โรคตับอักเสบเกิดจากการติดเชื้อของเซลล์ภายในตับและมีความเสียหายเกิดขึ้นที่ตับ โรคตับอักเสบมีหลายชนิดเเละมีอาการคล้ายกัน
โรคตับอักเสบชนิดเอ
สถาบันควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้มีการประเมินและตรวจพบว่าในเเต่ละปีมีผู้ป่วยใหม่ที่เป็นโรคตับอักเสบชนิดเอในสหรัฐอเมริกาประมาณ 6,700 ราย
โรคไวรัสตับอักเสบชนิดเอสามารถแพร่เชื้อผ่านการปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นเป็นปกติในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีระบบดูแลสุขอนามัยที่ดี
อาการที่เกิดขึ้นได้แก่
- โรคดีซ่าน
- อาการปวดท้อง
- อาการคลื่นไส้อาเจียน
- เบื่ออาหาร
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยหลายรายอาจไม่เคยมีอาการดังต่อไปนี้ โดยปกติผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นสามารถหายเองได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือต้องใช้เวลาหลายเดือนหลังจากที่ผู้ป่วยได้เกิดการสร้างภูมิกันขึ้นมาต่อต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้ โดยปกติเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีมักมีอาการของโรคเกิดขึ้น
ในบางกรณีโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสามารถทำให้เสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตามมีการป้องกันโรคนี้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัส
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ มีเพียงเเต่การรักษาที่ช่วยจัดการกับอาการของโรคนี้ การหลีกเลี่ยงการดื่มเเอลกอฮอลสามารถช่วยทำให้อาการหายได้เร็วขึ้นและคนส่วนใหญ่มักหายจากโรคนี้ได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
โรคตับอักเสบชนิดบี
โดยปกติการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นอาการที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันหรือเกิดขึ้นในระยะสั้นแต่เป็นโรคที่เกิดขึ้นแบบเรื้อรังโดยเฉพาะในเด็ก
โรคเเทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสอักเสบชนิดบีได้แก่โรคมะเร็งตับหรือโรคตับเเข็ง โดยโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ประมาณ 15-25% กับผู้เป็นโรคตับอักเสบบีเรื้อรังและโรคนี้ยังไม่มีการรักษา
เชื้อไวรัสสามารถเเพร่กระจายด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การสักที่ผิวหนังด้วยเข็มที่ไม่สะอาด
- การรักษาแผลด้วยอุปกรณ์การเเพทย์ที่ไม่สะอาด
- การใช้สิ่งของร่วมกันเช่นแปรงฟันหรือมีดโกน
- การให้นมบุตร ถ้าหากคุณแม่ติดเชื้อไวรัส
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบีคล้ายกับการติดเชื้อจากไวรัสชนิดอื่นๆซึ่งทำให้เกิดอาการปวดท้องและเป็นโรคดีซ่าน
ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้รักษาโรคไวรัสอักเสบบีที่ช่วยป้องกันไม่ใครคนติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ โดยในประเทศที่มีวัคซีนป้องกันโรคเชื้อไวรัสอักเสบจะมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบลดลง
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคตับอักเสบบีมีเพียงเเต่การรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น ในกรณีที่เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรังเเพทย์จะใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาและตรวจสอบว่าตับเป็นปกติหรือมีความเสียหายเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหรือไม่
ผู้ป่วยโรคตับอักเสบควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮลในระหว่างรักษาโรคนี้
โรคตับอักเสบชนิดซี
โรคไวรัสตับอักเสบชนิดซีคือการติดเชื้อไวรัสผ่านเลือดโดยปกติเกิดการติดต่อผ่านการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันหรือการอุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับ
ผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้แก่ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการแพทย์และคุณเเม่ที่กำลังให้นมบุตรผู้ที่ติดเชื้อไวรัส
อาการของโรคติดเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งระยะสั้นและเกิดการติดเชื้อระยะยาวในผู้ป่วยสูงสุดถึง 85%
ผู้ป่วยด้วยโรคตับอักเสบชนิดนี้อาจไม่มีอาการของโรคแสดงออกจึงทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่ามีเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ในร่างกายจึงทำให้เชื้อนี้สามารถแพร่สู่คนอื่นได้โดยที่ไม่ระวังตัว
สถาบันป้องกันและควบคุมโรคได้ระบุว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบใหม่เกิดขึ้นประมาณ 44,300 รายในแต่ละปีและปัจจุบันมีประชากรประมาณ 2.4 ล้านรายที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดนี้อยู่ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010
การรักษา
ประมาณ 25% ของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังคงสามารถหลงเหลืออยู่ในร่างกายได้เเละทำให้เกิดอาการร้ายเเรงเกิดขึ้นได้
ข้อมูลจากสถาบันป้องกันเเละควบคุมโรค แพทย์ได้ระบุว่าปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนอกจากเกิดการติดเชื้อแบบเรื้อรัง โดยแพทย์จะให้ยาชนิดทานให้กับผู้ป่วยเป็นเวลา 8-12 สัปดาห์ หลังจากพบว่า 9 ใน 10 ของผู้ป่วยไม่พบการติดไวรัสอีกต่อไป
การรักษาแบบผสมผสานกันสามารถกำจัดเชื้อไวรัสในผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
สำหรับผู้อาการติดเชื้อไวรัสชนิดซีควรหลีกเลี่ยงการดื่มเเอลกอฮอล
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบ
ผู้ที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสอักเสบมักมีอาการเกิดขึ้นระดับปานกลางหรือไม่มีอาการเกิดขึ้นเลย ถ้าหากมีอาการเกิดขึ้น อาการของโรคจะเกิดขึ้นภายในเวลา 2 อาทิตย์ถึง 6 เดือนหลังจากการติดเชื้อซึ่งอาการนี้เกิดขึ้นกับการติดเชื้อตับอักเสบทุกชนิด
โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน
ในระยะของการเกิดไวรัสตับอักเสบแบบเฉียบพลันในระยะที่เกิดการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดขึ้นคล้ายกับโรคไข้หวัด
- อาการอ่อนล้าหมดเเรง
- ขับถ่ายเป็นสีซีด
- ไม่มีความอยากอาหารหรือน้ำหนักลดลง
- เป็นไข้
- มีอาการบาดเจ็บในกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
- มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
- มีอาการปวดท้อง
- เป็นโรคดีซ่านเเละตาเหลือง
- มีอาการคันที่ผิวหนัง
- มีอาการป่วยไข้หรือรู้สึกไม่ค่อยดี
โดยปกติในระยะติดเชื้อไวรัสแบบเฉียบพลันยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆและโรคแทรกซ้อนภายในตับจะเกิดขึ้นในระยะนี้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหายสิบปีถึงแสดงอาการ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังอาจมีอาการตับล้มเหลวได้ซึ่งมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น
- โรคดีซ่าน
- มีอาการบวมที่ร่างกายส่วนล่าง
- เกิดความสับสน
- ขับถ่ายเป็นเลือดหรืออาเจียนเป็นเลือด
อาการของโรคดีซ่านได้แก่
- ปัสสาวะเป็นสีดำ
- อาการลมพิษ
- คันที่ผิวหนัง
- ขับถ่ายเป็นสีเหลืองสด
- มีผิวเหลืองหรือตาเหลืองและลิ้น
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/hepatitis
- https://www.cdc.gov/hepatitis/abc/index.htm
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hepatitis-a/symptoms-causes/syc-20367007
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก