โรคริดสีดวง (Hemorrhoids) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคริดสีดวง (Hemorrhoids) : อาการ สาเหตุ การรักษา

22.08
1560
0

โรคริดสีดวง (Hemorrhoids) เกิดจากการที่เส้นหลอดเลือดที่อยูบริเวณส่วนปลายของทวารหนักมีอาการบวม จนทำให้ผนังหลอดเลือดมีการยืดตัวจนบาง ซึ่งอาการเหล่านี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า โรคริดสีดวงทวาร

ถึงแม้ว่าโรคริดสีดวงทวารนั้นมีอาการเจ็บริดสีดวงที่ไม่พึงประสงค์และมีอาการปวด แต่ก็สามารถรักษาอาการและป้องกันการเกิดโรคสีดวงทวารได้ ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนั้น เมื่อเวลาผ่านไป จะมีอาการที่แย่ลงและรุนแรงขึ้น และแพทย์แนะนำว่าควรรักษาอาการที่ปรากฏเท่าที่จะทำการรักษาได้

  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะมีอาการโรคสีดวงทวารมากกว่าคนปกติ
  • โอกาสในการเป็นริดสีดวงนั้น มักจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
  • ริดสีดวงเกิดจากการที่เส้นหลอดเลือดรอบบริเวณทวารหนักที่มีอาการบวมใหญ่ ทำให้อุจจาระออกมามีเลือดปนด้วย
  • บางครั้งการรักษาริดสีดวงจำเป็นต้องรักษาโดยการใช้ยาและการผ่าตัด

การรักษาริดสีดวง

การรักษาริดสีดวงภายนอกเบื้องต้นนั้นสามารถทำได้ง่ายโดยที่อาการริดสีดวงนั้นหายไปเอง โดยที่ไม่ต้องรักษาอะไรเลย แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาริดสีดวงโดยการใช้ยาและการผ่าตัดก็ยังมีความจำเป็นในการรักษาริดสีดวงอยู่ดี

การรักษาริดสีดวงที่บ้าน

การรักษาริดสีดวงภายนอกเบื้องต้นที่บ้านนั้น สามารถบรรเทาอาการริดสีดวงให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้โรคริดสีดวงนั้นหายขาดได้:

  • การใช้ครีมทาริดสีดวงภายนอก:ครีมหรือขี้ผึ้งที่ใช้รักษาหรือยาเหน็บริดสีดวงนั้น สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา และนอกจากนี้ยังมียาชาที่บรรเทาอาการปวดและคันได้เป็นอย่างดี 
  • การประคบด้วยน้ำแข็งหรือแผ่นประคบเย็น: นำแผ่นประคบหรือผ้าพันน้ำแข็งประคบบริเวณที่มีอาการบวม เพื่อลดอาการบวมจากริดสีดวงภายนอกที่เกิดขึ้นได้
  • การอาบน้ำอุ่นโดยแช่ก้นเอาไว้: การแช่ก้นในน้ำอุ่นบนสุขภัณฑ์ เช่นอ่างอาบน้ำ สามารถบรรเทาอาการแสบหรือคันจากอาการริดสีดวงภายนอกที่ก้นได้
  • การใช้กระดาษทิชชู่เปียก: ซึ่งการใช้กระดาษทิชชู่ที่แห้งนั้น อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ก้นได้
  • การรับประทานยาแก้ปวด: การรับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน และยาอะซีมีโนเฟ่น สามารถยรรเทาอาการปวดและความรู้สึกที่ไม่สบายตัวในตอนที่มีอาการริดสีดวงได้

การใช้ยา

ยาที่ใช้ในการรักษาริดสีดวงเบื้องต้นนั้น เป็นยารักษาริดสีดวงภายนอกที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา ได้แก่ยาทา ขี้ผึ้ง แผ่นแปะลดอาการบวมหรือยาเหน็บริดสีดวง

ซึ่งมีส่วนผสมของ ยาไฮโดรคอร์ติซอล และสารสกัดจากต้นวิชฮาเซล ซึ่งมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการปวดและอาการคัน ซึ่งหากต้องการใช้ยาเหล่านี้ ต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงหลังจากการใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์

การรักษาแบบไม่มีการผ่าตัด

การรักษาแบบไม่มีการผ่าตัดนั้น จะใช้การจี้ริดสีดวงด้วยเครื่องจี้ไฟฟ้า หรือแสงรังสีอินฟาเรด

ซึ่งการรักษานี้เป็นการรักษาผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล โดยรักษาริดสีดวงภายใน โดยใช้ยางเส้นเล็กรัดรอบบริเวณริดสีดวงภายในทวารหนักออกมา และจี้ไปที่แผลริดสีดวงเพื่อห้ามเลือด และนำชิ้นเนื้อริดสีดวงนั้นก็จะออกมา

การรักษาอื่นก็มีเช่น การฉีดยา เป็นการฉีดสารละลายเข้าสู่เส้นเลือดที่มีริดสีดวงภายใน ซึ่งการรักษานี้ทำให้เกิดแผลเป็นที่เกิดจากการอุดเลือดที่ไหลออกมาจากแผลริดสีดวง

การรักษาริดสีดวงภายในด้วยรังสีอินฟาเรดและการใชักระแสไฟฟ้า ก็เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน

การผ่าตัด

การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการริดสีดวง เพื่อเอาชิ้นเนื้อริดสีดวงออกมานั้น เรียกว่า การผ่าตัดเอาริดสีดวงออก

ซึ่งอาจใช้การผ่าตัดที่เย็บแผลที่นำเอาชิ้นเนื้อริดสีดวงที่ออกนอกทวารหนักให้กลับเข้าที่เหมือนเดิม ซึ่งการผ่าตัดนี้ต้องใช้ยาสลบให้กับผู้ป่วยก่อนผ่าตัด และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านภายในวันเดียวกันนั้นด้วย

โรคริดสีดวง (Hemorrhoids)

สาเหตุของโรคริดสีดวง

สาเหตุริดสีดวงเกิดจากการที่เส้นเลือดที่อยู่รอบทวารหนักมีอาการบวมและใหญ่ขึ้น

ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้:

  • การตั้งครรภ์: ซึ่งเป็นสาเหตุริดสีดวงที่พบได้บ่อย เพราะเมื่อมดลูกขนาดใหญ่ขึ้น ก็ทำให้หลอดเลือดรอบทวารหนักขยายใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทำให้มีเส้นเลือดขอดที่โป่งพองไปด้วย
  • อายุที่มากขึ้น: คนที่มีอายุ 45-65 ปีขึ้นไปมักมีโอกาสเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ แต่อย่างไรก็ตาม อายุนั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการริดสีดวงเสมอไป คนที่มีอายุน้อยก็มีโอกาสเป็นโรคริดสีดวงทวารได้
  • อาการท้องเสีย: โรคริดสีดวงนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการท้องเสียเรื้อรังได้
  • อาการท้องผูกเรื้อรัง: การที่เบ่งแรงให้อุจจาระออกมานั้น ทำให้เพิ่มแรงกดดันของหลอดเลือดทวารหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุริดสีดวงได้
  • นั่งเป็นเวลานาน: การนั่งเป็นเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งในห้องน้ำนานนั้นสามารถเป็นสาเหตุโรคริดสีดวงทวารได้ 
  • การยกของหนัก: การยกของหนักเป็นเวลาหลายครั้ง อาจนำไปสู่การเป็นริดสีดวงทวารได้
  • การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก: ซึ่งเป็นสาเหตุริดสีดวงที่ทำให้อาการริดสีดวงที่เป็นอยู่นั้นรุนแรงขึ้นได้
  • ความอ้วน: การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงก็เป็นสาเหตุริดสีดวงอีกหนึ่งสาเหตุได้เหมือนกัน
  • กรรมพันธ์ุ: หากมีคนในครอบครัวที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร ก็มีโอกาสที่จะเป็นริดสีดวงได้เหมือนกัน

อาการของโรคริดสีดวง

อาการริดสีดวงมักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้:

  • มีการถ่ายเป็นเลือดและมีอาการเจ็บปวดด้วย
  • มีอาการคันหรือระคายเคืองที่บริเวณทวารหนัก
  • ไม่สบายตัว หรือ มีอการปวดที่รุนแรงในบริเวณเดียวกัน 
  • มีติ่งเนื้อหรือมีอาการบวมบริเวณทวารหนัก
  • กลั้นอุจจาระไม่ได้

อาการริดสีดวงอาจทำให้ไม่สบายตัวหรือตื่นตัวตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่อาการที่รุนแรงหรือน่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก

ประเภทของโรคริดสีดวง

โรคริดสีดวงทวารนั้นสามารถมีอาการที่ภายนอกหรืออาการที่ภายในก็ได้

อาการริดสีดวงภายใน

อาการริดสีดวงภายใน เกิดขึ้นภายในทวารหนักตรงบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่เชื่อมติดกับทวารหนักส่วนบนและไม่สามารถสังเกตอาการได้จากภายนอก ซึ่งทำให้ไม่มีอาการเจ็บปวด แต่สัญญาณแรกที่เตือนให้รู้ว่า คุณเป็นริดสีดวงภายในนั้น มักเป็นอาการเลือดออกทางทวารหนัก

ซึ่งในบางครั้ง ก็มีชิ้นเนื้อหรือแผลริดสีดวงที่ออกนอกทวารหนักออกมา ซึ่งเรียกอาการริดสีดวงนี้ว่า ริดสีดวงออกนอกทวารหนัก และมักจะมีอาการเจ็บปวดเมื่อเวลาที่นั่งลงไป

อาการริดสีดวงภายนอก

อาการริดสีดวงภายนอกนั้น เกิดขึ้นที่บริเวณผิวหนังซึ่งเชื่อมติดกับทวารหนักส่วนล่าง และมักมีอาการแสดงออกมาให้เห็น เพราะมีเส้นประสาทที่บอบบางมากในบริเวณนี้และไวต่ออาการเจ็บปวดจากริดสีดวงได้ ซึ่งทำให้มีอุจจาระมีเลือดปนออกมาได้

สถิติผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารในประเทศไทย

สถิตินี้มาจากงานวิจัยที่ชื่อ Hemorrhoid  ซึ่งพบว่า ในการทำแบบสอบถามจากผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของทวารหนักจำนวน 548 คน พบว่าร้อยละ 63 นั้นคิดว่าตัวเองเป็นโรคริดสีดวงทวาร โดยมีเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่มีอาการโรคริดสีดวงทวารจริง

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *