โรคหนองใน (Gonorrhea) เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infection:STI) ที่พบได้บ่อย และสามารถแพร่เชื้อได้ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทุกประเภท เมื่อแพทย์วินิจฉัยได้เร็วเท่าไหร่ก็จะสามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากบุคคลไม่ได้รับการรักษา โรคหนองในอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้
เมื่อเป็นโรคหนองในเป็นโรคที่ต้องแจ้งให้ทราบ หมายถึงแพทย์จะต้องรายงานการวินิจฉัยทั้งหมดแก่ ระบบเฝ้าระวังโรคที่แจ้งเตือนแห่งชาติ (The National Notifiable Diseases Surveillance System) เพื่อให้หน่วยงานสุขภาพสามารถวางแผนกลยุทธ์การรักษาและการป้องกันได้
โรคหนองในรักษาได้ง่าย แต่การชะลอการรักษาอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและถาวรได้ ตัวอย่างเช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease :PID) เกิดในเพศหญิงเมื่อโรคหนองในส่งผลต่อมดลูกหรือท่อนำไข่ ภาวะดังกล่าวนำสู่การมีบุตรยากได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองในที่เป็นไปได้ในเพศชาย ได้แก่ อัณฑะอักเสบ (Epididymitis) ซึ่งเกิดการติดเชื้อที่ท่อนำอสุจิ ผลที่ตามมาคือการมีบุตรยากเช่นกัน
อาการของโรคหนองใน
มีหลายคนที่เป็นโรคหนองในแล้วไม่แสดงอาการ ในบางคนมักรู้สึกแสบร้อนขณะปัสสาวะ
อาการหนองในในเพศชายอาจสังเหตเห็นได้เช่น:
-
มีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศชาย โดยมีสีขาว เขียว หรือเหลือง
-
ปวด หรือบวมในถุงอัณฑะ
-
มีอาการอักเสบ หรือบวมบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
ในผู้หญิงอาจมีอาการตกขาวเพิ่มขึ้นและมีเลือดออกระหว่างที่เป็นโรค
อาจเกิดอาการทางทวารหนักขึ้นในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวาร มีดังนี้:
-
มีสารคัดหลั่งเกิดขึ้น
-
คันรอบ ๆ รูทวารหนัก
-
มีเลือดออก
-
รู้สึกปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหวของลำไส้
หากเป็นโรคหนองในจากการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก บุคคลอาจมีการติดเชื้อภายในลำคอ แต่อาจไม่สังเกตเห็นอาการใดๆ
โรคหนองในเป็นการติดเชื้อของแบคทีเรีย และหากน้ำอสุจิหรือของเหลวในช่องคลอดที่มีแบคทีเรียดังกล่าวเข้าสู่ดวงตา อาจพัฒนาไปเป็นภาวะเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) ทั่วไปเรียกว่า ตาแดง
การวินิจฉัยโรคหนองใน
บุคคลอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน หากไปพบแพทย์เนื่องจากมีอาการ หรือสงสัยว่าตนเองติดเชื้อ
แพทย์จะสอบถามบุคคลเกี่ยวกับอาการและประวัติทางการแพทย์ นอกจากนี้อาจเก็บสิ่งเพื่อส่งตรวจ เช่น ตัวอย่างปัสสาวะ หรือการป้ายเชื้อส่งตรวจจากอวัยวะเพศ ปากมดลูก ทวารหนัก หรือลำคอ
ผู้ที่ใช้ชุดตรวจที่บ้าน(ปัจจุบันมีชุดตรวจที่บ้าน สามารถซื้อทางออนไลน์ได้)สามารถส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการ และรอรับผลโดยตรงได้ หากผลเป็นบวกจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา และแพทย์จะส่งตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติมเพื่อเป็นการยืนยันผล
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ชุดตรวจให้ตรงตามคำแนะนำ มิฉะนั้นผลลัพธ์อาจออกมาไม่ถูกต้อง เนื่องจากการตรวจอาจมีความแม่นยำแตกต่างกันไป จึงควรไปพบแพทย์หากเป็นไปได้
หากคนใดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน คู่นอนควรได้รับการตรวจด้วย
การรักษาโรคหนองใน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหนองในจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเพื่อหยุดการติดเชื้อ การรักษามักส่วนใหญ่แล้วมักใช้ยาปฏิชีวนะเข้าช่วย
ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการติดเชื้อได้ สิ่งสำคัญคือควรได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคอยากเรียกร้องให้ผู้คนรับประทานยาทั้งหมดตามที่แพทย์สั่ง และหลีกเลี่ยงการแบ่งยาให้ผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม Neisseria gonorrhoeae เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุก่อโรคหนองใน ได้พัฒนาความต้านทานต่อยาปฏิชีวนะเกือบทั้งหมดที่แพทย์ใช้ในการรักษาแบบดั้งเดิม
การดื้อยาทำให้การรักษาโรคหนองในยากขึ้นเรื่อยๆ หากบุคคลไม่สังเกตเห็นว่าอาการดีขึ้นภายหลังผ่านไปหลายวัน พวกเขาควรกลับไปพยแพทย์ เพื่อตรวจประเมินเพิ่มเติมว่าการรักษาได้ผลหรือไม่
บุคคลควรไปพบแพทย์ตามนัด และเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะเห็นว่าปลอดภัย
หากโรคหนองในเกิดขณะตั้งครรภ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้ทีมสุขภาพทราบ เพราะการติดเชื้อดังกล่าวสามารถติดต่อสู่ทารกระหว่างคลอดได้ ดังนั้นโดบปกติทารกแรกเกิดจะต้องได้ยาปฏิชีวนะทันที
ทารกแรกเกิดบางรายมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ และโรคหนองในก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เกิดได้ โดยอาการมักจะเกิดใน 2-4 วันหลังคลอดรวมถึงมีอาการตาแดง ขี้ตาเยอะ และเปลือกตาบวม
หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที นอกจากนี้ยังอาจเป็นผลมาจากภาวะร้ายแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย
สาเหตุของโรคหนองใน
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย N. gonorrhoeae มีหน้าที่ทำให้เกิดโรคหนองใน โดยแบคทีเรียดังกล่าวจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อุ่นและชื้น และการติดเชื้อยังสามารถเกิดขึ้นในเยื่อเมือกภายในร่างกาย เช่น อวัยวะเพศ ช่องปาก ภายในลำคอ ดวงตา และทวารหนัก
โรคหนองในสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศชาย ช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก โดยเพศชายไม่จำเป็นต้องหลั่งเพื่อแพร่เชื้อ หรือติดเชื้อหนองใน
มันสามารถติดต่อสู่ทารกระหว่างคลอดได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน
มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของโรคหนองในอยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้สิ่งสำคัญคือต้องเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ในเพศหญิง โรคหนองในอาจนำไปสู่:
-
อุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflamatory Disease)
-
ปวดภายในอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง
-
มีบุตรยาก
-
การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic pregnancy) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆของการติดเชื้อดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์ และระหว่างคลอด หากไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้
โรคหนองในสามารถติดต่อสู่ทารกได้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อร่วมกับการสูญเสียการมองเห็น หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดที่อันตรายถึงชีวิตได้
ในเพศชาย โรคหนองในทำให้เกิดอัณฑะอักเสบ (Epididymitis) ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีบุตรยาก
ในทุกคนที่ไม่ได้รับการรักษาโรคหนองในจะนำไปสุ่การแพร่กระจายของเชื้อโกโนคอคคัส ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต อาการและอาการแสดงบางอย่าง ลักษณะหนองในได้แก่:
-
ผิวหนังอักเสบ โดยมักเกิดผดผื่น คัน ผิวแห้ง
-
ข้ออักเสบ
-
อักเสบ และบวมรอบเส้นเอ็น
ผู้ที่เป็นโรคหนองในจะมีความเสี่ยงสูงในการติดต่อหรือแพร่เชื้อเอชไอวี สาเหตุหนึ่งคือการติดเชื้ออาจทำให้เกิดแผลเปิด ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น
การป้องกัน
หนทางเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคหนองใน ได้แก่:
-
เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หากมีโอกาสในการติดเชื้อ
-
ใช้สิ่งป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก
-
ใช้ถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัยขณะที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก
-
ควรมีคู่นอนเพียงคนเดียวที่ไม่มีการติดเชื้อ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก