อาการเจ็บครรภ์คลอด (Labor Pain)

อาการเจ็บครรภ์คลอด (Labor Pain)

26.05
2996
0

ผู้หญิงบางคนคลอดลูกได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คนอื่นๆพบว่าการเจ็บครรภ์คลอด  (Labor Pain) และการคลอดลูกนั้นเจ็บปวดอย่างเหลือเชื่อ  นี่คือสิ่งที่ต้องรู้พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการความเจ็บปวด

มดลูกเป็นอวัยวะที่มีกล้ามเนื้อที่หดตัวอย่างรุนแรง เพื่อบีบตัวทารกของคุณออก และการบีบเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของอาการเจ็บครรภ์  นอกจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูกอย่างรุนแรงทั่วหน้าท้องแล้ว ในบางครั้งลำตัวและบริเวณอุ้งเชิงกรานทั้งหมดของคุณอาจรู้สึกเจ็บไปด้วย คุณอาจรู้สึกเจ็บลามไปที่หลัง กระเพาะปัสสาวะและลำไส้  “ทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความเจ็บปวด” นายแพทย์ Jay O’Brien, ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของแผนกสูติกรรมผู้ป่วยใน ประจำโรงพยาบาลสตรีและทารกโลดไอส์แลนด์ในพรอวิเดนซ์กล่าว

อาการเจ็บครรภ์คลอดมักเกิดขึ้นทีละน้อยและเพิ่มมากขึ้นเมื่อผ่านแต่ละระยะของการคลอด นี่คือสิ่งที่คุณควรจะตระหนัก

อาการเจ็บครรภ์คลอด

 อาการเจ็บครรภ์คลอดของคุณขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ :

  • ความรุนแรงในการบีบตัวของมดลูก
  • ระดับฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์และทำให้เกิดการบีบตัวมากขึ้น
  • ขนาดและตำแหน่งของทารกในกระดูกเชิงกราน
  • ท่าของทารก นอนคว่ำหน้าหรือนอนหงาย (ท่าของทารกในครรภ์)
  • ความเร็วในแต่ละระยะการคลอดของคุณ

การผสมผสานระหว่างพันธุกรรมและประสบการณ์ชีวิตเป็นตัวกำหนดระดับความเจ็บปวดหรือความสามารถในการทนต่อความเจ็บปวดและสิ่งนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ของคุณด้วย  กำลังใจจากคนรอบข้าง  ความกลัว ความวิตกกังวล และแม้แต่เรื่องราวการเจ็บครรภ์คลอดที่คุณเคยได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบวกหรือเชิงลบ สามารถส่งผลต่อความรู้สึกเจ็บปวดได้  ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเกิดมาของทารกได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงความทนทานต่อความเจ็บปวดได้ 

ความเชื่อมโยง: ระยะของการคลอดและสิ่งที่ควรตระหนักเมื่อคลอดลูก

ถ้าหากคุณมีความอดทนต่ำ ควรปรึกษาพยาบาลผดุงครรภ์หรือผู้ช่วยคลอด จากการศึกษาและวิจัยพบว่าผู้หญิงที่จะมีการคลอด หากได้รับการสนับสนุนหรือคำปรึกษาจากพยาบาลผดุงครรภ์หรือผู้ช่วยทำคลอด มีโอกาสที่จะใช้ยาแก้ปวดในระหว่างการคลอดลดลง โอกาสผ่าคลอดลดลง และมีประสบการณ์การคลอดที่ดี “หากผู้หญิงมีความกังวลหรือมีความกลัวการเจ็บปวดจากการคลอด ผู้ช่วยทำคลอดสามารถช่วยคุณได้ 

ระยะของอาการเจ็บครรภ์คลอด

ระยะเริ่มต้นเจ็บครรภ์ ( early Labor pain )

ระยะเวลา : ประมาณ 6 ชั่วโมงหรือมากกว่า

เกิดอะไรขึ้น: ปากมดลูกมีการขยายตัวและเปิดออก 3 ถึง 4 เซนติเมตร โดยทั่วๆไปมดลูกจะบีบตัวนาน 30 ถึง 60 วินาที ในทุกๆ 5 ถึง 20 นาที และจะมีการบีบตัวแรงขึ้นเรื่อยๆ

  • ความเชื่อมโยง: หากพบอาการเหล่านี้ให้จำว่าเป็นการเจ็บครรภ์ระยะเริ่มต้น

ระยะเจ็บครรภ์คลอด (Active labor pain )

ระยะเวลา: ประมาณ 2 ถึง 8 ชั่วโมง

เกิดอะไรขึ้น: มดลูกมีการบีบตัวอย่างต่อเนื่อง นานขึ้น แรงขึ้น และถี่ขึ้น ปากมดลูกมีการขยายตัวถึง 7 เซนติเมตร ทำให้ผู้หญิงที่กำลังจะคลอดต้องการยาแก้ปวดอย่างมาก

Labor pain

ระยะการเปลี่ยนถ่ายการคลอด ( Transitional labor pain )

ระยะเวลา: อาจมากถึง 1 ชั่วโมง

เกิดอะไรขึ้น: ความเจ็บปวดมีมากขึ้นเรื่อยๆจนปากมดลูกเปิดถึง 10 เซนติเมตร มดลูกมีการบีบตัวมากขึ้นเรื่อยๆและคงที่ คุณอาจจะรู้สึกปวดไปที่หลัง ขาหนีบ ต้นขา รวมไปถึงมีอาการคลื่นไส้

ระยะเบ่งคลอด ( Pushing Labor Pain )

ระยะเวลา: ตั้งแต่ 1 นาทีถึง 3 ชั่วโมง

เกิดอะไรขึ้น: อาการเจ็บครรภ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามีแรงมากดลงข้างล่าง แล้วรู้สึกอยากจะเบ่งเอาทารกออกมา ผู้หญิงบางคนอาจจะอธิบายอาการแบบนี้ว่า “ถ่ายอุจจาระเพื่อเอาแตงโม หรือลูกโบว์ลิ่งออกมา” อาการเจ็บครรภ์ดำเนินต่อไป ผู้หญิงบางคนรู้สึกว่าการเบ่งทำให้ปวดน้อยลงหรือทำให้แรงกดน้อยลง เมื่อศีรษะทารกโผล่ออกมาหรือสามารถมองเห็นได้แล้ว คุณอาจรู้สึกแสบร้อนบริเวณช่องคลอดที่มีการขยายตัว

ระยะคลอดรก (Placenta Delivery Pain)

ระยะเวลา: ประมาณ 30 นาที

เกิดอะไรขึ้น: ระยะนี้มักจะผ่านไปได้ด้วยดีมีการบีบตัวของมดลูกเล็กน้อยเพื่อที่จะเอารกออกมา ในระยะนี้คุณอาจจะให้ความสำคัญกับทารกมากกว่าสิ่งใด 

การจัดการอาการเจ็บครรภ์คลอด

ผู้หญิงบางคนมีความรู้สึกผิดถ้าพวกเขาขอยาแก้ปวดขณะเจ็บครรภ์คลอด เพราะว่าจะทำให้ทารกของพวกเขามีความเสี่ยงมากขึ้นจากยาแก้ปวด ในความเป็นจริงการฉีดยาชาเข้าไขกระดูกสันหลัง( Epidural )เพื่อลดอาการปวดหรือยาบรรเทาอาการปวดชนิดอื่นๆค่อนข้างที่จะปลอดภัยต่อแม่และทารก นายแพทย์ William Camann หัวหน้าแผนกสูตินารีเวชและวิสัญญี ประจำโรงพยาบาลผู้หญิงบอสตัน และเป็นผู้ร่วมเขียนหนังสือ Easy Labor: Every Woman’s Guide to Choosing Less Pain and More Joy During Childbirth. ได้กล่าวว่า “มีข้อมูลที่ผิดมากมาย – ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนนั้นมีมากเกินไปและผู้หญิงต้องทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็น”

ยิ่งไปกว่านั้นประโยชน์ของยาแก้ปวดที่ฉีดเข้าไขสันหลังอาจอยู่ได้นานไปจนถึงหลังคลอดทารกออกมา  จากข้อมูลของนายแพทย์ Gilbert Grant, ผู้อำนวยการ ด้านการระงับความรู้สึกทางสูติกรรมที่ศูนย์การแพทย์ Langone มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและผู้เขียนหนังสือ Epidural Without Guilt: Childbirth Without Pain ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างความเจ็บปวดจากการคลอดที่ไม่ได้รับการบรรเทาและภาวะซึมเศร้าหลังคลอด โรคความเครียดหลังการบาดเจ็บและความเจ็บปวดเรื้อรัง

  • ความเชื่อมโยง : การฉีดยาชาเข้าไขสันหลังคืออะไรและทำงานอย่างไร?

แม้ว่าคุณจะเลือกใช้ยาแก้ปวดหรือยาอื่นๆ แต่การใช้เทคนิคการผ่อนคลายสามารถเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเจ็บปวดได้ Leslie Ludka, C.N.M. ผู้อำนวยการการผดุงครรภ์ของโรงพยาบาลและศูนย์การเกิด Cambridge Health Alliance ในแมสซาชูเซตส์กล่าวว่า  “ผู้หญิงควรมีการปรับตัวให้เข้ากับกระบวนการหรือขั้นตอนการคลอด” 

การหายใจเป็นจังหวะ การทำสมาธิ การสะกดจิตตัวเอง และกลยุทธ์การผ่อนคลายอื่นๆที่สอนในชั้นเรียน เช่น Lamaze, Bradley Method หรือ HypnoBirthing อาจช่วยให้จิตใจของคุณสงบและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย  เทคนิคอื่นๆที่ได้ผล ได้แก่ การนวด การเดิน การอาบน้ำและการใช้น้ำแข็งหรือความร้อน

  • ความเชื่อมโยง: 8 วิธีจัดการความเจ็บปวดจากการคลอด

ไม่ว่าคุณจะวางแผนที่จะใช้ยาแก้อาการเจ็บครรภ์คลอดหรือปล่อยไปตามธรรมชาติ หรือ พยายามที่จะใช้วิธียืดหยุ่น  “ไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการอะไรจนกว่าเธอจะมีประสบการณ์จริงๆ” ลุดกา(Ludka) กล่าว  “ให้สิทธิ์ตัวเองในการเปลี่ยนแปลงแผนของตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการ”  โปรดทราบว่าแต่ละตัวเลือกมีข้อดี  แม้ว่าการใช้ยาจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการคลอดบุตรได้มาก แต่การคลอดตามธรรมชาติสามารถทำให้คุณรู้สึกถึงความสำเร็จได้อย่างดีเยี่ยม  “หลังจากความเจ็บปวดและความพยายามสิ้นสุดลงคุณจะรู้สึกมีพลังมากขึ้น” Simkin กล่าว  นี่คือคำแนะนำของเธอ: “แยกความแตกต่างระหว่างความเจ็บปวดและความทุกข์ ความเจ็บปวดสามารถจัดการได้ แต่ถ้ามันท่วมท้น การใช้ยาอาจป้องกันความทุกข์ได้”

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *