โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายโดยการกัดหรือข่วนของสัตว์ กว่าอาการจะปรากฏก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อที่รุนแรงแล้ว
โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร?
โรคพิษสุนัขบ้า คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัส RNA ของตระกูล Rhabdovirus หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มักจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต
ไวรัสสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายดังนี้:
- เข้าสู่ระบบประสาทส่วนปลาย (PNS) โดยตรง และเคลื่อนย้ายไปยังสมอง
- สร้างแบบจำลองภายในเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อซึ่งปลอดภัยจากระบบภูมิคุ้มกันของโฮสต์ จากนั้นเข้าสู่ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
เมื่อไวรัสเข้าสู่ระบบประสาท จะก่อให้เกิดการอักเสบของสมองอย่างฉับพลัน และสามารถนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้ในเวลาไม่นาน
สำหรับอาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่มีอาการของสมองอักเสบ และไขสันหลังอักเสบ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมามีอาการคัน มักเริ่มจากบริเวณแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ แล้วลามไปส่วนอื่น บางคนคันมากเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบ มีน้ำเหลือง ต่อมาจะกระสับกระส่าย กลัวแสงกลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ หลุกหลิก กระวนกระวาย หนาวสั่น ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ บางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต มีอาการกลืนลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลว จะเกิดอาการปวดเกร็งทำให้ไม่อยากดื่มน้ำมีอาการกลัวน้ำ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคกลัวน้ำ ไม่อยากกลืนแม้กระทั่งน้ำลาย จึงทำให้น้ำลายไหล บางคนอาจปวดท้องน้อยและขา คนไข้เพศชายบางรายมีน้ำอสุจิไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กล้ามเนื้อกระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหรืออาจชักเกร็ง อัมพาต หมดสติและตายในที่สุด
การแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าพบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีสุนัขจรจัดอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา
เชื้อโรคนี้ถูกส่งผ่านทางน้ำลาย โดยเกิดขึ้นเมื่อเราถูกกัดจากสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือได้รับน้ำลายจากสัตว์ที่ติดเชื้อเข้าไปในแผลเปิด หรือผ่านเยื่อเมือก เช่น ตาหรือปาก เป็นต้น
พาหะนำโรคที่สำคัญที่สุดสู่มนุษย์ และสัตว์อื่นๆ คือ สุนัข รองลงมาคือแมว พาหะนำเชื้อที่สำคัญในบ้านเราคือ สุนัขและแมว ส่วนในต่างประเทศมักเกิดจากสัตว์ป่ากินเนื้อต่างๆ เช่น สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า Jaguar, Raccon, Skunk เป็นต้น และสำหรับในแถบประเทศละตินอเมริกานั้น ยังพบพาหะที่สำคัญคือ ค้างคาวดูดเลือด (Vampire bat)
อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในคน
อาการโรคพิษสุนัขบ้าประกอบไปด้วย 5 ระยะด้วยกัน:
- ระยะฟักตัว
- ระยะเริ่มปรากฏอาการ
- ระยะทำลายระบบประสาท
- ระยะโคม่า
- เสียชีวิต
ระยะฟักตัว Incubation period
ระยะนี้ผู้ป่วยจะยังไม่ปรากฏอาการใดๆ โดยปกติจะใช้เวลา 3 ถึง 12 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลาเพียง 5 วันหรือมากกว่า 2 ปี
ยิ่งการบริเวณที่ถูกกัดหรือติดเชื้อ อยู่กับใกล้สมองมากเท่าไรผลกระทบก็จะปรากฏเร็วขึ้น
หากอาการโรคพิษสุนัขบ้าได้ปรากฏขึ้นแล้วมักเป็นอันตรายถึงชีวิต หากสงสัยว่าตัวเองได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าควรเข้ารับการรักษาเพื่อพบแพทย์โดยทันที
ระยะเริ่มปรากฏอาการ Prodrome
อาการจะเริ่มปรากฏดังต่อไปนี้:
- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- ปวดหัว
- วิตกกังวล
- รู้สึกไม่สบาย
- เจ็บคอและไอ
- คลื่นไส้และอาเจียน
- รู้สึกไม่สบายบริเวณที่โดนกัด
อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ระยเวลา 2 -10 วัน และจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
ระยะทำลายระบบประสาท Acute neurologic period
อาการเมื่อระบบประสาทถูกทำลายมีดังนี้:
- หงุดหงิด ก้าวร้าว
- อัมพาตบางส่วน และคอแข็ง
- ชัก
- หายใจลำบาก
- มีน้ำลายจำนวนมาก และอาจเป็นฟองที่ปาก
- กลัวน้ำ
- ภาพหลอน ฝันร้าย และนอนหลับไม่สนิท
- อวัยเพศแข็งตัวตลอดเวลาในเพศชาย
- กลัวแสง
และสุดท้ายจะมีอาการหายใจเร็ว และไม่สม่ำเสมอตามมา
ระยะโคม่าและเสียชีวิตComa and death
หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลา และเข้าสู่ระยะโคม่านี้ มีโอกาสในการรอดชีวิตน้อยมาก เพราะเมื่อโคม่าแล้วสามารถเสียชีวิตได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ทำไมผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าถึงกลัวน้ำ?
โรคพิษสุนัขบ้า เรารู้จักกันดีในชื่อ โรคกลัวน้ำ เพราะทำให้ผู้ป่วยที่รับเชื้อนี้มีอาการกลัวน้ำ
เมื่อผู้ป่วยพยายามกลืน จะทำให้ลำคอเกิดอาการกระตุก แม้แต่การกลืนน้ำก็อาจทำให้เกิดอาการกระตุกได้ จนทำให้ผู้ป่วยกลัวที่จะกลืนน้ำ
น้ำลายจำนวนมากในปากนั้นมาจากผลกระทบของไวรัสต่อระบบประสาท หากผู้ป่วยยังสามารถกลืนน้ำลายได้ง่ายจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายไวรัสไปยังผู้อื่น
การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า
หากเราถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด หรือข่วน หรือถูกสัตว์เลียแผลเปิดควรล้างแผล และรอยขีดข่วนทันทีเป็นเวลา 15 นาที ด้วยน้ำสบู่ ไอโอดีน หรือผงซักฟอก เพื่อเป็นการกำจัดไวรัสให้ได้มากที่สุด
หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์สถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วที่สุดทันที อย่านิ่งนอนใจ เพราะอาจสายเกินไป เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินและทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป เช่น การทำความสะอาดบาดแผล
และรักษาบาดแผล การให้ยาปฏิชีวนะหรือยาแก้ปวดตามอาการ การฉีดยาป้องกันบาดทะยัก รวมถึงการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและอิมมูนโกลบูลินเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย (แพทย์อาจพิจารณาไม่ฉีด
วัคซีนให้ในกรณีไม่มีแผลหรือรอยถลอก เป็นเพียงการถูกเลียหรือสัมผัสน้ำลายสัตว์บริเวณผิวหนังปกติ) หากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว หลังจากนั้นถ้ารู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ปวดแผลมาก
ขึ้น มีอาการบวมขึ้น หรือมีไข้ตัวร้อน ควรรีบกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อน
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
- โรคพิษสุนัขบ้า เป็นการติดเชื้อจากไวรัสที่ติดต่อได้จากสัตว์ที่มีเชื้อกัด
- ผู้ที่ถูกสัตว์ที่มีความเสี่ยงจะเป็นพิษสุนัขบ้ากัดหรือขีดข่วน จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยทันที
- การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะให้ผลการรักษาที่ดี
- โรคนี้จะส่งผลต่อ ปัญหาทางระบบประสาท และความกลัวแสงและน้ำ
- การฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงช่วยป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/rabies/symptoms-causes/syc-20351821
- https://www.cdc.gov/rabies/index.html
- https://kidshealth.org/en/parents/rabies.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก