๆ อาจรวมถึงอาการปวดศีรษะ และอ่อนแรงที่ข้างหนึ่ง อาการชัก บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง และปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น

บางครั้งแพทย์จะเลือกดูเนื้องอกเป็นระยะ ๆ หากจำเป็นต้องผ่าตัด ความสำเร็จของการผ่าตัดขึ้นอยู่กับอายุ ตำแหน่งของเนื้องอก และการที่เนื้องอกติดกับสิ่งใด ๆ  การรักษาด้วยรังสีอาจใช้สำหรับเนื้องอกที่ไม่สามารถผ่าออกไปได้

เนื้องอกประสาท เป็นเนื้องอกเติบโตจากเส้นประสาท เนื้องอกในเส้นประสาทอีกสองประเภท ได้แก่ นิวโรไฟโบรมา และชวานโนมา เนื้องอกในเส้นประสาทที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกที่ในเส้นประสาทที่ไหลผ่านทั่วร่างกาย นิวโรไฟโบรมาพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นโรคประสาทที่เรียกว่าโรคเท้าแสนปม การผ่าตัดเป็นวิธีรักษาเนื้องอกในเส้นประสาทชนิดไม่ร้ายแรงที่พบได้บ่อยที่สุด

ไฝ มีการเจริญเติบโตบนผิวหนัง จะมีช่วงสีตั้งแต่สีจากสีชมพูและสีน้ำตาลหรือเป็ฯหรือสีดำ ไฝอาจเกิดขึ้นใหม่ได้จนกระทั่งคุณอายุ 40 ปี ไฝที่ดูแตกต่างจากไฝปกติ (ไฝที่ผิดปกติ) อาจมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง (เมลาโนมา) ด้วยเหตุผลนี้ การตรวจผิวของคุณเป็นประจำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไฝของคุณดูผิดปกติ เติบโตหรือเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มีขอบไม่ปกติ เปลี่ยนสีหรือด้วยวิธีอื่นใด บางครั้งจำเป็นต้องกำจัดไฝเช่นนี้เพื่อตรวจหาสัญญาณของการเกิดโรคมะเร็ง