โรคปอดบวม (Pneumonia) คือ โรคติดเชื้อที่ปอด ที่สามารถสร้างให้เกิดปัญหาร้ายแรงกับสุขภาพ และอันตรายถึงกับชีวิตได้
ข้อมูลทั่วไปของโรคปอดบวม
นี่คือข้อมูลสำคัญของโรคปอดบวม :
- โรคปอดบวม คือ การติดเชื้อในปอดซึ่งสามารถทำให้เกิดความเจ็บป่วยเล็กน้อยถึงขั้นรุนแรง สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย
- เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก ของการติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
- โรคปอดบวมและไข้หวัดใหญ่ เมื่อเกิดร่วมกัน นับว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 8 ในสหรัฐอเมริกา
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคปอดบวม ได้แก่ ผู้สูงอายุเด็ก และผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ
องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ปอดบวม เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจในเด็กที่รุนแรงและมีปัญหามากที่สุด โดยในแต่ละปี มีเด็กทั่วโลก โดย เฉพาะเด็กเล็ก เสียชีวิตจากโรคปอดบวมปีละประมาณกว่า 2 ล้านคน โดยทุกๆนาทีจะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตจากโรคปอดบวมอย่างน้อย 1 คน
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เตือนให้ทุกประเทศเฝ้าระวังสถานการณ์โรคปอด บวมอย่างจริงจังเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย โรคปอดบวม เป็น 1 ใน 8 โรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้อทั้งหมด โดยในแต่ละปีจะมีเด็กเล็กป่วยด้วยโรคปอด บวมนับแสนราย
อาการของโรคปอดบวม
อาการโรคปอดบวม คล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ จากนั้นผู้ป่วยนั้นจะมีไข้สูง หนาวสั่น และไอมีเสมหะ
อาการปอดบวมโดยทั่วไปได้แก่:
- ไอ
- เสมหะเป็นสีเขียว หรือมีเสมหะจากปอด
- มีไข้
- หายใจเร็ว
- หนาวสั่น
- เจ็บหน้าอก และเจ็บมากๆ ตอนที่หายใจเข้าลึกๆ เนื่องจากมีอาการปวดเยื่อหุ้มปอด
- หัวใจเต้นเร็ว
- เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ท้องร่วง
- เหงื่อออก
- ปวดหัว
- เจ็บกล้ามเนื้ออก
- อาการเพ้อ พบมากในผู้สูงอายุ
- สีผิวคล้ำหรือเป็นสีม่วงหรือเขียวจากเลือดที่มีออกซิเจนน้อย
อาการเหล่านี้จะขึ้นกับความรุนแรงของการติดเชื้อ
สาเหตุของโรคปอดบวม
แบคทีเรียและไวรัสนั้นเป็นสาเหตุหลักของโรคปอดบวม โดยเชื้อเหล่านี้สามารถเกาะอยู่ในถุงลม และเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้
โรคปอดบวมสามารถติดต่อได้ ด้วยการหายใจนำแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคปอดบวมเข้าไป
ทั้งนี้ยังสามารถส่งต่อได้โดยการไอ และจาม หรือแพร่กระจายผ่านสิ่งของส่วนตัวที่ใช้ร่วมกัน
เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ ร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวไปกำจัดเชื้อ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ถุงลมโป่งพอง แบคทีเรียและไวรัสทำให้ถุงปอดเต็มไปด้วยของเหลวและหนอง เป็นที่มาของอาการปอดบวม
ประเภทของปอดบวม
ประเภทของปอดบวมนั้นมีหลากหลาย ขึ้นกับสาเหตุของการเกิดโรค
- โรคปอดบวมจากแบคทีเรีย: เชื้อที่ทำให้เกิดโรค คือ แบคทีเรีย Streptococcus pneumoniae (S. pneumoniae) แต่ก็ยังมีแบคทีเรียอีกหลายชนิด ที่สามารถทำให้เกิดโรคปอดบวมได้
- โรคปอดบวมจากไวรัส: เกิดจากไวรัสซิงโครนัลทางเดินหายใจ (RSV) และไข้หวัดใหญ่ประเภท A และ B
- โรคปอดบวมจากการสำลัก: สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคนเราหายใจ แล้วอาหารของเหลวจากทางเดินอาหารเข้าไปในปอด ปอดบวมประเภทนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ
- โรคปอดบวมจากเชื้อรา:เกิดจากเชื้อรา Coccidioides
- โรคปอดบวมที่ได้รับจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาล: เกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเครื่องช่วยหายใจ
หากไม่ได้คำนึงถึงสาเหตุการเกิดโรคปอดบวม อาการที่ปรากฏนั้นจะคล้ายคลึงกันมากในโรคปอดบวมแต่ละประเภท
วิธีการรักษาโรคปอดบวม
วิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ
- โรคปอดบวมจากแบคทีเรีย จะรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ
- โรคปอดบวมจากไวรัส บรรเทารักษาได้ด้วยการพักผ่อน และใช้ ยาต้านไวรัสที่ใช้ในไข้หวัดใหญ่ได้
- โรคปอดบวมจากเชื้อรา จะรักษาด้วยการใช้ยาต้านเชื้อรา
แพทย์มักจะจ่ายยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เพื่อรักษาอาการของโรคปอดบวม รวมไปถึงลดไข้ ลดอาการปวดเมื่อย และอาการไอ
นอกจากนี้การพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้เสมหะและน้ำมูกบางลง
หากอาการโรคปอดบวมนั้นรุนแรงหรือผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยบาล จะได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และของเหลวทางหลอดเลือดดำ อาจมีการใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย
การป้องกันโรคปอดบวม
มีวัคซีน 2 ชนิดที่แตกต่างกัน สำหรับใช้รักษาแบคทีเรีย pneumococcal เป็นสาเหตุของโรคปอดบวม
วัคซีนเหล่านี้ได้รับการแนะนำสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยขึ้นกับสภาวะสุขภาพของผู้ได้รับวัคซีนด้วย
- วัคซีนนิวโมคอคคัสคอนจูเกตหรือ Prevnar
- วัคซีนนิวโมคอคคัสโพลีแซคคาไรด์หรือ Pneumovax
Prevnar (PCV13) โดยปกติแล้วเป็นการฉีดวัคซีนตามปกติของทารกที่ควรได้รับ
เป็นวัคซีนที่แนะนำสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
Pneumovax (PPSV23) เป็นวัคซีนที่แนะนำสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อนิวโมคอคคัส
ประกอบไปด้วยผู้มีปัจจัยดังต่อไปนี้:
- ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ ปอดหรือไตเรื้อรัง
- คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่อย่างหนัก
- ผู้ป่วยที่ไม่มีม้าม
ผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่มีอายุระหว่าง 2 ถึง 64 ปี อาจจะได้รับการแนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้
วัคซีนนี้ไม่สามารถป้องกันผู้สูงอายุจากโรคปอดบวมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปอดบวม และการติดเชื้ออื่น ๆ ที่เกิดจาก S. pneumoniae รวมถึงการติดเชื้อในเลือดและสมอง
แพทย์ยังแนะนำวิธีการป้องกันอื่นๆ อีก นอกจากจากการฉีดวัคซีน
- ล้างมือเป็นประจำ
- ปิดปากและจมูก เมื่อไอหรือจาม
- งดสูบบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์
- อยู่ห่างจากคนที่ไอ หรือเสมหะของผู้อื่น
ผู้ป่วยโรคปอดบวมส่วนใหญ่มักจะหายภายใน 1 ถึง 3 สัปดาห์ ผู้ที่มีความเสี่ยงควรได้รับวัคซีน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pneumonia/symptoms-causes/syc-20354204
- https://medlineplus.gov/pneumonia.html
- https://www.lung.org/lung-health-diseases/lung-disease-lookup/pneumonia/symptoms-and-diagnosis
- https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/pneumonia
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก