มันสำปะหลัง (Cassava) : ประโยชน์ และสิ่งควรรู้

มันสำปะหลัง (Cassava) : ประโยชน์ และสิ่งควรรู้

29.06
1442
0

มันสำปะหลังคืออะไร

มันสำปะหลังเป็นพืชที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารได้หลายชนิดทั่วโลก เป็นแหล่งสารอาหารที่ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการกินมันสำปะหลังดิบ

มันสำปะหลังดิบมีไซยาไนด์ที่เป็นพิษเมื่อรับประทาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตรียมมันสำปะหลังเพื่อกำจัดไซยาไนด์อย่างถูกต้อง มันสำปะหลังนั้นมี 2 ประเภท: หวานและขม มันสำปะหลังขมจะมีเนื้อแข็งกว่า แต่มีปริมาณไซยาไนด์สูงกว่ามาก มันสำปะหลังส่วนมากที่ใช้รับประทานจะมีรสหวาน

การบดมันสำปะหลังเป็นแป้งมันเพื่อนำมาทำเป็นพุดดิ้ง หรือใช้เป็นสารเพิ่มความข้นหนืด 

มันสำปะหลังเป็นพืชหัว ส่วนรากที่ใช้จะอยู่ใต้ดินของลำต้นที่มีลักษณะเป็นพุ่ม มันสำปะหลังมีชื่อเรียกเป็นภาษาละตินว่า Manihot esculenta เป็นพืชตระกูลเดียวกับมันฝรั่ง และมันเทศซึ่งเป็นพืชหัว หัวมันสำปะหลังมีรูปร่างคล้ายมันเทศ

นอกจากหัวมันแล้วยังสามารถรับประทานใบมันสำปะหลังได้อีกด้วย มนุษย์ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอเมซอนในอเมริกาใต้ต่างบริโภคมันสำปะหลังมานานหลายร้อยปีก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสจะเดินทางไปที่นั่นเป็นครั้งแรกเสียอีก

ปัจจุบันมีประเทศทั่วเขตร้อนมากกว่า 80 ประเทศปลูกมันสำปะหลัง และใช้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารเลี้ยงประชากรมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก

ความนิยมในมันสำปะหลังเนื่องจากเป็นพืชที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อความแห้งแล้ง และไม่ต้องใช้ปุ๋ยบำรุงมาก  แต่มีความเสี่ยงต่อติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

มันสำปะหลังใช้ทำอะไร 

มันสำปะหลังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่อุดมสมบูรณ์ และราคาไม่แพง สามารถให้ปริมาณแคลอรี่ได้สูงกว่าพืชพันธุ์ธัญญาหารชนิดอื่น ๆ ทำให้เป็นพืชที่มีประโยชน์มากในประเทศกำลังพัฒนา

ผู้คนมีวิธีการเตรียมและกินมันสำปะหลังในรูปแบบต่าง ๆ ตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ทั้งวิธีการอบและการต้มซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป แต่บางครั้งก็มีการหมักมันสำปะหลังก่อนนำไปใช้อีกด้วย

จำเป็นต้องปอกเปลือกมันสำปะหลัง และไม่รับประทานในขณะที่ยังดิบ เพราะจะมีสารไซยาไนด์ในระดับที่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน

อาหารที่ทำจากมันสำปะหลัง ได้แก่  

  • ขนมปังแป้งมันสำปะหลัง หรือผสมระหว่างแป้งมันสำปะหลัง และแป้งสาลี
  • มันสำปะหลังทอด
  • มันสำปะหลังบด
  • มันสำปะหลังทอดเป็นแผ่นบาง ๆ
  • ขนมปังมันสำปะหลังแช่ในน้ำกะทิ
  • เค้กมันสำปะหลัง
  • มันสำปะหลังในซอสมะพร้าว
  • Vuca con mojo เป็นอาหารคิวบาที่ผสมมันสำปะหลังกับซอสที่ประกอบด้วยน้ำมะนาว กระเทียม หัวหอม ผักชี ยี่หร่า และออริกาโน
  • ขนมที่ทำจากมันสำปะหลัง
  • แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งซึ่งใช้ทำขนมปังชนิดปราศจากกลูเตน

ผลิตภัณฑ์ส่วนมากใช้มันสำปะหลัง และธัญพืชผสมกันเพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากการนำมันสำปะหลังมาใช้รับประทาน แล้วยังสามารถนำมาใช้:

  • เป็นอาหารสัตว์
  • ยารักษาโรค
  • ใช้ในกระบวนการผลิตผ้า กระดาษ และวัสดุก่อสร้าง เช่น ไม้อัด
  • ผลิตไบโอเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง

นักวิทยาศาสตร์ได้นำน้ำเชื่อมจากมันสำปะหลังมาทดแทนน้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูง ซึ่งคาดว่ามันสำปะหลังจะเป็นแหล่งผลิตแอลกอฮอล์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำโพลีสไตรีน โพลีไวนิลคลอไรด์ และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ

Cassava

ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของมันสำปะหลัง

มันสำปะหลังเป็นพืชที่มีแคลอรี่สูง อุมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญมากมาย

มันสำปะหลังเป็นแหล่งวิตามินซี ไทอามีน ไรโบฟลาวิน และไนอาซินที่ดี ใบของมันสำปะหลังสามารถรับประทานได้ เมื่อนำมาปรุงอาหาร หรือตากแดดจะมีโปรตีนสูงถึง 25%

อย่างไรก็ตาม หัวมันสำปะหลังไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเช่นเดียวกับพืชหัวชนิดอื่น ๆ

แป้งมันสำปะหลังเป็นที่นิยมเนื่องจากเป็นแหล่งของแป้งที่ปราศจากกลูเตน สามารถนำมาทำเป็นขนมปังและผลิตภัณฑ์อบอื่น ๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนได้ดี

มันสำปะหลังเป็นแหล่งของแป้งที่ช่วยการต้านทานโรคได้ดี นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่าสามารถบำรุงสุขภาพลำไส้ได้ เพราะจะช่วยให้แบคทีเรียในลำไส้ที่เป็นประโยชน์เจริญเติบโตได้ดี โดยที่สภาวะของแป้งจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อผ่านทางเดินอาหาร

ข้อมูลโภชนาการของมันสำปะหลังดิบ 1 ถ้วยตวง มีดังนี้

  • แคลอรี่: 330
  • โปรตีน: 2.8 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 78.4 กรัม
  • ไฟเบอร์: 3.7 กรัม
  • แคลเซียม: 33.0 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม: 43.0 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม: 558.0 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี: 42.4 มิลลิกรัม
  • ไทอามีน: 0.087 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน: 0.048 มิลลิกรัม
  • ไนอาซิน: 0.854 มิลลิกรัม

มันสำปะหลังมีโปรตีนและไขมันเพียงเล็กน้อย เมื่อนำมันสำปะหลังมารับประทานเป็นอาหาร จึงต้องรับประทานโปรตีนเพิ่ม หรือรับประทานอาหารเสริมโปรตีนเพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหาร

เนื่องจากใบมันสำปะหลังเป็นแหล่งโปรตีน บางครั้งจึงนิยมรับประทานหัวมันสำปะหลังร่วมกับส่วนใบ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน

มันสำปะหลังเป็นพิษหรือไม่ 

ไม่ควรรับประทานมันสำปะหลังดิบ เพราะมีสารไซยาไนด์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย การแช่น้ำ และการปรุงมันสำปะหลังให้สุกจะทำให้สารประกอบเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย

การรับประทานมันสำปะหลังดิบ หรือปรุงอย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้

อันตรายหลายประการของมันสำปะหลังที่เตรียมอย่างไม่ถูกวิธี จนได้รับไซยาไนด์ที่ในปริมาณที่มากเกินไป จะเกิดอาการดังนี้

  • อาการอัมพาตในเด็ก
  • ระดับไอโอดีนต่ำ
  • เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคคอพอก

อาหารเป็นพิษจากมันสำปะหลังคืออาการที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และส่งผลมือสูญเสียความรู้สึก การมองเห็นแย่ลง อ่อนแรง เกิดปัญหาเวลาเดิน และเกิดความรู้สึกว่ามีบางสิ่งอยู่บนเท้า 

นอกจากจะสารไซยาไนด์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติแล้ว มันสำปะหลังยังสามารถดูดซับมลพิษจากพื้นที่ที่มันเติบโต  โดยเฉพาะเมื่อปลูกอยู่ใกล้กับถนนและโรงงาน

มลพิษที่พืชมันสำปะหลังสามารถสะสม และส่งต่อให้ผู้ที่รับประทาน ได้แก่

  • สารโลหะต่าง ๆ
  • ยาฆ่าแมลง
  • สารกำจัดวัชพืช

วิธีเตรียมมันสำปะหลังให้ปลอดภัย

เนื่องจากมีการปนเปื้อนของสารไซยาไนด์ในมันสำปะหลัง ดังนั้นควรเลือกซื้อมันสำปะหลังมาจากผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ และควรปนุงอาหารตามขั้นตอนต่อไปนี้ :

  • ปอกเปลือกหัวมันสำปะหลัง
  • ฝานหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  • แช่ในน้ำ
  • ต้มจนนุ่ม และสุกทั่ว
  • ทิ้งน้ำที่ใช้ต้มทิ้งไป

การอบ การทอด หรือการต้ม คือ วิธีการที่เหมาะสม แต่ก็สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุเอาไว้บนบรรจุภัณฑ์

แนะนำว่าควรแช่หัวมันสำปะหลังในน้ำเป็นเวลา 4-6 วัน แม้จะใช้มันสำปะหลังแช่แข็งก็ต้องทำตามขั้นตอนเหล่านี้ด้วย มันสำปะหลังพันธุ์ขมต้องผ่านกระบวนการแปรรูปที่ยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า เช่น การผ่านตะแกรง หรือการบด และแช่น้ำก่อนนำไปต้ม ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแปรรูป เช่น ไข่มุกมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลัง ปลอดภัย สามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องปรุงล่วงหน้า

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *