เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) :อาการ สาเหตุ การรักษา

เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) :อาการ สาเหตุ การรักษา

15.11
1767
0

ภาวะช่องคลอดติดเชื้อรา (Vaginal Candidiasis) คืออาการติดเชื้อราปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศ โดยภาวะนี้ทำให้เกิดอาการระคายเคือง อาการคันและเชื้อราตกขาวในช่องคลอด โดยส่วนใหญ่เเล้วภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงแต่ก็สามารถเกิดขึ้นกับผู้ชายได้เช่นกัน 

การติดเชื้อราในช่องคลอดหรือชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า vaginal Candidiasis หรือ vulvovaginal Candidiasis (VVC) ภาวะนี้เกิดขึ้นคิดเป็น 3 ใน 4 ในช่วงชีวิตของผู้หญิง โดยผู้หญิงส่วนใหญ่จะเกิดการติดเชื้อขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง

ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดมีสาเหตุเกิดจากอะไร มีอาการแบบไหนและสามารถวินิฉัยโรคได้อย่างไรบ้าง รวมไปถึงวิธีการรักษาควรยาอะไรหรือควรรักษาตัวเองที่บ้านอย่างไร

อาการเชื้อราในช่องคลอด

อาการทั่วไปของการติดเชื้อราในช่องคลอดได้แก่

  • มีอาการคัน รู้สึกแสบร้อนหรือระคายเคืองที่ช่องคลอดหรือปากช่องคลอดและเนื้อเยื่อรอบๆช่องคลอด
  • รู้สึกเจ็บปวดภายในช่องคลอดหรือช่องคลอดเปิดออก 
  • รู้สึกปวดเเสบปวดร้อนในช่องคลอดขณะที่มีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ
  • มีฝ้าสีขาวที่หนาขึ้น ไม่มีกลิ่น ซึ่งรวมตัวกันเป็นเมือกอยู่ในช่องคลอด
  • มีผื่นขึ้น

บางครั้งการติดเชื้อราในช่องคลอดทำให้มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหลายอาการ โดยอาจมีการติดเชื้อ 4 อย่างหรือมากกว่านั้นเกิดขึ้นภายในหนึ่งปี

โดยทำให้มีอาการหลายเกิดขึ้นเช่นผื่นแดง อาการบวมและอาการคันและทำให้ผิวแตกหรือเจ็บปวดได้

อาการบางอย่างสามารถทำให้เกิดภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดได้อย่างเช่น การตั้งครรภ์ โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอและการมีอยู่ของเชื้อรากลุ่ม Candida ที่ชื่อว่า Candida albicans

สำหรับผู้ชายสามารถติดเชื้อราชนิดนี้ได้ที่บริเวณส่วนหัวของอวัยวะเพศ โดยอาการที่เกิดขึ้นได้แก่อวัยวะเพศเป็นสีเเดง เกิดอาการระคายเคืองและมีเมือกออกมาซึ่งเชื้อรานี้สามารถติดเชื้อที่ผิวหนังและปากได้

การรักษาเชื้อราในช่องคลอด

การรักษาภาวะติดเชื้อขึ้นอยู่กับว่ามีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ 

อาการติดเชื้อราในช่องคลอดชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน

การรักษาอาการติดเชื้อราในช่องคลอดแบบไม่มีภาวะเเทรกซ้อนมี 2 ประเภทได้แก่การใช้ยารักษาเชื้อราในช่องคลอดโดยตรงหรือการทานยา

โดยการใช้ยารักษาเชื้อราในช่องคลอดนี้สามารถใช้ในระยะสั้นก็เพียงพอเเล้ว

ทางเลือกในการรักษาได้แก่การรักษาด้วยการใช้ยาเพียงครั้งเดียวหรือการซื้อยาจากร้านขายยาใช้เองได้แก่ ยา butoconazole (Gynazole-1) ยา clotrimazole (Gyne-Lotrimin) ยา miconazole (Monistat 3) และยา terconazole (Terazol 3) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมียาที่สามารถหาซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้แก่ ยา clotrimazole ยา Monistat 3 และ ยา terconazole

เนื่องยาที่ใช้รักษาเหล่านี้มีส่วนประกอบของน้ำมันเป็นหลัก จึงทำให้ประสิทธิภาพของการใช้ถุงยางอนามัยที่ทำมาจากยางพาราลดลง ดังนั้นจึงควรใช้ถุงยางที่ผลิตจากวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ยางพารา ซึ่งหาซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์

นอกจากนี้ยังมียาต้านเชื้อราที่สามารถรับประทานได้เช่นยา fluconazole (Diflucan) ที่สามารถทานได้ครั้งละ 1 เม็ด

อาการติดเชื้อราในช่องคลอดชนิดที่มีภาวะเเทรกซ้อน

ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอดที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจำเป็นต้องรักษาช่องคลอดในระยะยาวหรือทานยาหลายชนิด

แพทย์สามารถช่วยเเนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยได้

แพทย์อาจจะเเนะนำการรักษาเพื่อคงสภาพ โดยยาที่ใช้รักษาเหล่านี้เป็นยาที่ต้องทานเป็นประจำเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ

การรักษาภาวะช่องคลอดติดเชื้อในระยะยาวได้แก่การรักษาช่องคลอดด้วยยาทาชนิดครีมหรือยาชนิดทานเป็นเวลาประมาณ 7 ถึง 14 วัน  

บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ทานยา fluconazole เเทนการทาครีมที่ช่องคลอดโดยตรง

ถ้าหากอาการของการติดเชื้อเกิดขึ้นอย่างรุนเเรง แพทย์จะสั่งให้ใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอกเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น ในขณะที่ยาต้านเชื้อรากำลังออกฤทธิ์ 

ก่อนใช้ยาต้านเชื้อราเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมั่นใจว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อรา เพราะถ้าหากใช้ยาต้านเชื้อรามากเกินไปทำให้เชื้อราดื้อยาได้ ดังนั้นเมื่อจำเป็นต้องใช้ยาต้านเชื้อราเมื่อจำเป็น ยาชนิดอาจใช้ไม่ได้ผล

ถ้าหากจำเป็นต้องใช้การรักษาเพื่อคงสภาพ การรักษาด้วยวิธีนี้จะเริ่มต้นเมื่อการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราเสร็จสิ้น โดยจะเป็นการรักษาด้วยการทานยา fluconazole เป็นเวลา 6 เดือนหรือทานยาเเบบรายสัปดาห์ร่วมกับการใช้ยาสอดช่องคลอดเพื่อลดการอักเสบ

ถ้าหากผู้ป่วยมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีเชื้อราในช่องคลอด ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยกันจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

สาเหตุเชื้อราในช่องคลอด

เเพทย์สามารถทำการรักษาการติดเชื้อราภายในช่องคลอดตามความรุนเเรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น

โดยการติดเชื้อราในช่องคลอดทั่วไปเกิดจากเชื้อราสายพันธุ์ Candida albicans แต่เชื้อราในกลุ่ม Candida สายพันธุ์อื่นๆก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้และจำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน

การรักษาสมดุลของระดับเชื้อราเเละแบคทีเรียในช่องคลอดของผู้หญิงให้เป็นปกติสามารช่วยได้ แต่ถ้าหากเกิดภาวะเสียสมดุลอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ 

โดยปกติเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Lactobacillus จะสร้างสภาวะเเวดล้อมที่ป้องกันการเติบของเชื้อราแต่ถ้าหากมีเชื้อรามากกว่าสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อเกิดขึ้นได้ 

อย่างไรก็ตามการติดเชื้อราภายในช่องคลอดไม่ใช้โรคที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ (STIs) แต่การติดเชื้อนี้สามารถแพร่กระจายได้ด้วยการใช้ปากสัมผัสกับอวัยวะเพศหรือระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งภาวะเชื้อราในช่องคลอดนี้มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อราในช่องคลอดได้แก่ 

  • การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาคอร์ติสเตียรอยด์หรือยาทั้งสองชนิด
  • การตั้งครรภ์
  • การใช้ยาคุมกำเนิดหรืออุปกรณ์ป้องกันการกำเนิด
  • โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
  • มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออ่อนเเอ

การกระทำที่ทำให้เกิดอาการช่องคลอดเปลี่ยนแปลงเช่นการชำระล้างภายในช่องคลอดสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ นอกจากนี้การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์และการนอนหลับไม่เพียงพอ ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อราในช่องคลอดได้เช่นกัน  

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา 

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *