โรคฉี่หนู (Leptospirosis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

16.09
2035
0

โรคฉี่หนู (Leptospirosis) คือ การติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ยาก โดยสามารถทำให้เกิดผลทั้งคนและสัตว์ เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนได้ เมื่อผิวหนังของเราไปสัมผัสกับดินหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของปัสสาวะสัตว์ที่มีเชื้ออยู่

แบคทีเรีย Leptospira หลายชนิดทำให้เกิดโรคฉี่หนู  และชักนำไปสู่สภาวะต่างๆเ ช่น โรค Weil หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบซึ่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

โรคนี้จะไม่ส่งผ่านจากคนสู่คน

แบคทีเรียชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางบาดแผลเปิด ตาหรือเยื่อ สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค ได้แก่ หนู สกั๊งค์โอพอสซัม สุนัขจิ้งจอก และแรคคูน

โรคฉี่หนู หรือเลปโตสไปโรซิสพบได้บ่อยในพื้นที่เขตร้อนซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่ามี 10 คนขึ้นไปในทุกๆ 100,000 คนในแต่ละปี ได้รับเชื้อนี้

ในขณะที่สภาพอากาศหนาวเย็นจะพบในอัตราส่วน 0.1 ถึง 1 ต่อ 100,000 คน ดังนั้นผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เขตร้อนมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อมากขึ้น

กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู ในปี 2563 นี้ พบว่ามีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 501 ราย เสียชีวิต 6 ราย โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน สูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ระนอง ยะลา พังงา ศรีสะเกษ และสตูล ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ ภาคใต้ รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง กลุ่มอายุที่พบป่วยมากสุด คือช่วงอายุระหว่าง 45–54 ปี รองลงมาคืออายุ 35-44 ปี และอายุ 55-64 ปี อาชีพส่วนใหญ่ที่พบป่วย คือ อาชีพเกษตรกร

ประเภทของโรคฉี่หนู

เราสามารถแบ่งประเภทของโรคฉี่หนูได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

โรคฉี่หนูชนิดไม่รุนแรง: 

พบประมาณ 90% จากผู้ติดเชื้อเล็ปโตสไปโรซิส จะมีอาการโรคฉี่หนูที่แสดงคือ เจ็บกล้ามเนื้อ หนาวสั่น หรืออาจจะปวดหัวได้ 

โรคฉี่หนูชนิดรุนแรง: 

พบประมาณ 5 – 15% จากผู้ติดเชื้อเล็ปโตสไปโรซิส จะมีอาการสภาวะอวัยวะภายในล้มหลว, การตกเลือด ไปจนถึงการเสียชีวิตซึ่งอาจส่งผลตับหรือไตและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ เกิดการติดเชื้อได้

สำหรับโรคฉี่หนูชนิดรุนแรงนั้นมักจะพบว่าเป็นโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยปอดบวม ที่อยู่ในวัยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบในผู้สูงอายุ

อาการโรคฉี่หนู

อาการของโรคฉี่หนูมักจะปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ภายหลังการติดเชื้อ 5 ถึง 14 วัน อย่างไรก็ตามระยะฟักตัวจะอยู่ในช่วง 2 ถึง 30 วัน

โรคฉี่หนูชนิดไม่รุนแรง

สัญญาณและอาการโรคฉี่หนูชนิดไม่รุนแรงประกอบไปด้วย:

  • มีไข้ร่วมกับอาการหนาวสั่น
  • ไอ
  • ท้องเสีย(diarrhea) หรือ อาเจียน
  • ปวดศีรษะ (headache) 
  • เจ็บปวดกล้ามเนื้อ ได้แก่ หลังช่วงล่าง หรือ น่องขา
  • ผื่น
  • ตาแดงและระคายเคืองตา
  • ดีซ่าน

ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้ภายใน 1 สัปดาห์ และจะมีเพียงแค่ 10% ที่มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคฉี่หนูชนิดรุนแรง

โรคฉี่หนูชนิดรุนแรง

สัญญาณและอาการของโรคฉี่หนูชนิดรุนแรงจะปรากฎภายในไม่กี่วันหลังจากที่อาการโรคฉี่หนูชนิดไม่รุนแรงหายไปในกรณีที่เชื้อมีการพัฒนา

อาการขึ้นอยู่กับอวัยวะสำคัญที่ได้รับการติดเชื้อ ซึ่งการติดเชื้อสามารถนำไปสู่ภาวะไตหรือตับล้มเหลวได้ หายใจติดขัด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และอาจถึงแก่ชีวิตได้

หากโรคฉี่หนูส่งผลกระทบกับหัวใจ ตับ และไตของคุณแล้ว ผู้ป่วยจะปรากฏอาการดังต่อไปนี้:

  • เมื่อยล้า
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • วิงเวียนศีรษะ
  • เลือดกำเดาไหล
  • ปวดหน้าอก
  • หอบ
  • เบื่ออาหาร
  • มือและข้อเท้ามีอาการบวม
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ดีซ่าน

หากไม่ได้รับการรักษาสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตด้วยภาวะไตวายได้

การติดเชื้อที่สมองหรือไขสันหลัง

กรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อที่สมองหรือไขสันหลัง อาจจะทำให้เยื้อหุ้มสมองอักเสบ หรือเยื่อหุ้มไขสันหลังอักเสบ หรืออาจจะเป็นได้ทั้งสองส่วนโดยทั้งสองส่วนจะทำให้เกิดอาการที่ใกล้เคียงกันดังนี้

  • มีความสับสนหรืออาการมึนงง
  • อาการง่วงนอน
  • อาการชัก
  • ไข้สูง
  • วิงเวียนศีรษะ
  • กลัวแสงหรือความไวต่อแสง
  • ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางกายภาพ
  • คอเคล็ด
  • อาเจียน
  • พฤติกรรมก้าวร้าวกว่าปกติ

หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลาอวัยวะทั้งสองส่วนจะได้รับการทำลายที่รุนแรงและสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การติดเชื้อที่ปอด

กรณีที่ติดเชื้อโรคฉี่หนูที่ปอด ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้:

  • ไข้สูง
  • หอบ
  • ไอเป็นเลือด

ในกรณีที่รุนแรงมากจะทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดและหายใจไม่ออกได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อชีวิต

สาเหตุของโรคฉี่หนู

โรคฉี่หนูเกิดจากแบคทีเรีย Leptospira มีอยู่ในแรคคูน ค้างคาว แกะ สุนัขหนู ม้า โค กระบือ และสุกร

โดยแบคทีเรียนี้อาศัยอยู่ในไตของสัตว์ และถูกขับออกทางปัสสาวะไปยังดินหรือแหล่งน้ำ ทำให้ดินและแหล่งน้ำนั้นปนเปื้อน โดยที่เชื้อสามารถคงอยู่ในดินและแหล่งน้ำได้นานหลายเดือนเลยทีเดียว

การรักษาโรคฉี่หนู

ในกรณีที่ไม่ได้อยู่ในภาวะรุนแรงแพทย์จะรักษาผู้ป่วยด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline หรือ Penicillin

สำหรับผู้ป่วยโรคฉี่หนูชนิดรุนแรง จะต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยการได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำและในผู้ป่วยโรคฉี่หนูบางรายอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ในกรณีที่มีผลกระทบต่อไตอาจจำเป็นต้องฟอกไต และอาจจะมีการให้สารอาหารที่จำเป็นผ่านหลอดเลือดดำ

การพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้นเริ่มตั้ง 2 สัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างไร และการติดเชื้อนั้นทำลายอวัยวะต่างๆ รุนแรงเท่าไร

และหากเกิดกับสตรีตั้งครรภ์โรคฉี่หนูสามารถทำอันตรายกับทารกในครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน

การป้องกันโรคฉี่หนู

มาตราการป้องกันต่างๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคฉี่หนูได้ เช่น 

การหลีกเลี่ยงกีฬาทางน้ำในพื้นที่สุ่มเสี่ยง: 

อย่างไรก็ตามสำหรับนักกีฬาทางน้ำควรหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำจืด แต่ยังสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติในพื้นที่ที่มั่นใจว่าน้ำปลอดจากเชื้อ และมั่นใจว่าบาดแผลหรือร่องรอยใดๆ บนผิวหนังถูกกันน้ำอย่างดีข้อควรระวังหลังจากที่เล่นกีฬาทางน้ำในน้ำที่ปลอดภัยแล้ว ควรรีบชำระล้างร่างกายด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งทันที

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสในพื้นที่ทำงานที่มีความเสี่ยง:

สำหรับผู้ที่ทำงานในฟาร์มสัตว์ หรือทำงานร่วมกับน้ำและดินปนเปื้อนควรจะสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เช่น ถุงมือ หน้ากาก รองเท้าบู๊ท และแว่นนิรภัย เป็นต้น

ข้อควรระวังสำหรับนักท่องเที่ยว

สำหรับผู้ที่ไปท่องเที่ยวหรือเดินทางไปยังพื้นที่สุ่มเสี่ยงให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ :

  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ
  • ดื่มน้ำจากขวดที่ปิดผนึกเท่านั้น
  • ทำความสะอาดแผลและปกปิดแผลให้พ้นจากน้ำ

เคล็ดลับเพิ่มเติมป้องกันโรคฉี่หนู

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการป้องกันโรคฉี่หนู มีดังนี้ :

  • การควบคุมสัตว์พาหะนำโรคโดยเฉพาะหนู
  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหลังทันทีหลังจากสัมผัสกับสัตว์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่ตายแล้วด้วยมือเปล่า
  • ทำความสะอาดแผลและปิดด้วยวัสดุกันน้ำ
  • สวมชุดป้องกันระหว่างปฎิบัติงานให้รัดกุม
  • หลีกเลี่ยงการลุยลุยน้ำหรือสัมผัสกับแหล่งน้ำจืด และรีบชำระล้างร่างกายด้วยน้ำสะอาดทันทีหากได้รับการสัมผัส
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของและรับประทานอาหารในพื้นที่สุ่มเสี่ยง
  • ดื่มน้ำสะอาดจากขวดที่ปิดผนึกแล้วเท่านั้น หรือดื่มน้ำที่มั่นใจว่าผ่านการต้ม
  • นำสุนัขไปรับวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนู

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา 

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *