โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer) คือโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นที่ตับและมีมะเร็งบางชนิดที่เกิดขึ้นภายนอกตับเเล้วลุกลามมาถึงตับ แต่ทั้งนี้แพทย์ได้ให้คำจำกัดความว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นที่ตับคือมะเร็งตับ
ตับอยู่บริเวณใต้ปอดตรงชายโครงข้างขวาตับเป็นหนึ่งในอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายมนุษย์และมีหน้าที่สำคัญหลายอย่างเช่นการกำจัดของเสียออกจากร่างกายมนุษย์
ในบทความนี้เราจะอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุและอาการของโรคมะเร็งตับเกิดจากอะไร มีการรักษาอย่างไรและมีปัจจัยเสี่ยงใดบ้างที่สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ นอกจากนี้เรายังจะอธิบายวิธีการหลีกเลี่ยงโรคมะเร็งตับด้วย
สาเหตุมะเร็งตับ
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่สามารถทราบสาเหตุของการโรคมะเร็งตับได้ อย่างไรก็ตามโรคมะเร็งตับส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับโรคตับเเข็ง
ข้อมูลจากสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS) ระบุว่าโรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดขึ้นในตับเช่นโรคไวรัสตับอักเสบ B หรือ C เป็นสาเหตุทั่วไปที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ
ผู้ที่มีอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดใดชนิดหนึ่งมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับได้มากกว่าผู้ที่มีสุขภาพแข็งเเรง ทั้งนี้การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและโรคมะเร็งเป็นสาเหตุของโรคตับเเข็ง
โรคมะเร็งตับที่เกิดจากพันธุกรรมเช่น ภาวะสะสมธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป (hemochromatosis) ทำให้เกิดโรคตับเเข็งและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในตับได้เช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆของการเกิดโรคมะเร็งตับได้แก่
โรคเบาหวาน : คนที่เป็นโรคเบาหวานโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับอักเสบร่วมด้วยหรือมีการดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอลปริมาณมากเป็นประจำเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ
ประวัติของคนในครอบครัว : ถ้าหากคนในครอบครัวเช่นพ่อและเเม่หรือพี่น้องป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ คนในครอบครัวเดียวกันมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับได้มากกว่าคนทั่วไป
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลอย่างหนัก : การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลมากกว่า 6 แก้วทุกวันก่อให้เกิดโรคตับเเข็งและเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับได้
การรับเชื้อจากอาหารที่มีสารพิษเชื้อราเป็นเวลานาน : เชื้อราบางชนิดได้สร้างสารพิษที่ชื่อว่าอะฟลาทอกซิน เมื่อเชื้อราเกิดขึ้นในพืชดังต่อไปนี้ อาจมีสารพิษอะฟลาทอกซินอยู่ในอาหารดังต่อไปนี้ด้วย ได้แก่
- ข้าวสาลี
- ถั่วลิสง
- ข้าวโพด
- ถั่ว
- นมถั่วเหลือง
ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งตับจะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับสารพิษอะฟลาทอกซินเป็นเวลานานเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นต้องกังวลกับสารพิษชนิดนี้เพราะโรงงานผลิตอาหารมีการทดสอบสารอะฟลาทอกซินในอาหารเป็นปกติ
ภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ : คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำเช่นผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือเป็นโรคเอดส์เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งตับ 5 เท่าของคนร่างกายเเข็งเเรงเป็นปกติ
โรคอ้วน : การเป็นโรคอ้วนเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด ในคนที่กำลังจะเป็นโรคมะเร็งตับโรคอ้วนทำให้เกิดภาวะตับเเข็งและโรคไขมันพอกตับได้
เพศ : ผู้ชายมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่า 3 เท่าของผู้หญิง ข้อมูลจากสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS)
การสูบหรี่ : ทั้งผู้ที่เคยสูบบุหรี่มากก่อนหรือผู้ที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตับได้สูงกว่าผู้ที่ไม่เคบสูบบุหรี่
ผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสูงควรได้รับการตรวจเพื่อหาเชื้อมะเร็งตับได้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้เป็นโรคตับอักเสบ B หรือ C
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลเป็นประจำและมีภาวะตับเเข็ง
- ผู้ที่เป็นโรคตับเเข็งเนื่องจากภาวะการสะสมธาตุเหล็กเกินในร่างกาย รวมถึงความผิดปกติของการสะสมธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อมากเกินไป
โรคมะเร็งตับรักษาได้ยากถ้าหากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายเเล้ว
การตรวจหาเชื้อมะเร็งตั้งเเต่เริ่มมีอาการเป็นวิธีเดียวที่สามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งในตับได้เพราะมะเร็งตับในระยะแรกยังไม่รุนเเรงเเละยังไม่มีการเกิดเนื้องอกมะเร็งที่ไม่สามารถรักษาได้
อาการของโรคมะเร็งตับ
โดยปกติอาการของโรคตับอาการจะไม่มีการเเสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนจนกระทั่งผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
โดยอาการมะเร็งตับจะแสดงให้เห็นดังต่อไปนี้
- ภาวะตัวเหลืองหรือผิวเหลืองและตาเหลือง
- อาการปวดท้อง
- เกิดอาการปวดที่กระดูกหัวไหล่หรือการะดูกสะบัก
- น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- ตับหรือม้ามโตขึ้น
- เกิดอาการท้องบวมหรือมีของเหลวเกิดขึ้นภายในช่องท้อง
- เกิดอาการอ่อนล้าไม่มีแรง
- มีอาการอาเจียน
- มีอาการปวดหลัง
- เกิดผื่นคันขึ้น
- มีไข้ขึ้นสูง
- รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและทานอาหารได้น้อยลง
โรคมะเร็งตับยังสามารถทำให้หลอดเลือดดำบวมขึ้นซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่บริเวณผิวหนังหน้ารวมถึงรอยช้ำและมีเลือดออก
นอกจากนี้ยังทำให้มีระดับแคลเซียมและคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นและทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำลง
ระยะของโรคมะเร็งตับ
เพื่อเป็นเเนวทางในการรักษาและระบุภาพรวมของโรคมะเร็งตับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แบ่งระยะของโรคมะเร็งไว้ 4 ระยะดังต่อไปนี้
- ระยะที่ 1 : มีก้อนเนื้อมะเร็งหรือเชื้อเกิดขึ้นในตับและยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆของร่างกาย
- ระยะที่ 2 : มีก้อนเนื้อมะเร็งเกิดขึ้นหลายก้อนมีส่วนหนึ่งอยู่ภายในตับและอีกส่วนหนึ่งได้แพร่กระจายออกไปถึงหลอดเลือด
- ระยะที่ 3 : มีก้อนเนื้อมะเร็งขนาดใหญ่หลายก้อนและมีเชื้อมะเร็งที่ลุกลามไปยังเส้นเลือดใหญ่
- ระยะที่ 4 : โรคมะเร็งเกิดการแพร่กระจายหมายความว่ามะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายเเล้ว
เมื่อแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยและระบุระยะของโรคมะเร็งแล้วผู้ป่วยจะเริ่มเข้ารับการรักษา
การรักษามะเร็งตับ
การผ่านตัดเป็นเพียงวิธีการเดียวที่สามารถกำจัดก้อนเนื้อมะเร็งออกไปได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในระยะแรก
ทางเลือกในการรักษาด้วยการผ่าตัดได้แก่
การรักษามะเร็งท่อน้ำดีในเนื้อตับ (Partial hepatectomy)
เมื่อก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็กและเกิดการลุกลามขึ้นที่ตับยังไม่มาก ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อบางส่วนของตับออกไปเพื่อยั้บยับการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็ง
ผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายรายมักมีอาการตับเเข็งและแผลที่ตับเกิดขึ้นอย่างไรก็ตามในกรณีนี้การผ่าตัดจำเป็นต้องพยายามเหลือเนื้อตับที่สุขภาพดีไว้ให้เพียงพอมากที่สุดเพื่อให้ตับสามารถทำงานต่อไปได้หลังจากการผ่าตัด
ในระหว่างการผ่าตัดถ้าหากแพทย์พบว่าก้อนเนื้อมะเร็งไม่เป็นอันตรายเเละไม่มีความเสี่ยงมากนักแพทย์อาจจะยุติการผ่าตัด
ผู้ป่วยที่มีสุขภาพตับแข็งเเรงเท่านั้นที่สามารถรักษาโรคมะเร็งด้วยการผ่าตัดตับได้ ( hepatectomy) นอกจากนี้ยังไม่มีวิธีที่รักษาโรคมะเร็งที่ได้ผลดี ถ้าหากเชื้อมะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆหรืออวัยวะภายในร่างกายเรียบร้อยเเล้ว
การผ่าตัดตับทำให้มีโอกาสเกิดเลือดไหลออกมาจำนวนมากและมีปัญหาลิ่มเลือดรวมไปถึงการติดเชื้อและอาการปอดบวม
การปลูกถ่ายตับ
มีวิธีการผ่าตัดหลายแบบสำหรับการรักษาโรคมะเร็งตับ
ผู้ป่วยที่สามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับต้องเป็นผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้อมะเร็งขนาดน้อยกว่า 5 เซนติเมตรหรือถ้ามีก้อนเนื้อมะเร็งหลายก้อนแต่ละก้อนควรมีขนาดน้อยกว่า 3 เซนติเมตรไม่เช่นนั้นความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นโรคมะเร็งอีกมีโอกาสสูงมากซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุความเสี่ยงในการปลูกถ่ายตับได้
การผ่าตัดปลูกถ่ายตับที่ประสบความสำเร็จสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งอีกครั้งได้และช่วยฟื้นฟูตับให้สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจ ‘ต่อต้าน’ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่และโจมตีอวัยวะที่ปลูกถ่ายใหม่ได้ มีโอกาสน้อยมากที่ผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ
การใช้ยาสามารถยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายปรับตัวกับตับใหม่ได้และช่วยป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนแอได้ มีบางโอกาสที่การใช้ยาสามารถควบคุมการแพร่เชื้อของเซลล์มะเร็งที่ได้แพร่กระจายออกไปเเล้ว
การรักษาเนื้องอกมะเร็ง
เนื้องอกมะเร็งในตับที่ไม่สามารถรักษาเป็นเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นในตับเเละแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายแล้วผู้ป่วยในระยะนี้จึงมีโอกาสรอดน้อยมาก อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ที่ให้การรักษาสามารถรักษาอาการมะเร็งโดยการชะลอหรือยับยั้งการเจริญเติบโตเเละการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
ทางเลือกของการรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภทของโรคมะเร็งตับ
- การฆ่าเซลล์มะเร็ง : ศัลยแพทย์สามารถใช้คลื่นวิทยุ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและความร้อนหรือเเม้เเต่แอลกอฮอลทำลายก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรงเพื่อทำให้ก้อนเนื้อมีขนาดเล็กลงหรือยับยั้งการเติบโตของเชื้อมะเร็ง การทำลายด้วยการเเช่เย็นหรือการใช้ความเย็นจัด (cryoablation) สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน
- การฉายเเสง : ทีมแพทย์ผู้รักษาจะทำการฉายเเสงเพื่อทำลายก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรงซึ่งสามารถทำลายก้อนเนื้อมะเร็งได้จำนวนมาก การรักษานี้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้แก่การอาเจียน อ้วกและร่างกายอ่อนล้า
- การรักษาด้วยเคมีบำบัด : ทีมแพทย์จะทำการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าไปในกระเเสเลือดหรือเส้นเลือดใหญ่ที่เข้าไปล่อเลี้ยงตับเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
ในการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางสายยางแพทย์จะทำการผ่าตัดหรือใช้กลไกในการสกัดกั้นหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกันด้วยการใส่ยาต้านเชื้อมะเร็งลงไปที่ก้อนเนื้อมะเร็งโดยตรง
แพทย์อาจจะเเนะนำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมการทดสอบประสิทธิภาพของยาใหม่ที่ใช้รักษาทางคลีนิคเป็นยาที่ไม่เคยใช้มาก่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผู้ป่วยได้ดังนั้นผู้ป่วยจึงความสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลหรืองานวิจัยของยาก่อน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/liver-cancer/symptoms-causes/syc-20353659
- https://www.nhs.uk/conditions/liver-cancer/
- https://www.healthline.com/health/liver-cancer
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก