โรคต้อหิน (Glaucoma) คือการที่ความดันตาสูงทำให้เส้นประสาทภายในดวงตาถูกทำลาย
จากโครงสร้างตามีบริเวณช่องว่าขนาดเล็กที่อยู่ตรงหัวตาเรียกว่าช่องหน้าลูกตา (anterior chamber) ซึ่งในบริเสณนี้จะมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ใกล้กับเนื้อเยื่อที่ชุ่มไปด้วยน้ำ หากผู้ป่วยเป็นโรคต้อหินในดวงตาน้ำที่หล่อเลี้ยงบริเวณหัวตาจะค่อยๆไหลออกจากดวงตาจึงทำให้ของเหลวเหล่านี้เกิดขึ้นปริมาณมากเเละทำให้ความดันภายในดวงตาเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ถ้าหากความดันสูงขึ้นเเละลดลงจนควบคุมได้แล้วเส้นประสาทของตาและส่วนอื่นๆของดวงตาได้รับความเสียหายซึ่งนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้
โดยปกติโรคต้อหินสามารถเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้าง แม้ว่าดวงตาข้างใดข้างหนึ่งจะมีอาการรุนเเรงกว่าอีกข้างหนึ่ง
สาเหตุของโรคต้อหิน
ผู้เชี่ยวชาญยังไม่เเน่ใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต้อหินในดวงตาแต่อาการต้อหินสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะดังต่อไปนี้
- อาการต้อหินเฉียบพลันหมายถึงต้อหินที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาการต้อหินทุติยภูมิหมายถึงต้อหินที่เกิดขึ้นจาสาเหตุดังต่อไปนี้เช่นอาการบวม โรคเบาหวาน โรคต้อกระจกชนิดรุนเเรงหรือการติดเชื้อ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต้อหินมีหลายปัจจัยได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- ภูมิหลังทางเชื้อชาติเช่นผู้ที่มีเชื้อชาติเอเชียตะวันออก แอฟริกา อเมริกันและสเปนมักมีความเสี่ยงเป็นโรคต้อหินสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนเชื้อชาติคอเคเซี่ยน
- ผู้ที่เจ็บป่วยเเละเป็นโรคเช่นโรคเบาหวานและโรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- ดวงตาได้รับการบาดเจ็บหรือเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา
- การผ่าตัดศัลยกรรมตา
- ภาวะที่แสงจากวัตถุตกบริเวณหน้าจอรับภาพในตา
การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
ผู้ป่วยที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นระยะเวลายาวนานมักมีอาการร้ายเเรงหลายอย่างเกิดขึ้นได้รวมถึงโรคต้อหินในดวงตา ซึ่งผู้ที่ใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของยาคอร์ติโคสเตียรอยด์มักมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
ประเภทของโรคต้อหิน
ต้อหินเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในดวงตา
ประเภทของโรคต้อหินแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆได้แก่ต้อหินมุมเปิดเเละต่อหินมุมปิด
ต้อหินมุมปิด (ต้อหินมุมปิดเเบบเฉียบพลัน)
โรคต้อหินชนิดนี้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันในผู้ป่วยที่มีเคยมีอาการเจ็บปวดในดวงตาและสูญเสียการมองเห็นแบบเฉียบพลัน
โชคดีที่อาการเจ็บปวดเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการไปพบเเพทย์และผลจากการรักษาทันทีสามารถช่วยป้องกันอาการเจ็บปวดรุนเเรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
อาการเบื้องต้นของต้อหินมุมเปิด (โรคต้อหินแบบเรื้อรัง)
โรคต้อหินประเภทนี้มีกระบวนการเกิดขึ้นอย่างช้าๆซึ่งผู้ป่วยจะไม่สามารถสังเกตุอาการใดๆได้จนกระทั่งเกิดการสูญเสียการมองเห็น โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อหินชนิดนี้หากปล่อยไว้แล้วไม่รักษาสามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนเเรงแบบถาวรได้
โรคต้อหินความดันต่ำ
โรคต้อหินชนิดนี้พบได้น้อยมากซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคต้อหินชนิดนี้ผู้เชี่ยวชาญยังไม่มั่นใจว่าเกิดจากอะไร แม้ว่าความดันภายในดวงตาเป็นปกติเเต่เส้นประสาทที่ถูกทำลายยังสามารกเกิดขึ้นได้เนื่องจากเลือดที่เข้าไปหล่อเลี้ยงในเส้นประสาทของตาลดลง
ต้อหินที่เกิดจากเม็ดสีของตาหลุดไปอุดท่อระบายน้ำที่หล่อเลี้ยงดวงตา
โดยทั่วไปโรคต้อหินแบบมุมเปิดชนิดนี้เกิดในคนวัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือตอนกลาง
เซลล์เม็ดสีที่เกิดขึ้นในม่านตาเกิดการแพร่กระจายไปทั่วภายในดวงตา ถ้าหากเซลล์ชนิดนี้เกิดขึ้นในท่อน้ำที่หล่อเลี้ยงลูกตาเม็ดสีเล่านี้สามารถหลุดเข้าไปอุดท่อระบายน้ำจึงทำให้ความดันตาสูงขึ้น
อาการของต้อหินมีอะไรบ้าง
สัญญาณเเละอาการของต้อหินแบบมุมเปิดและปิดมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้อาการต้อหินมุมปิดที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันค่อนข้างมีความแตกต่างอีกด้วย
อาการเบื้องต้นของต้อหินแบบมุมเปิดมีดังต่อไปนี้
- การมองเห็นภาพค่อนๆเลื่อนหายไป โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับตาทั้งสองข้าง
- โรคต้อหินขั้นรุนแรงทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นไปได้
อาการของต้อหินแบบมุมปิดได้แก่
- อาการปวดตาอย่างรุนเเรง
- มีอาการเห็นภาพไม่ชัด
- มีอาการเจ็บปวดตาซึ่งมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
- มองเห็นเเสงเกิดขึ้นภายในตา
- มีอาการตาเเดง
- มีปัญหามองเห็นภาพไม่ชัดเจนโดยเฉพาะในที่ที่มีเเสงน้อย
การรักษาโรคต้อหิน
การรักษาต้อหินทำได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำที่หล่อเลี้ยงภายในดวงตาหรือลดการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงหรือสามารถทำได้ทั้งสองวิธี
การใช้ยาหยอดตาเพื่อรักษาอาการต้อหิน
โดยส่วนใหญ่การรักษาอาการต้อหินมักเริ่มต้นด้วยการใช้ยาหยอดตา
เนื่องด้วยการรักษาต้อหินด้วยการใช้ยาหยอดตามีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดและเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ควรใช้ยาหยอดตาตามคำแนะนำของเเพทย์
ตัวอย่างของยาหยอดตาได้แก่
- ยาโปรสตาแกลนดินอานาลอก (prostaglandin analogues)
- กลุ่มยา carbonic anhydrase inhibitors
- ยาพวกโคลิเนอร์จิค (cholinergic agents)
- ยาต้านเบต้า (beta blockers)
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดตาได้แก่อาการตาเเดง ขนตายาวและดวงตาเปลี่ยนสี นอกจากนี้บางครั้งยังสามารถทำให้เกิดจอประสาทหลุดลอกและทำให้หายใจลำบาก ถ้าหากใช้ยาหยอดตารักษาเเล้อาการยังไม่ดีขึ้นแพทย์จะสั่งให้ทานยากลุ่ม oral carbonic anhydrase inhibitor
เนื่องจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาเกิดขึ้นได้น้อยกว่าหากทานยาหลังมื้ออาหาร โดยผลข้างเคียงเบื้องต้นได้แก่อาการชาที่ปลายนิ้วมือเเละนิ้วเท้าและปวดปัสสาวะบ่อย อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน
โดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการผื่นขึ้น มีนิ่วในไต ปวดท้อง น้ำหนักลด เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ร่างกายอ่อนเพลียและได้รับรสชาติแปลกๆเมื่อดื่มน้ำเย็น
การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคต้อหิน
หากการใช้ยารักษาโรคต้อหินไม่ได้ผลหรือผู้ป่วยไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดของโรคต้อหินได้ การผ่าตัดจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง โดยเป้าหมายของการผ่าตัดคือการลดความดันที่เกิดขึ้นภายในตาตัวอย่างของการผ่าตัดได้แก่
- การผ่าตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา วิธีนี้ทำได้โดยการใช้เเสงเลเซอร์เปิดทางท่อระบายน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจึงทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาไหลออกจากตาได้ง่ายขึ้น
- การผ่าตัดควักลูกตา วิธีนี้ใช้เมื่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆใช้ไม่ได้ผลรวมไปถึงการผ่าตัดด้วยใช้เลเซอร์แล้วก็ตาม การที่ท่อน้ำในดวงตาเปิดออกสามารถทำให้ของเหลวภายในดวงตาไหลได้ดีขึ้น
- การผ่าตัดเยื่อบุตาการผ่าตัดประเภทนี้ส่วนใหญ่มักใช้ผ่าตัดสำหรับเด็กหรือผู้ที่มีอาการของโรคต้อหินในระยะที่สอง โดยการผ่าตัดประเภทนี้จะใช้วิธีสอดท่อนซิลโคนขนาดเล็กเข้าไปในดวงตาเพื่อช่วยทำให้น้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาระบายได้ดีขึ้น
โรคต้อหินมุมปิดแบบเฉียบพลัน
โรคต้อหินมุมปิดแบบเฉียบต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วเพื่อลดความดันสูงในดวงตาเเละจำเป็นต้องนอนในโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อไป
โดยปกติมักการผ่าตัดด้วยการใช้เเสงเลเซอร์เพื่อสร้างรูขนาดเล็กที่ม่านทำให้ทางระบายออกของน้ำในลูกตาทำงานได้ดีขึ้นวิธีการนี้เรียกว่าการยิงแสงเลเซอร์ผ่านขอบม่านตาเพื่อสร้างรูระบายน้ำหล่อเลี้ยงตา
ถ้าหากเกิดต้อหินภายในตาข้างใดข้างหนึ่งแล้ว แพทย์จะตัดสินใจรักษาดวงตาทั้งสองข้างเพราะเมื่อเกิดโรคต้อหินขึ้นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งเเล้ว ดวงตาอีกข้างหนึ่งสามารถเกิดต้อหินขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/glaucoma/symptoms-causes/syc-20372839
- https://www.healthline.com/health/glaucoma
- https://www.nhs.uk/conditions/glaucoma
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก