เชื้อราบนหนังศรีษะคือการติดเชื้อของเกลื้อนที่ผิวหนังและหนังศรีษะ
โรคเกลื้อน (Tinea Capitis) คือเชื้อราที่ทำให้เกิดผื่นเป็นรูปวงแหวนสีแดงสดเมื่อปรากฏบนลำตัว แขนขา หรือใบหน้า
บริเวณที่มักเป็นเกลื้อนได้แก่ :
- มือ
- ขาหนีบ
- เท้า
- หัวแม่เท้า
- ลำตัว
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสาเหตุของการเกิดโรค อาการ การรักษาและความแตกต่างของเกลื้อนแต่ละชนิด
สาเหตุของการเป็นเกลื้อน
จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบว่ามีเชื้อราถึง 40 ชนิด ที่ทำให้สามารถเกิดเกลื้อนได้
เราสามารถติดเชื้อได้ด้วยการสัมผัสกับคนหรือสัตว์ที่มีการติดเชื้อ หรือสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่มีเชื้อรา
เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่อุ่นและชื้น เราจึงสามารถพบกลากได้บ่อยในบริเวณง่ามนิ้วเท้า ขาหนีบ และข้อพับ
การอาศัยอยู่ในอาการอุ่นและชื้น อาจเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับเชื้อราผิวหนังได้
อาการของโรคเกลื้อน
เชื้อราบนหนังศรีษะ เริ่มต้นจะเป็นตุ่มสีแดงเล็กๆและมีตุ่มหนองบนหนังศรีษะ รวมไปถึงรังแคด้วย ตุ่มเหล่านี้จะมีจำนวนมากขึ้น และแพร่กระจายไปยังพื้นที่ที่กว้างขึ้น
ผู้ที่เป็นเชื้อราบนหนังศรีษะ อาจะพบอาการมีรังแค คัน เป็นหนอง และอาจมีอาการผมร่วงร่วมด้วย
การรักษาเกลื้อน
โดยส่วนมาก แพทย์จะรักษาด้วยการจ่ายยาฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นเชื้อราบนหนังศรีษะจะต้องทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งเป็นระยะเวลา 1-3 เดือน
ถ้าเป็นเกลื้อนบริเวณที่ไม่ได้สัมผัลกับผิวหนัง เช่น ใต้เล็บหรือเล็บเท้า อาจจะต้องใช้ยาต้านเชื้อราแบบรับประทานในการรักษา
วิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดโรคขึ้นซ้ำ สามารถทำได้โดย :
- ทำให้ผิวแห้งอยู่เสมอ เพราะว่าเกลื้อนสามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ผิวหนังแห้งอยู่เสมอในระหว่างที่ทำการรักษา เช็ดตัวให้แห้งทันทีหลังจากอาบน้ำและสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป
- ซักเครื่องนอนอยู่เป็นประจำ เพราะเกลื้อนสามารถติดไปกับบริเวณที่ผ้าได้ หากสัมผัสโดนบริเวณที่ติดเชื้อ การซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนบ่อยๆ สามารถช่วยลดระยะเวลาในการรักษาได้
- เปลี่ยนหรือฆ่าเชื้อเครื่องมือการทำผม เชื้อราสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลานาน หมายความว่า เราควรฆ่าเชื้อและเปลี่ยนหวีหรือเครื่องมือการทำงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำ
เชื้อราบนหนังศรีษะในผู้ใหญ่และเด็ก
ทุกๆคนสามารถมีอาการนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่ที่มีภาวะระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ
เชื้อราบนหนังศรีษะและอาการอื่นที่คล้ายๆกัน
อาการอื่นๆที่อาจคล้ายกับอาการกลากเกลื้อนมีดังนี้ :
โรคเซ็บเดิร์ม
ในโรคเซ็บเดิร์มนี้ ผิวจะเป็นผื่นแดงและเป็นขุยในบริเวณที่เป็นต่อมไขมัน เช่น หนังศรีษะ ใบหน้า และแผ่นหลังส่วนบน คนส่วนมากมักจะเรียกว่า รังแค
ต่อมไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง จะหลังสารที่เรียกว่า ซีบัม ขึ้นมา เพื่อช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวหนังและเส้นผม
โรคเซ็บเดิร์มมักทำให้ผิวหนังมีคราบสีขาวหรือสีเหลือง ในบางครั้งอาจจะมีอาการอักเสบจึงเป็นสีแดงและสีชมพู
โรคเซ็บเดิร์มสามารถส่งผลกระทบต่คนทุกวัย แม้แต่ทารกสามารถเกิดโรคผิวหนังอักเสบบนหนังศรีษะได้ เรียกว่า ภาวะต่อไขมันอักเสบ (cradle cap)
จากข้อมูลของ National Eczema Association โรคผิวหนังเซ็บเดิร์มนั้นวามารถพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
โรคสะเก็ดเงิน
แตกต่างจากเชื้อราบนหนังศรีษะ โรคสะเก็ดเงิน เป็นภาวะเรื้อรังที่ทำให้เซลล์ผิวหนังเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน เซลล์ผิวหนังจะเติบโตเร็วกว่าการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้นผิวหนังส่วนเกินจึงสะสมอยู่บนผิวหนังจนเกิดเป็นผื่นและเป็นขุย
โรคสะเก็ดเงินอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณอื่นๆของผิวหนัง โดยส่วนมากมักเกิดขึ้นที่ :
- หนังศรีษะ
- ข้อศอก
- หัวเข่า
- หลังส่วนล่าง
โรคสะเก็ดเงินบนหนังศรีษะ จะมีความคล้ายคลึงกันกับโรคเชื้อราบนหนังศรีษะ โรคอาจทำให้เกิดรอยแดงและเป็นขุยบนหนังศรีษะ และอาจะทำให้มีอาการผมร่วงได้ด้วย
ผื่นสะเก็ดเงินบนหนังศรีษะจะมีอาการคัน ดังนั้น ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการเก่าในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK536909/
- https://www.msdmanuals.com/professional/dermatologic-disorders/fungal-skin-infections/tinea-capitis-scalp-ringworm
- https://www.medicinenet.com/image-collection/tinea_capitis_picture/picture.htm
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก