แผลริมอ่อน (Chancriod) คือการติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ซึ่งแผลริมอ่อนสามารถเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศได้ นอกจากนี้ยังทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณขาหนีบโตขึ้นอีกและทำให้เกิดอาการบาดเจ็บอีกด้วย
แผลริมอ่อนเป็นโรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์ (STI) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi เป็นเชื้อที่พบได้ยากในทวีปอเมริกาเหนือเเละยุโรป
การมีแผลริมอ่อนเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆเพราะความเจ็บปวดบนผิวหนังเป็นอุปสรรค์ขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ผู้ที่มีแผลริมอ่อนควรไปพบเเพทย์เพื่อรักษาแผลให้เร็วที่สุดเมื่อสังเกตพบอาการ สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นแผลริมอ่อนควรบอกให้คู่ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยทราบเพื่อให้เขาได้รับการตรวจวินิจฉัยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในกรณีส่วนใหญ่ยาปฏิชีวนะสามารถรักษาแผลริมอ่อนได้
อาการของแผลริมอ่อนมีอะไรบ้าง
คนส่วนใหญ่ที่มีอาการแผลริมอ่อนมักเริ่มสังเกตพบอาการได้ภายใน 3 และ 10 วันหลังจากสัมผัสกับการติดเชื้อ
แต่บางคนอาจไม่มีอาการของแผลริมอ่อนที่สามารถสังเกตเห็นได้
อาการส่วนใหญ่ของแผลริมอ่อนได้แก่อาการเจ็บปวดและมีตุ่มนูนสีแดงเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศมีลักษณะเป็นแผลเปื่อยเเละเป็นแผลเปิดที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด
นอกจากนี้แผลเปื่อยยังปรากฎขึ้นให้เห็นเป็นสีเทาหรือสีเหลืองอีกด้วย
โดยแผลริมอ่อนมักทำให้เกิดความเจ็บปวดในผู้ชายมากและพบในผู้หญิงได้น้อยกว่า
นอกจากนี้ยังมีอาการที่เกิดขึ้นร่วมกันแผลริมอ่อน ดังต่อไปนี้
- ท่อปัสสาวะอักเสบหรือการติดเชื้อของท่อปัสสาวะ
- ช่องคลอดเกิดความผิดปกติ
- เกิดอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกจากแผล
- มีการปัสสาวะที่เจ็บปวดหรือลำบากเนื่องจากการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ
การวินิจฉัยโรคแผลริมอ่อน
หากวินิจฉัยพบแผลริมอ่อนเเพทย์สามารถตรวจสอบการมีอยู่ของเชื้อเเบคทีเรีย H. ducreyi ด้วยการเก็บตัวอย่างจากปัสสาวะ
อย่างไรก็ตามการตรวจสอบค้นหาแผลริมอ่อนไม่สามารถทำได้เสมอไปเพราะสารที่ใช้ตรวจหาเชื้อแบคทีเรียไม่สามารถใช้ได้ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นในการใช้สารตรวจเชื้อเเบคทีเรียจึงสามารถตรวจพบเชื้อเเบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลริมอ่อนได้อย่างถูกต้องเพียง 80%
สำหรับการวินิจฉัยแผลริมอ่อน เเพทย์จะสอบถามอาการที่เกี่ยวข้องกับแผลและประวัติการมีเพศสัมพันธ์รวมไปถึงประวัติการเดินทางท่องเที่ยว โดยปกติแพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการที่พบของคนไข้ว่าตรงกับอาการของแผลริมอ่อนหรือไม่และทำการทดสอบโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงอันดับที่หนึ่งของการติดเชื้อแผลริมอ่อนคือการติดเชื้อจากผู้ที่มีแผลริมอ่อนแบบแผลเปิด
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้เกิดแผลริมอ่อนได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกัน
- การมีคู่นอนหลายคน
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์จากผู้ให้บริการทางเพศ
- การใช้สารเสพติด
- การมีเพศสัมพันธ์
- การมีเพศสัมพันธ์ผ่านทางทวารหนัก
- การอาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นแอฟริกาเเละทะเลคาริบเบียน
วิธีรักษาแผลริมอ่อนทำได้อย่างไร
โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อ
สถาบันควบคุมเเละป้องกันโรค (CDC) ได้แนะนำวิธีใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาแผลริมอ่อนดังต่อไปนี้
- ยาปฏิชีวนะ azithromycin ทาน 1 กรัม 1 ครั้งทุกวัน
- ยาปฏิชีวนะในกลุ่มยาเซฟาโลสปอรินใช้ปริมาณ 250 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
- ยาปฏิชีวนะไซโปรฟลอกซาซินใช้ปริมาณ 500 มิลลิกรัม 2 ครั้งเป็นเวลา 3 วัน
- ยาปฏิชีวนะอิริโทรมัยซินใช้ปริมาณ 500 มิลลิกรัม รับประทาน 3 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
เป็นสิ่งสำคัญที่ควรใช้ยารักษาแผลริมอ่อนตามคำสั่งยาของเเพทย์ แผลริมอ่อนที่เกิดขึ้นเรื้อรังหรือการติดเชื้อแผลริมอ่อนที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถทำให้รักษาเเผลริมอ่อนได้ยากขึ้นเพราะเชื้อแบคทีเรียจะเเพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้
แพทย์จะทำการประเมินอาการของแผลริมอ่อนเป็นเวลา 3-7 วันหลังจากให้ยาปฏิชีวนะรักษาเเล้ว ถ้าหากยังมีอาการของแผลริมอ่อนอยู่ แพทย์อาจจะ
- วินิจฉัยโรคอีกครั้ง
- สอบถามผู้ป่วยเพื่อทำให้มั่นใจว่าพวกเขาทานยาอย่างเหมาะสม
- ตรวจโรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์ประเภทอื่นๆได้แก่การตรวจหาเชื้อเอชไอวี
- ตรวจสอบว่าเชื้อแบคทีเรีย H. ducreyi เกิดการต่อต้านยาปฏิชีวนะที่ให้ไปหรือไม่
ระยะเวลาในการรักษาแผลริมอ่อนให้หายขึ้นอยู่กับความรุนเเรงของการติดเชื้อเเละขนาดของแผลที่เกิดขึ้น โดยแผลริมอ่อนที่มีขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลาในการรักษา 2 สัปดาห์จึงจะทำให้แผลหายขาดได้
การป้องกัน
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการป้องกันสามารถป้องกับการติดเชื้อแผลริมอ่อ่นได้
วิธีเดียวที่สามารถป้องกันแผลริมอ่อนได้ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อแบคทีเรียแผลริมอ่อน อย่างไรก็ตามการอยู่เป็นโสดไม่ใช่ทางเลือกที่สามารถป้องกันการเกิดแผลริมอ่อนได้อย่างเเท้จริง
วิธีลดความเสี่ยงของการติดเชื้อแผลริมอ่อนทำได้ดังต่อไปนี้
- จำกัดหรือลดจำนวนการเปลี่ยนคู่มีเพศสัมพันธ์
- มีเพศสัมพันธ์แบบป้องกันทุกครั้ง
- มั่นตรวจเช็คอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศเช่นมีตุ่มผิดปกติ มีอาการเจ็บปวดหรือมีต่อมน้ำเหลืองเกิดขึ้นหรือไม่
- ตรวจสอบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ร่วมกัน
- สอบถามอาการผิดปกติของคู่ที่มีเพศสัมพันธ์ว่าเคยมีแผลหรืออาการเจ็บปวดเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศหรือไม่
- สอบถามแพทย์เกี่ยวกับอาการเจ็บปวดที่ขาหนีบที่อธิบายได้ยาก
- มั่นตรวจสอบโรคทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลในปริมาณที่มากเกินไปและหลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติดที่ทำให้เกิดการตัดสินใจบกพร่องและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บทสรุป
โดยส่วนใหญ่การใช้ยาปฏิชีวนะสามารถรักษาแผลริมอ่อนได้
แผลริมอ่อนสามารถพัฒนาเป็นการติดเชื้อที่รุนเเรงมากขึ้นได้และทำให้รักษาแผลได้ยากมากขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา
ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ทันทีหลังจากพบอาการของแผลริมอ่อนเกิดขึ้น
นี่คือแหล่งที่มาของแหล่งบทความของเรา
- https://www.cdc.gov/std/tg2015/chancroid.htm
- https://www.healthline.com/health/chancroid
- https://www.dph.illinois.gov/topics-services/diseases-and-conditions/diseases-a-z-list/chancroid
- https://www.health.ny.gov/diseases/communicable/chancroid/fact_sheet.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก