เคยได้ยินสำนวน “คุณเกือบทำให้ฉันหัวใจวาย” “ฉันกังวลแทบตาย” หรือ “หัวใจสลาย” หรือไม่
หัวใจและความคิดสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น สภาวะที่ไม่ดีของความคิด อย่างภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความเหงา โมโห และความเครียดสะสมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ ยิ่งเกิดขึ้นนานเท่าใดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
อารมณ์โกรธส่งผลต่อสุขภาพหัวใจอย่างไร
ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดภาวะหัวใจสลาย หรือที่เรียกว่า stress cardiomyopathy จากการศึกษาพบว่าความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวายจะเพิ่มขึ้น 21 เท่าภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากสูญเสียคนที่รัก
หัวใจยังมีโอกาสได้รับผลกระทบจากสิ่งที่สะเทือนจิตใจอื่น ๆ นอกเหนือจากการสูญเสียคนที่รัก Stress cardiomyopathy เกิดขึ้นเมื่อได้รับข่าวสารที่ก่อให้เกิดความเครียด เช่น ผลการวินิจฉัยว่าคนที่รักเป็นโรคมะเร็ง และอารมณ์รุนแรงอื่น ๆ เช่น อารมณ์โกรธก็สามารถส่งผลให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติได้
ความเครียดอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจได้เช่นกัน หากตกอยู่ในภาวะเครียด ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจจะสูงขึ้น ความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกายสูงขึ้นได้ เช่นฮอร์โมนคอร์ติซอล และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเส้นเลือดอุดตันได้ ปัจจัยนี้สามารถทำให้เกิดอาการหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองได้
โทษของความโกรธอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ กรณีเช่นผู้ที่เครียดเป็นเวลานาน มีความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือโกรธ โมโหมักมีแนวโน้มจะดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่มากขึ้น กินมากเกินไป และมักออกกำลังกายน้อยลง ซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งหมดที่ไม่ดีต่อหัวใจได้
หัวใจอ่อนแออยู่แล้วจะเป็นอย่างไร
หากเป็นโรคหัวใจ อาการของโรคอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดความเครียดทางอารมณ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีความวิตกกังวล โกรธง่าย มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปี จากปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคหัวใจมักมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า สำหรับผู้ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจ ภาวะซึมเศร้าจะเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจภายในปีนั้นได้ แม้จะเป็นผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน เมื่อเกิดภาวะซึมเศร้าร่วม ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจเป็น 2 เท่า
มีข้อแนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจทุกคนควรเข้ารับการตรวจคัดกรองภาวะซึมเศร้าเป็นประจำ และมีวิธีการบำบัดทางอารมณ์แนวใหม่ เพื่อสุขภาพหัวใจที่เรียกว่า cardiac psychology เพื่อดูแลด้านสุขภาพจิตของผู้ป่วยโรคหัวใจ มีการใช้วิธีการเพื่อจัดการกับความเครียด และจิตบำบัด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับโรคได้ดีขึ้น
หัวใจและความคิดนั้นอยู่ร่วมกัน ควรให้ความสำคัญกับอารมณ์ที่อาจส่งผลต่อชีวิต เช่นความเครียดเรื้อรัง ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าและโมโหง่าย หาวิธีรับมือกับอารมณ์และหัวใจเพื่อสุขภาพที่ดี
เคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ ได้แก่
- ทำความเข้าใจกับความรู้สึก และแสดงออกอย่างเปิดเผย พูดคุยกับคนที่รัก เขียนบันทึก หรือเข้าร่วมกลุ่มที่ช่วยสนับสนุนความคิด ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญได้เมื่อต้องการ
- จัดการความเครียดด้วยการฝึกสมาธิ โยคะ หรือการหายใจเข้าลึก ๆ ทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ และไม่สูบบุหรี่
- ออกกำลังกาย ลองเดินเร็ว ๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ทำสวนหรือเต้นรำวันละ 15 นาที
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ให้เพียงพอที่จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6173342/
- https://www.webmd.com/heart-disease/features/rein-in-rage-anger-heart-disease
- https://www.health.harvard.edu/heart-health/from-irritated-to-enraged-angers-toxic-effect-on-the-heart
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก