

ความฝันเกิดจากอะไร
ความฝันก็คือ สมองและจิตใจได้รับการระบายปลดปล่อย ทั้งจากความกังวล ความต้องการ ผ่อนคลายให้รู้สึกสบายหรือแสดงความสับสนความคิดลึก ๆ ที่อยู่ภายในออกมาในชีวิตจริงยามตื่นไม่สามารถแสดงออกระบายใด ๆ ออกมาได้ จนแม้กระทั่งเจ้าของความฝันเองก็อาจจะไม่รู้
ในช่วงที่ร่างกายหลับใหลพักผ่อนแต่จิตใจ สมองยังไม่พักผ่อน ในช่วงเหล่านั้น เราได้เดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน ในความฝันที่เต็มไปด้วยอิสระอันแสนหอมหวาน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ ไม่มีกฏเกณฑ์ ไม่มีขีดจำกัด มีเพียงแค่จินตนาการที่ไม่รู้จักจบ
ความฝัน (Dream) กระบวนการเกิดขึ้นของภาพ ความคิด อารมณ์ และ ความรู้สึก ถ้าเกิดขึ้นภายในจิตใจโดยไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนะที่นอนหลับ โดยความฝันจะเกิดขึ้นในช่วง ( Rapid eye movement REM ) ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 90 นาทีหลังจากที่เรานอนหลับ
ความฝันมันดี แต่เราใช้ชีวิตอยู่ในมันไม่ได้ สุดท้ายเราต่างต้องตื่นขึ้นมาจากความฝัน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากการเข้าใจตีความ สัญลักษณ์ ในความฝันของเราเองที่บางครั้งแม้แต่ตัวเราตอนขณะตื่นยังไม่รู้ตัว บางครั้งในความฝันจะทำให้เราสามารถเข้าใจตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
ความฝันกับการนอนหลับ
การนอนหลับ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ร่างกายจะได้พักผ่อน และปล่อยวางจากเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญมาทั้งวัน และสิ่งที่เคียงคู่กับการนอนหลับนั่นก็คือ “ความฝัน” หากฝันดีก็จะทำให้ยามตื่นนอนกลายเป็นเช้าที่แสนสดใส แต่ถ้าหากฝันร้ายอาจจะทำให้หลับต่อได้ยากขึ้น และยังสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ฝันร้ายยังสามารถบอกถึงปัญหาสุขภาพจิตของเราอีกด้วย
ความฝันเป็นเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นในสมองของมนุษย์ขณะนอนหลับ เพราะไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ผู้คน หรือเหตุการณ์ในความฝัน ผู้ที่ฝันอาจไม่เคยพบหรือประสบกับสิ่งเหล่านั้นมาก่อนในชีวิตจริง และในบางครั้งความฝันที่เกิดขึ้นอาจดูแปลกตาและไกลจากความจริงอย่างสิ้นเชิง ความฝันมักส่งผลต่อความรู้สึกเมื่อตื่นขึ้น ทั้งฝันดีและฝันร้าย
ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่มีความเชื่อว่า ความฝันอาจจะเกิดจากการถอดจิตออกมาท่องเที่ยวในขณะที่หลับในห้วงภาวะที่กึ่งความเป็นความตาย จิตสามารถล่องลอยไปพบเจอสิ่งต่าง ๆ ออกมาจากร่างและจะกลับเข้าไปใหม่ต่อเมื่อเรารู้สึกตัวตื่นขึ้น เพราะในหลาย ๆ ครั้งคนเราก็ฝันว่าได้ไปยังสถานที่ซึ่งเราไม่เคยได้ไปมาก่อน ฝันถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดนึกมาก่อน แต่ในกรณีนี้นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า อาจจะเกิดจากการประมวลผลจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอ สมองนำมาผสมผสานกันเกิดเป็นประสบการณ์ใหม่ในความฝันก็เป็นได้
Lucid dream
Lucid dream คือ ฝันแบบรู้ตัว
ความฝันประเภทนี้เป็นความฝันที่ผู้ฝันทราบว่าตนเองกำลังอยู่ในความฝัน บางคนสามารถควบคุมเรื่องราวในความฝันได้ ความฝันแบบรู้ตัวอาจเกิดจากการทำงานที่เพิ่มขึ้นของสมองส่วนจิตสำนึก ความรู้สึก ความจำ และภาษา ซึ่งโดยปกติสมองส่วนนี้จะทำงานน้อยลงหรือหยุดทำงานชั่วคราวในขณะหลับ ฝันแบบรู้ตัวเป็นภาวะของสมองระหว่างช่วงที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะหลับลึกที่สุด REM หรือช่วงมีการเคลื่อนไหวดวงตาอย่างรวดเร็วขณะนอนหลับ และในช่วงที่ใกล้ตื่นนอน โดยในช่วงนี้สมองจะมีการตื่นตัวมากที่สุด
ความฝันที่ผู้ฝันรู้ว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ (ฝันในฝันนั้นเอง) คนที่กำลังฝันแบบ Lucid (ลูซิด) นอกจากจะรับรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝันแล้ว ยังสามารถมีส่วนร่วม จัดการ สร้างสรรค์ เนรมิตสภาพแวดล้อม และเรื่องราวในความฝันที่ว่านั้นได้อีกด้วย ความฝันแบบ Lucid Dream จะสามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมจริงหรือแปลกประหลาดแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาวะการรับรู้ของคนที่ฝันอยู่นั้นๆ ซึ่งมีทีมวิจัยจากหลากหลายสถาบัน พยายามที่จะพัฒนาเทคนิคที่จะทำให้คนเราสามารถควบคุมความฝันได้ โดยหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มวิจัยจากมหาวิทยาลัย Standford และ สถาบันวิจัย Lucidity ของนาย Stephen LaBerge
ความฝันแบบ Lucid Dream ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เราปรารถนาให้เกิดขึ้นในความเป็นจริง (ตามหลักการของฟรอยด์) Lucid Dream มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะหลับลึกที่สุด (R.E.M. – Rapid Eyes Movement จริงๆ ความฝันแบบปกติก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงนี้เหมือนกัน) และมักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางถึงปลายของความฝัน บางคนที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในสภาพ Lucid Dream ที่จริงอาจอยู่ในสภาวะหลายชั้นของการฝัน หรือเรียกง่ายๆ ว่าฝันซ้อนฝัน (มีอยู่ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยฝันร้ายมากๆ แต่รู้สึกตัวได้ว่ามันเป็นความฝัน เลยบังคับให้ตัวเองตื่น แต่ดันกลับตื่นมาอยู่ในฝันอีกอันหนึ่ง แล้วก็ตกใจตื่นขึ้นมาอีกที เป็นความรู้สึกที่หลอนเอามากๆ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างยังไงยังงั้น) ผู้ฝันอาจจะรู้ว่า เรื่องราว เหตุการณ์ ผู้คน และสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังประสบพบเจออยู่นั้น มันไม่ใช่ความเป็นจริง หากแต่เป็นความฝัน และในขั้นสูงสุดของ Lucid Dream ผู้ฝันอาจสามารถที่จะควบคุมหรือแม้แต่เนรมิตความฝันนั้นให้เป็นดั่งที่ใจต้องการได้
เทคนิคในการฝึกฝันลูซิดของลาเบิร์กคือ ทำใจให้ปลอดโปร่ง สบาย บอกตัวเองว่าอยากฝันถึงเรื่องอะไร และจดจำไว้จนกระทั่งหลับไป คนที่มีปัญหาก็ตั้งจิตท่องถึงวิธีแก้ไขปัญหาหรือคนช่วย เมื่อพบวิธีทางแก้ไขปัญหาหรือคนช่วยในความฝันนั้น ก็ให้รีบสอบถามและจดจำวิธีแก้ปัญหานั้นไว้ ซึ่งก็จะได้วิธีแก้ปัญหาตามที่ต้องการ การฝึกฝันลูซิดเช่นนี้เป็นการช่วยผ่อนคลายความคับข้องใจ ความกดดัน และความขัดแย้งในชีวิต ลดความเครียด รักษาอาการนอนไม่หลับ เดินละเมอ วิตกจริต แถมยังช่วยให้สนุกสนานผ่อนคลายอีกด้วย