โรคหัดกุหลาบ (Roseola) คือ การติดเชื้อไวรัสที่เกิดในเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี ส่วนใหญ่เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับเด็กแรกเกิดและไม่ค่อยพบในวัยผู้ใหญ่
อาการของโรคหัดกุหลาบ ได้แก่ มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ และเจ็บคอรวมถึงมีเริ่มมีผื่นเกิดขึ้นหลังจากเป็นไข้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นอันตรายร้ายแรง โดยทั่วไปอาการของหัดกุหลาบจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์หรือใช้เวลามากกว่านั้นหลังจากเริ่มมีอาการ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับหัดกุหลาบ
- โรคหัดกุหลาบเป็นโรคติดต่อที่มีการแพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งที่มีเชื้อและทางเดินหายใจ
- หลังจากไข้ลดลงแล้ว พวกเขาจะมีผื่นขึ้นเป็นสีชมพู
- การติดเชื้อของหัดกุหลาบมีอาการเหมือนกับการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ
อาการของโรคหัดกุหลาบ
อาการของ“หัดกุหลาบ” มักปรากฏภายใน 5 – 15 วันหลังจากติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามหากไม่รุนแรงอาจไม่สามารถสังเกตเห็นอาการได้
อาการของ“หัดกุหลาบ” ที่พบบ่อยๆ ได้แก่ :
ผื่น
ผื่นจาก “หัดกุหลาบ” เริ่มขึ้นที่ลำตัว ก่อนที่จะลามไปที่แขน ขา คอและใบหน้า ปรากฏเป็นจุดสีชมพูเล็ก ๆ ที่อาจเรียบหรือนูนขึ้น
บางจุดอาจมีลักษณะเป็นวงแหวนรอบๆ ผื่น “หัดกุหลาบ” เมื่อกดผื่นสีชมพูจะหายไป ผื่นนี้ไม่ทำให้เกิดอาการคันหรือรู้สึกไม่สบายและจางหายไปภายใน 2-3 วัน
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ เด็กทุกคนควรไม่เป็นผื่น
ติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนต้น
เด็กบางคนจะมีอาการติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจตอนต้น หรือมีไข้ อาการเหล่านี้ได้แก่
ไข้
ไข้สูงอย่างกะทันหันเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกของหัดกุหลาบ และคนที่เป็นโรคติดต่อ บางครั้งไข้อาจสูงถึง 40.5 ° C และเป็นได้นาน 3 – 5 วัน
สาเหตุของหัดกุหลาบเกิดจากอะไร?
หัดกุหลาบสามารถแพร่กระจายระหว่างเด็กได้ แม้ว่าจะไม่มีผื่นก็ตาม และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาของปี
ภาวะนี้เกิดจากเชื้อไวรัส human herpesvirus 6 (HHV-6) และ human herpesvirus 7 (HHV-7)
การรักษา
ไม่มีการรักษาสำหรับหัดกุหลาบโดยเฉพาะ แต่สามารถใช้ยาในการเยียวยาตัวเองที่บ้าน เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายและจัดการกับอาการได้
ครวดื่มน้ำมากๆ
สิ่งสำคัญคือ ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเมื่อป่วย เด็ก ๆ ควรดื่มของดื่มน้ำมากๆ เช่น
- น้ำสะอาด
- น้ำซุป
- น้ำมะนาวโซดา
- สารละลายอิเล็กโทรไลต์
- เครื่องดื่มเกลือแร่
น้ำอัดลมควรมีการลดคาร์บอนไดออกไซด์ก่อนบริโภค เพื่อลดก๊าซในลำไส้ในเด็ก
ซึ่งสามารถทำได้โดยเปิดเครื่องดื่มทิ้งไว้เป็นเวลา 1 – 2 ชั่วโมง หรือเขย่าให้เกิดความร้อนก่อนดื่ม
หาซื้อยาทั่วไปตามร้านขายยา
แพทย์อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดบางชนิดแก่เด็ก รวมไปถึงยาลดไข้ ได้แก่ อะเซตามีโนเฟน และไอบูโพรเฟน บุคคลทั่วไปควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับปริมาณและวิธีการใช้อย่างเคร่งครัด
เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่ควรได้รับยาแอสไพริน เว้นแต่แพทย์จะแนะนำ การใช้แอสไพรินในเด็กมีความเสี่ยงต่อโรคเรย์ซินโดรม ซึ่งเป็นภาวะที่หายากและเป็นอันตรายถึงชีวิต
ยาต้านไวรัส
แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านไวรัสแกนซิโคลเวียร์ (Cytovene) สำหรับบางคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของดีเอ็นเอ
เราไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาหัดกุหลาบ หรือการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เนื่องจากจะไม่สามารถต่อต้านไวรัสได้
การพักผ่อน
เด็กที่ติดเชื้อหักุหลาบสามารถนอนพักผ่อนจนกว่าไข้จะบรรเทาลง อย่างไรก็ตามหากพวกเขาอาการดีขึ้นพอจะมีแรงทำกิจกรรม ไม่ควรปล่อยให้เขานอนเฉยๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญสำหรับเด็กคือ ไม่ควรอยู่คนเดียวมากเกินไป หรืออยู่ใกล้คนอื่นในขณะที่เขามีเชื้อหัดกุหลาบ
ลดอุณหภูมิร่างกาย
เราสามารถลดความไม่สบายจากไข้ได้โดย
- เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น
- ประคบเย็นที่หน้าผาก
- ใช้ผ้าห่มบางๆ แทนผ้านวมหนาๆ
ไม่ควรกินน้ำแข็ง หรือน้ำเย็นเพราะอาจทำให้หนาวสั่นได้
เด็กสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ เมื่อไม่มีไข้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และไม่มีอาการที่น่าเป็นห่วง
ภาพรวม
หัดกุหลาบไม่ใช่โรคร้ายแรง โดยปกติจะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ด้วยการรักษาที่บ้าน สามารถรักษาอาการและความรู้สึกไม่สบายได้
นอกจากนี้เด็กส่วนใหญ่มักจะเป็นไข้หัดกุหลาบ ก่อนเข้าอนุบาลเพื่อป้องกันพวกเขาจากการติดเชื้อซ้ำในภายหลัง
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
https://www.nhs.uk/conditions/rosacea/
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/skin-conditions-rosacea
https://www.medicinenet.com/rosacea/article.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก