โรคมือเท้าปาก (HFMD) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ส่งผลกระทบต่อเด็กเป็นหลัก จะมีอาการผื่นที่เท้าและมือและมีแผลเจ็บปวดรอบจมูกและปาก
โรคมือเท้าและปาก (HFMD) กรณีที่มีอาการรุนแรงอาจจะต้องไปพบแพทย์ แต่หากมีอาการไม่รุนแรงและไม่มีการแทรกซ้อนสามารถหายเองได้ โดยส่วนมากมักคนส่วนใหญ่จะสับสนกันกับโรคปากและเท้าในสัตว์ แต่เชื้อในสัตว์ที่เกิดไม่สามารถติดเชื้อในมนุษย์
โรคมือเท้าปาก พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี แต่สามารถส่งผลกระทบได้ในผู้ใหญ่ได้ด้วย การระบาดมักเกิดขึ้นในเอเชีย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้
สาเหตุของโรคมือเท้าปาก
การติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม enterovirus มักจะทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก
Coxsackieviruses เป็นไวรัสชนิดที่พบมากที่สุดของ enterovirus ที่เชื่อมโยงกับโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะ coxsackievirus A16 Enterovirus 71 ก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยเช่นกัน ไวรัสเหล่านี้มักแพร่กระจายผ่านปากและทวารหนักและมักพบในน้ำลายเมือกอุจจาระและของเหลวพุพองของบุคคลที่มีโรคมือเท้าปาก
วิธีในการส่งผ่านไวรัส ได้แก่
- การติดต่อโดยตรงกับบุคคลกัที่บผู้ติดเชื้อ
- ไอและจาม
- สัมผัสวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
- การสัมผัสโดยตรงหรือโดยอ้อมกับอุจจาระที่ติดเชื้อ
อาการโรคมือเท้าปาก
อาการของโรคมือเท้าปากมักจะเกิดขึ้นประมาณ 3 ถึง 7 วันหลังจากการสัมผัสเชื้อไวรัสครั้งแรก สิ่งที่สังเกตได้คือมีไข้ภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมงอุณหภูมิอยู่ที่ 38 ถึง39 องศาเซลเซียสและมีอาการเจ็บคอ ตามด้วยอาการต่าง ๆ รวมไปถึง:
- มีผื่นขึ้นที่มือและฝ่าเท้าซึ่งมีแผลแบนแผลเจ็บปวดสีแดงเกิดขึ้นหลังจาก 1 ถึง 2 วัน
- อาการปวดหัว
- แผลในปากปากและลิ้น
ในบางคนจะไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่นได้ ติดต่อกันได้มากที่สุดในช่วง 7 วันแรกของการเจ็บป่วย
การรักษา
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมือเท้าปากได้โดยการตรวจร่างกาย อาจดูจากรอยโรค เช่นแผลหรือแผลพุพองที่เท้ามือและอวัยวะเพศ ซึ่งอาจตรวจสอบอาการทั่วไปอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นข้างแผลด้วย บางครั้งอาจต้องทำการทดสอบการติดเชื้อในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการวินิจฉัย แพทย์จะตรวจหาแอนติบอดีที่เกี่ยวข้องของ ตรวจหาไวรัสในเลือดหรือเก็บตัวอย่างลำคอและอุจจาระเพื่อตรวจสอบอย่าละเอียด
ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคมือเท้าปากที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งยาที่ใช้ที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์จากร้านขายยา สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและมีไข้ได้ น้ำยาบ้วนปากหรือสเปรย์ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อจะช่วยลดอาการปวดบริเวณปาก ซึ่งจะช่วยให้รับประทานอาหารได้ดีขึ้น และในการรับประทานในช่วงที่คุณป่วย ควรเป็นอาหารอ่อน ๆ เช่นซุป
ปัจจัยเสี่ยง
เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีมีความเสี่ยงต่อการติดโรคมือเท้าปากโดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระบบภูมิคุ้มกันจะยังไม่พัฒนาแอนติบอดี้เพื่อต่อสู้กับโรคในเด็กเล็กหลายๆคนเด็กที่ใช้เวลาอยู่กับเด็กคนอื่น ๆ เป็นประจำจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะติดเชื้อเช่นผู้ที่เข้ารับการดูแลเด็กหรือในโรงเรียน
การป้องกันโรคมือเท้าปาก
เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากได้ดังนั้นจึงควรหาวิธีป้องกันเพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อและป้องกันการแพร่กระจายของโรค เช่น การล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาดบ่อย ๆ ทำความสะอาดเสื้อผ้าสิ่งของเครื่องใช้ หรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดกำจัดเชื้อโรคสิ่งสกปรกที่อาจมีการปนเปื้อนเชื้อ ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว รวมทั้งไม่ใช้อุปกรณ์ในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก ใช้ผ้าสะอาดหรือทิชชู่ปิดปากปิดจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม ไม่สัมผัสกับผู้ป่วยโรคมือเท้าปากอย่างใกล้ชิด และหากป่วยด้วยโรคมือเท้าปาก ควรลาพักรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหาย เพื่อลดการกระจายเชื้อโรคสู่บุคคลอื่น
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hand-foot-and-mouth-disease/symptoms-causes/syc-20353035
- https://www.cdc.gov/hand-foot-mouth/index.html
- https://www.nhs.uk/conditions/hand-foot-mouth-disease/
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก