

สำหรับพวกเราทุกคน การเลือกซื้อแปรงสีฟันเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างอะไรกับการหายใจ แปรงสีฟันเหมือนกันทุกอันหรือไม่ ไม่ใช่แน่นอน
การเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ดีที่สุด คุณควรมองหาปัจจัยเช่นขนาดของหัวแปรงสีฟัน รูปทรงและชนิดของขนแปรงสีฟัน และการได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์ เราได้ค้นพบ 5 สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาเมื่อเลือกแปรงสีฟันที่ดีที่สุด
สิ่งที่ควรนำมาพิจารณา:
- ขนาดของหัวแปรงสีฟัน
- ชนิดของขนแปรงสีฟัน
- ขนแปรงโค้งมนกับขนแปรงตรง
- ได้รับการรับรองจาก ADA
- แปรงสีฟันธรรมดากับแปรงสีฟันไฟฟ้า
การเลือกแปรงสีฟันที่ถูกต้องคือสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสุขภาพช่องปากมากกว่าที่คุณคิด หากปฏิบัติตาม 5 เคล็ดลับนี้ต่อไปคุณจะไม่เคยต้องสงสัยกับการเลือกแปรงสีฟันอีกต่อไป
เคล็ดลับในการเลือกแปรงสีฟันที่ดีที่สุด
1. ขนาดของหัวแปรง
ขนาดของหัวแปรงสีฟันคือสิ่งสำคัญเพราะส่งผลที่ยิ่งใหญ่ต่อคุณภาพการแปรงฟันด้วย หัวแปรงมีมากมายหลายขนาด แต่ขนาดที่ดีที่สุดคือหัวที่มีความยาว 1 นิ้วและกว้างครึ่งนิ้ว ด้วยขนาดดังกล่าวนี้จะทำใหเคุณสามารถทำความสะอาดด้านบน ด้านหน้าและด้านหลังของฟันได้ด้วยการเข้าถึงในการทำความสะอาดได้มากที่สุด
แปรงสีฟันที่มีหัวแปรงขนาดใหญ่กว่านี้อาจเหมาะสมแต้ไม่ใช่กับคนส่วนใหญ่ ขนาดที่ใหญ่ทำให้ยากต่อการเข้าไปทำความสะอาดเช่น บริเวณฟันกรามที่อยู่ด้านหลังของปาก
คุณควรเลือกซื้อแปรงสีฟันที่หยิบจับง่าย ลองมองหาอันที่มีด้ามจับที่ยาวพอจะถือไว้ในมือแล้วสบายมือ เพราะคำแนะนำให้แปรงฟันให้ได้สองนาที จะทำให้คุณถือแปรงไว้ได้ไม่นานหากมือคุณไม่รู้สึกสบายเมื่อต้องแปรงวันละสองครั้ง
2. ชนิดของขนแปรงสีฟัน
ขนแปรงสีฟันมักมีความแตกต่างแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
- ขนนุ่ม
- ขนแข็งปานกลาง
- ขนแข็ง
เมื่อเรานึกถึงขนแปรงเรามักจะเลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มเสมอเพราะทุกคนคงไม่ต้องการให้แปรงสีฟันไปสร้างความเสียหายให้กับฟันและเหงือกเมื่อเราเกิดแปรงฟันรุนแรงเกินไป
ฟันที่อาจดูเหมือนจะแข็งสำหรับคุณ แต่ฟันกลับมีความอ่อนแอต่ออาหารที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มที่มีกรดหรือการขาดการดูแลสุขอนามัยช่องปากที่ดี การใช้แปรงสีฟันที่มีขนปานกลางหรือแข็งอาจสร้างความเสียหายให้แก่เหงือก ผิวรากฟันและเคลือบฟันที่คอยปกป้องฟันของคุณ อย่างหัวแปรงขนาดใหญ่จะใช้ก็เฉพาะที่ทันตแพทย์สั่งเท่านั้น
3. ขนแปรงสีฟันแบบโค้งมนกับแบบตรง
คุณอาจไม่เคยรู้ว่าตรงปลายของขนแปรงสีฟันนั้นมีสองรูปทรง – แบบตรงกับโค้งมน ในขณะที่เรื่องนี้อาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ จริงๆแล้วรูปทรงของขนแปรงนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพของช่องปาก
ขนแปรงชนิดตรงอาจทำให้คุณรู้สึกว่าปากสะอาดกว่าแปรงชนิดโค้งมน แต่ขนแปรงชนิดตรงอาจทำอันตรายมากกว่าดี เพราะมีขนที่แหลมตรงปลายซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับเหงือกของคุณ ซึ่งอาจไปเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อและการอักเสบได้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเราควรเลือกซื้อแปรงสีฟันชนิดมีขยโค้งมน เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องเหงือกของคุณจากการติดเชื้อและการอักเสบเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหากคุณมีเหงือกที่ไวต่อการสัมผัส
4. ได้รับการรับรองจาก ADA
การเลือกซื้อแปรงสีฟันที่ดีที่สุดคือได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์เสมอ เป็นการรับรองว่าแปรงสีฟันของคุณได้ผ่านการทดสอบเพื่อความแน่ใจว่าสามารถทำความสะอาดได้ดีที่สุดและมีความปลอดภัยต่อช่องปาก ปรึกษาทันตแพทย์หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกแปรงชนิดไหนดี คุณสามารถมองหาตราสัญลักษณ์ ADA ในคราวหน้าที่ไปเลือกซื้อแปรงสีฟันอันใหม่
ต่อไปนี้คือความจริงในการเลือกซื้อแปรงสีฟันทั้งแบบธรรมดาและแบบไฟฟ้า สำหรับแบบธรรมดา ตามมาตรฐานการรับรองจากADA หมายความถึงว่า:
- ขนแปรงจะต้องมีปลายที่มีความปลอดภัย
- ด้ามจับต้องมีความแข็งแรงมากพอสำหรับการใช้ประจำทุกวัน
- ขนแปรงจะต้องไม่หลุดร่วงในขณะแปรงฟัน
- แปรงจะต้องช่วยลดคราบสะสมของหินปูนและลดโรคเหงือกในระยะต้น
ทาง ADA ได้รับรองการันตีสิ่งเดียวกันนี้กับแปรงสีฟันชนิดไฟฟ้า อีกทั้งยังรับประกันว่าหัวแปรงจะต้องสามารถใช้แล้วทิ้งได้เมื่อเมื่อหมดอายุ เพื่อแสดงว่าแปรงจะต้องมีความปลอดภัยมากพอต่อฟัน เนื้อเยื่อในช่องปากและอุปกรณ์ที่ใช่ในช่องปากเช่นลวดดัดฟัน
5. แปรงสีฟันแบบธรรมดาหรือไฟฟ้าดีกว่ากัน?
การเลือกแบบธรรมดาหรือแบบไฟฟ้าขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล ทั้งสองแบบสามารทำความสะอาดฟันได้ดีทั้งสองแบบ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือแปรงสีฟันที่คุณเลือกจะช่วยคุณในการแปรงได้ 2 นาทีวันละสองครั้งพร้อมกับเทคนิคที่เหมาะสม
ปัจจัยใหญ่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่คือเรื่องของราคา แปรงสีฟันไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรรี่และใช้ไฟฟ้าจะมีราคาแพงกว่า ซึ่งยังไม่รวมหัวแปรงที่ต้องซื้อมาเปลี่ยน แต่กระนั้นก็อาจพบว่าแปรงไฟฟ้าอาจคุ้มกว่าในการซื้อมาใช้หากสามารถช่วยคุณทำความสะอาดฟันได้มากกว่าที่คุณคิด
คำแนะนำจากเรา
การรักษาสุขอนามัยในช่องปากเป็นประจำด้วยแปรงสีฟันที่มีความเหมาะสมคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าสุขภาพช่องปากโดยรวมของเราดีตลอดทั้งปี
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก