- องค์ประกอบทางโภชนาการ
- ประโยชน์1: ดีสำหรับการลดน้ำหนัก
- ประโยชน์ 2: ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
- ประโยชน์ 3: ดีต่อผิวพรรณและเส้นผม
- ประโยชน์ 4: ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
- ประโยชน์ 5: ช่วยต่อสู้โรคมะเร็ง
- ประโยชน์ 6: ดีต่อสุขภาพหัวใจ
- ประโยชน์ 7: อาจช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
- ประโยชน์ 8: ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
- ประโยชน์ 9: ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอ
- ประโยชน์ 10: อาจช่วยเร่งให้บาดแผลหายเร็วขึ้น
- นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
เกรปฟรุต grapefruit คือผลไม้ตระกูลส้มที่ปลูกในเขตร้อน มีทั้งชนิดผลไม้สีขาว เหลืองหรือชมพู
เกรปฟรุตคือผลไม้พื้นเมืองจากอเมริกาใต้และมีการข้ามสายพันธุ์ระหว่างส้มและส้มโอ
ชื่อของเกรปฟรุตได้มาเพราะเป็นพืชที่ให้ผลเป็นช่อคล้ายองุ่น เป็นผลไม้รสหวานแต่ก็อมเปรี้ยว
หลายคนชอบรสหวานของเกรปฟรุต ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบรสเปรี้ยวของมัน
รสเปรี้ยวของเกรปฟรุตเป็นคุณลักษณะของส้มโอ
ถึงแม้จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติขัดแย้งกัน เกรปฟรุตยังเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารมากมาย
องค์ประกอบทางโภชนาการ
เกรปฟรุตเต็มไปด้วยสารอาหารมากมาย รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหาร และเป็นผลไม้ที่รู้กันดีว่ามีวิตามินซีสูงมาก
เกรปฟรุตคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเป็นอันดับสามรองจากส้มและมะนาว
เป็นสารอาหารที่ละลายได้ในน้ำที่มีความสำคัญต่อระบบภูมิต้านทาน ช่วยเยียวยาบาดแผลและระบบการเผาผลาญ
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการสื่อสารระหว่างเส้นประสาทต่างๆในร่างกายที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยรักษาคอลลาเจน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผิวและกระดูก
เกรปฟรุตจัดเป็นอาหารว่างที่ดีเยี่ยมเพราะมีแคลลอรี่ต่ำ (บางทีอาจต่ำที่สุดท่ามกลางผลไม้ทั้งหมด) ซึ่งนั้นหมายความว่าคุณจะสามารถบริโภคได้โดยไม่ต้องรู้สึกเป็นกังวลว่าจะทานมากเกินไป
เกรปฟรุตสีชมพูและเหลืองยังมีไลโคพีนหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระสูง ถึงแม้จะไม่พบสารต้านอนุมูลอิสระนี้ในชนิดสีขาวก็ตาม
ไลโคพีนสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระภายในร่างกายและมีคุณสมบัติต้านเนื้องอก
เกรปฟรุตยังมีสารอาหารอื่นๆอีกมากมายซึ่งรวมไปถึง วิตามินเอ วิตามินบี1 (ไทแอมีน) วิตามินบี2 (ไรโบเฟลวิน) วิตามินบี3 (ไนอาซิน) วิตามินบี5 (กรดแพนโทเทนิก) วิตามินบี6 วิตามินบี9(โฟเลต)และวิตามินอี อีกทั้งยังมีโคลีน สังกะสี เหล็ก แคลเซียม โปแตสเซียม ฟอสโฟรัส แมงกานีสและแมกนีเซียม
คุณสามารถทานเป็นผลไม้ หรือสามารถนำมาคั้นและดื่มเป็นน้ำผลไม้ และยังได้ประโยชน์จากเกรปฟรุตในรูปแบบเมล็ดเกรปฟรุตสกัดอีกด้วย
ต่อไปนี้คือประโยชน์ต่อสุขภาพที่ได้จากเกรปฟรุต
ประโยชน์1: ดีสำหรับการลดน้ำหนัก
จากการศึกษาพบว่าเกรปฟรุตมีประโยชน์มากมายสำหรับคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก
เกรปฟรุตมีสารประกอบออร์แกนนิคที่เรียกว่า นูโทรกะโทน
นูโทรกะโทนมีเอนไซม์ที่เรียกว่า AMP-activated protein kinase (AMPK)
การทำงานของ AMPK จะช่วยทำให้ร่างกายเพิ่มการสร้างพลังงานเช่นการดึงกลูโคส
เกรปฟรุตเป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและช่วยให้น้ำหนักลดลงได้
จากการศึกษาพบว่าการบริโภคนูโทรกะโทนสามารถลดการเกิดภาวะฮอร์โมนแลปตินสูง ภาวะอินซูลินในเลือดสูงและภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าน้ำเกรปฟรุตมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ยาลดน้ำหนัก ที่บางชนิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่นการเพิ่มความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย
ประโยชน์ 2: ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
การบริโภคเกรปฟรุตเป็นประจำสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ผลที่ได้เรื่องระบบภูมิต้านทานเป็นผลมาจากวิตามินซีที่มีอยู่สูงในเกรปฟรุต
การทำงานของวิตามินซีก็คือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิตามินซีสามารถช่วยในเรื่องการฟื้นฟูจากโรคไข้หวัดได้เร็วขึ้น และยังข่วยป้องกันการเกิดมะเร็งช่องปากและกระเพาะอาหาร
เกรปฟรุตมีวิตามินเอเป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยต่อสู้การอักเสบและช่วยปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ
ผลไม้ชนิดนี้ยังมีวิตามินบี แร่ธาตุเช่นทองแดง เหล็กและสังกะสีเป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ยังดีต่อผิวพรรณ ซึ่งเป็นป้อมปราการด่านแรกในการต่อสู้กับการติดเชื้อ
นอกจากแร่ธาตุดังที่กล่าวไว้ เกรปฟรุตยังอุดมไปด้วยสารไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบทางเคมีที่มีบทบาทเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ส่งผลให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้การทำงานของวิตามินซีทำงานดีขึ้น และช่วยป้องกันร่างกายในการต่อสู้เชื้อไวรัส ภูมิแพ้และโรคเกี่ยวกับการอักเสบอื่นๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของคุณ
ประโยชน์ 3: ดีต่อผิวพรรณและเส้นผม
เกรปฟรุตดีสำหรับผิวพรรณและเส้นผม ซึ่งอาจสังเกตุเห็นได้ว่ามีเครื่องสำอางค์หลายชนิดและผลิตภัณฑืทำความสะอาดผิวตามท้องตลาดทุกวันนี้มีเกรปฟรุตเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลัก
ปัจจัยแรกที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าเกรปฟรุตมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโปรตีนโครงสร้างตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นหน่วยโครงสร้างหลักของผิว
คอลลาเจนจะช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและคงความยืดหยุ่นไว้ ส่งผลให้ผิวอ่อนกว่าวัยและไร้ริ้วรอย คอลลาเจนยังช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี
เกรปฟรุตสีชมพูมีเบต้าแคโรทีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอเซลล์ผิวไม่ให้แก่ไว
เกรปฟรุตช่วยทำให้ภาวะที่ผิวมีเม็ดสีเข้มกว่าปกติดีขึ้นได้ ไลโคพีนคือสารประกอบอีกชนิดหนึ่งของเกรปฟรุตมีความสำคัญในการปกป้องผิวจากการอักเสบและการเสียหายจากแสงแดด
เกรปฟรุตมีซาลิไซลิก แอซิด เป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยทำให้รูขุมขนของผิวสะอาดและป้องกันการเกิดสิว
เกรปฟรุตยังช่วยกำจัดเซลล์ลูไลต์ เพราะเกรปฟรุตมีเอนไซม์โบรมีเลนและสารทำความสะอาดผิวอื่นๆ ซึ่งพบว่าช่วยสลายเซลล์ลูไลต์ได้
ประโยชน์ 4: ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
การบริโภคเกรปฟรุตเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันคุณจากความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไตได้
กระบวนการเผาผลาญจะสร้างของเสียบางอย่างไว้ ซึ่งตามปกติแล้วจะถูกกรองผ่านไตและจากนั้นก็จะขับออกจากร่างกายพร้อมกับปัสสาวะ
ในบางครั้งของเสีย้หล่านี้จะมีการสะสมอยู่ภายในไตและตกผลึกเป็นก้อนนิ่วในไต
เมื่อก้อนนิ่วเริ่มใหญ่เกินไปพวกมันอาจไปอุดตันท่อปัสสาวะได้ ส่งผลให่เกิดอาการปวดอย่างมาก ในรายที่เป็นรุนแรงอาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์เพื่อสลายก้อนนิ่วเหล่านี้
นิ่วในไตเป็นผลมาจากการสะสมและตกผลึกของแคลเซียมออกซาเลตที่อยู่ภายในไต
เกรปฟรุตยังมีกรดซิตริก เป็นกรดออร์แกนิคที่ช่วยป้องกันการเกิดก้อนนิ่วเหล่านี้
กรดซิตริกจะผูกกับแคลเซียมและช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการตกผลึกของแคลเซียมออกเลต ซึ่งจะทำให้ง่ายในการขจัดแคลเซียมออกจากร่างกาย
หากคุณต้องการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนิ่วในไต คุณควรดื่มน้ำเกรปฟรุตวันละลิตรเป็นประจำทุกวัน
ประโยชน์ 5: ช่วยต่อสู้โรคมะเร็ง
เราสามารถลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งได้ด้วยการรับประทานเกรปฟรุตเป็นประจำ
สารพฤกษเคมีลิโมนีนและนาริรจีนิน ที่พบในเกรปฟรุตมีความสามารถในการลดการเจริญเติบโตมะเร็งได้หลายชนิด ซึ่งรวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร ช่องปาก ลำไส้ใหญ่ หน้าอก ปอดและมะเร็งผิวหนัง
ด้วยการทำให้การเจริญเติบโตช้าลง นักวิจัยสังเกตุเห็นว่าสารประกอบสองตัวดังกล่าวในเกรปฟรุตนี้ช่วยเพิ่มอัตราการทำลายตนเองของเซลล์มะเร็ง
สารประกอบทั้งสองตัวยังช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการสร้างเอนไซม์ทำลายพิษเช่น กลูตาไธโอน เอสทรานเฟอเรส ซึ่งช่วยยับยั้งการก่อมะเร็ง
วิตามินซีที่พบมากมายในเกรปฟรุตจะช่วยต่อสู้กับมะเร็งด้วยคุฯสมบัติสารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีสารอาหารที่พบในเกรปฟรุตอีกหลายชนิดที่ช่วยต่อสู้กับมะเร็ง
สารประกอบไลโคปีน ที่พบในเกรปฟรุตยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีสารประกอบคริปโทแซนทินที่ช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระเป็นการป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
ประโยชน์ 6: ดีต่อสุขภาพหัวใจ
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการบริโภคเกรปฟรุตเป็นประจำนั้นดีต่อหัวใจ เพราะเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคหัวใจ
ในเกรปฟรุตมีโปแตสเซียมสูง ซึ่งสามารถช่วยทำให้ความดันเลือดลดลงได้และยังลดความเจ็บปวดจากโรคหัวใจและหลอดเลือด
เกรปฟรุตยังมีใยอาหารสูงที่ดีต่อหัวใจ การบริโภคใยอาหารมีส่วนในการช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลและลดความดันโลหิต
ใยอาหารที่มียังช่วยลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์และคอเรสเตอรอลตัวไม่ดีได้ด้วย
ประโยชน์ 7: อาจช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดจากการดื้อต่ออินซูลิน เป็นโรคที่เซลล์ภายในร่างกายหยุดการตอบสนองต่ออินซูลิน
ในขณะที่อินซูลินมีบทบาทหลายอย่างภายในร่างกาย บทบาทหลักคือการควบคุมระดับของกลูโคสในกระแสเลือด
หลังจากการรับประทานอาหาร อาหารจะถูกย่อยและน้ำตาลในอาหารจะเปลี่ยนเป็นกลูโคสและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ระดับของกลูโคสพุ่งสูง
เมื่อเป็นการตอบสนอง ตับอ่อนจะปล่อยอินซูลินเข้าสู่กระแสเลือด อินซูลินจะกระตุ้นการดูดซึมกลูโคสโดยกล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการช่วยลดกลูโคสในกระแสเลือดให้มีระดับที่ปกติได้
บางครั้งร่างกายอาจเริ่มดื้อต่ออินซูลิน ดังนั้นจึงต้องการอินซูลินที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อไปกระตุ้นการดูดซึมของกลูโคสโดยกล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน
เซลล์ของตับอ่อนจะทำงานมากเกินไปและเป็นสาเหตุทำให้ตับอ่อนเสื่อมสภาพ การเพิ่มระดับอินซูลินและกลูโคสในเเลือดอาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
จากการศึกษาพบว่าคนที่รับประทานเกรปฟรุตก่อนมื้ออาหารทุกมื้อมีระดับอินซูลินในเลือดลดลงได้อย่างเห็นได้ชัด และทำให้ดื้ออินซูลินน้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ไม่ได้ทานเกรปฟรุต
เกรปฟรุตยังดีต่อโรคเบาหวานเพราะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
ประโยชน์ 8: ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
จากการศึกษาพบว่าการบริโภคเกรปฟรุตเป็นประจำทำให้ลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในผู้หญิง
สิ่งนี้เกิดเพราะสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่สูงในเกรปฟรุต สารฟลาโวนอยด์จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน
ประโยชน์ 9: ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอ
ในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่พบในผู้ชายได้บ่อยมาก
ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น นี่เป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น เซลล์จะมีการแบ่งตัว ซึ่งก็จะเพิ่มโอกาสให้ดีเอ็นเอมีการกลายพันธุ์
การกลายพันธุ์นี้คือมีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด ซึ่งรวมไปถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก
วิธีที่ดีที่สุดในการลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งก็คือการซ่อมแซมดีเอ็นเอและกำจัดเซลล์มะเร็งกลายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้น
จากการศึกษษแสดงให้เห็นว่าเกรปฟรุตสามารถช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอและช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของมะเร็งได้ โดยเฉพาะในต่อมลูกหมาก
เกรปฟรุตมีสารฟลาโวนอยด์เข้มข้นสูงเป็นส่วนประกอบที่เรียกว่า นารินจีนิน ซึ่งช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสียหายในเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้
นารินจีนิน จะไปช่วยลดการทำสร้างเอนไซม์สองชนิดคือดีเอ็นเอพอลิเมอเรสเบต้า และ 8ออกโซกวานีน-ดีเอ็นเอไกลโคไซเลส
ซึ่งเอนไซม์ทั้งสองนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการว่อมแซมดีเอ็นเอในระหว่างระยะจำลองดีเอ็นเอ
ปัญหาหลักของมะเร็งต่อมลูกหมากคือมีการเจริญเติบโตช้าในช่วงแรกและยังคงไม่สามารถตรวจพบเป็นระยะเวลานาน
ประโยชน์ 10: อาจช่วยเร่งให้บาดแผลหายเร็วขึ้น
หากคุณได้รับบาดแผลจากการบาดเจ็บ การบริโภคเกรปฟรุตจะสามารถช่วยเร่งกระบวนการหายได้เร็วขึ้น คุณสามารถใช้เกรปฟรุตเพื่อช่วยในกระบวนการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด
ด้ววยคุณสมบัติของการรักษาบาดแผลของเกรปฟรุตเกิดมาจากเพราะมีวิตามินซีสูงมาก วิตามินซีจะช่วยสร้างคอลลาเจน เป็นโปรตีนโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อผูกพัน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.health.com/food/grapefruit-facts
- https://www.webmd.com/food-recipes/health-benefits-grapefruit
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/280882
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก