โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) : อาการ สาเหตุ การรักษา

29.09
1059
0

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายโดยการกัดหรือข่วนของสัตว์  กว่าอาการจะปรากฏก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อที่รุนแรงแล้ว

โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร?

โรคพิษสุนัขบ้า คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัส RNA ของตระกูล Rhabdovirus หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มักจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต

ไวรัสสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายดังนี้:

  • เข้าสู่ระบบประสาทส่วนปลาย (PNS) โดยตรง และเคลื่อนย้ายไปยังสมอง
  • สร้างแบบจำลองภายในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อซึ่งปลอดภัยจากระบบภูมิคุ้มกันของโฮสต์ จากนั้นเข้าสู่ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

เมื่อไวรัสเข้าสู่ระบบประสาท จะก่อให้เกิดการอักเสบของสมองอย่างฉับพลัน และสามารถนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้ในเวลาไม่นาน

สำหรับอาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า  ส่วนใหญ่มีอาการของสมองอักเสบ  และไขสันหลังอักเสบ  โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย  ต่อมามีอาการคัน  มักเริ่มจากบริเวณแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ แล้วลามไปส่วนอื่น  บางคนคันมากเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบ  มีน้ำเหลือง  ต่อมาจะกระสับกระส่าย  กลัวแสงกลัวลม  ไม่ชอบเสียงดัง  เพ้อเจ้อ  หลุกหลิก  กระวนกระวาย  หนาวสั่น  ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ บางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต  มีอาการกลืนลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลว  จะเกิดอาการปวดเกร็งทำให้ไม่อยากดื่มน้ำมีอาการกลัวน้ำ  จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  โรคกลัวน้ำ  ไม่อยากกลืนแม้กระทั่งน้ำลาย จึงทำให้น้ำลายไหล  บางคนอาจปวดท้องน้อยและขา  คนไข้เพศชายบางรายมีน้ำอสุจิไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  กล้ามเนื้อกระตุก  แน่นหน้าอก  หายใจไม่ออกหรืออาจชักเกร็ง  อัมพาต  หมดสติและตายในที่สุด

การแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้าพบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีสุนัขจรจัดอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา

เชื้อโรคนี้ถูกส่งผ่านทางน้ำลาย โดยเกิดขึ้นเมื่อเราถูกกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือได้รับน้ำลายจากสัตว์ที่ติดเชื้อเข้าไปในแผลเปิด หรือผ่านเยื่อเมือก เช่น ตาหรือปาก เป็นต้น

พาหะนำโรคที่สำคัญที่สุดสู่มนุษย์ และสัตว์อื่นๆ คือ สุนัข รองลงมาคือแมว พาหะนำเชื้อที่สำคัญในบ้านเราคือ สุนัขและแมว ส่วนในต่างประเทศมักเกิดจากสัตว์ป่ากินเนื้อต่างๆ เช่น สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า Jaguar, Raccon, Skunk เป็นต้น และสำหรับในแถบประเทศละตินอเมริกานั้น ยังพบพาหะที่สำคัญคือ ค้างคาวดูดเลือด (Vampire bat)

อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในคน

อาการโรคพิษสุนัขบ้าประกอบไปด้วย 5 ระยะด้วยกัน:

  • ระยะฟักตัว
  • ระยะเริ่มปรากฏอาการ
  • ระยะทำลายระบบประสาท
  • ระยะโคม่า
  • เสียชีวิต

ระยะฟักตัว Incubation period

ระยะนี้ผู้ป่วยจะยังไม่ปรากฏอาการใดๆ โดยปกติจะใช้เวลา 3 ถึง 12 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลาเพียง 5 วันหรือมากกว่า 2 ปี

ยิ่งการบริเวณที่ถูกกัดหรือติดเชื้อ อยู่กับใกล้สมองมากเท่าไรผลกระทบก็จะปรากฏเร็วขึ้น

หากอาการโรคพิษสุนัขบ้าได้ปรากฏขึ้นแล้วมักเป็นอันตรายถึงชีวิต หากสงสัยว่าตัวเองได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าควรเข้ารับการรักษาเพื่อพบแพทย์โดยทันที

ระยะเริ่มปรากฏอาการ Prodrome

อาการจะเริ่มปรากฏดังต่อไปนี้:

  • มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • ปวดหัว
  • วิตกกังวล
  • รู้สึกไม่สบาย
  • เจ็บคอและไอ
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • รู้สึกไม่สบายบริเวณที่โดนกัด

อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ระยเวลา 2 -10 วัน และจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป

ระยะทำลายระบบประสาท Acute neurologic period

อาการเมื่อระบบประสาทถูกทำลายมีดังนี้:

  • หงุดหงิด ก้าวร้าว
  • อัมพาตบางส่วน และคอแข็ง
  • ชัก
  • หายใจลำบาก
  • มีน้ำลายจำนวนมาก และอาจเป็นฟองที่ปาก
  • กลัวน้ำ
  • ภาพหลอน ฝันร้าย และนอนหลับไม่สนิท
  • อวัยเพศแข็งตัวตลอดเวลาในเพศชาย
  • กลัวแสง

และสุดท้ายจะมีอาการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอตามมา

ระยะโคม่าและเสียชีวิตComa and death

หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลา และเข้าสู่ระยะโคม่านี้ มีโอกาสในการรอดชีวิตน้อยมาก เพราะเมื่อโคม่าแล้วสามารถเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ทำไมผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าถึงกลัวน้ำ?

โรคพิษสุนัขบ้า เรารู้จักกันดีในชื่อ โรคกลัวน้ำ เพราะทำให้ผู้ป่วยที่รับเชื้อนี้มีอาการกลัวน้ำ

เมื่อผู้ป่วยพยายามกลืน จะทำให้ลำคอเกิดอาการกระตุก แม้แต่การกลืนน้ำก็อาจทำให้เกิดอาการกระตุกได้ จนทำให้ผู้ป่วยกลัวที่จะกลืนน้ำ

น้ำลายจำนวนมากในปากนั้นมาจากผลกระทบของไวรัสต่อระบบประสาท หากผู้ป่วยยังสามารถกลืนน้ำลายได้ง่ายจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่น

การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า

หากเราถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด หรือข่วน หรือถูกสัตว์เลียแผลเปิดควรล้างแผล และรอยขีดข่วนทันทีเป็นเวลา 15 นาที ด้วยน้ำสบู่ ไอโอดีน หรือผงซักฟอก เพื่อเป็นการกำจัดไวรัสให้ได้มากที่สุด

หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์สถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วที่สุดทันที อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจสายเกินไป เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินและทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป เช่น การทำความสะอาดบาดแผล

และรักษาบาดแผล การให้ยาปฏิชีวนะหรือยาแก้ปวดตามอาการ การฉีดยาป้องกันบาดทะยัก รวมถึงการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและอิมมูนโกลบูลินเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย (แพทย์อาจพิจารณาไม่ฉีด

วัคซีนให้ในกรณีไม่มีแผลหรือรอยถลอก เป็นเพียงการถูกเลียหรือสัมผัสน้ำลายสัตว์บริเวณผิวหนังปกติ) หากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว หลังจากนั้นถ้ารู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ปวดแผลมาก

ขึ้น มีอาการบวมขึ้น หรือมีไข้ตัวร้อน ควรรีบกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อน

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า

  • โรคพิษสุนัขบ้า เป็นการติดเชื้อจากไวรัสที่ติดต่อได้จากสัตว์ที่มีเชื้อกัด
  • ผู้ที่ถูกสัตว์ที่มีความเสี่ยงจะเป็นพิษสุนัขบ้ากัดหรือขีดข่วน จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยทันที
  • การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะให้ผลการรักษาที่ดี
  • โรคนี้จะส่งผลต่อ ปัญหาทางระบบประสาท และความกลัวแสงและน้ำ
  • การฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงช่วยป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *