เชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 คืออะไร
โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอเกิดจากไวรัสได้แก่ เชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งทำให้เกิดไข้หวัดในสัตว์ปีกหรือเชื้อไข้หวัดนก (Bird Flu)
เชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในนกหลายสายพันธุ์โดยรัฐบาลได้รายงานว่าส่วนใหญ่โรคนี้เกิดขึ้นกับฟาร์มสัตว์ปีกเช่นฟาร์มไก่ ห่าน ไก่งวงและเป็ด
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนมกราคมปี 2015 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพบว่าเป็ดป่าในสหรัฐอเมริกาติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 นอกจากนี้นักไวรัสวิทยาผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับไวรัสยังพบไวรัสในสัตว์ประเภทอื่นเช่น แมว สุนัขและตัวบีชมาร์เทินรวมถึงเสือดาวเเละเสือที่ถูกเลี้ยงดูแบบกักขังในกรง
เชื้อไวรัสสามารถเเพร่กระจายในนกได้ง่ายมากผ่านทางน้ำลาย สารคัดหลั่งในจมูก มูลสัตว์และการให้อาหาร ซึ่งสัตว์ปีกสามารถรับเชื้อไวรัสจากพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสเช่น ที่กรงและอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ในฟาร์ม
ผู้คนส่วนใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัสได้จากการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อหรืออุปกรณ์ที่เปื้อนมูลสัตว์รวมไปถึงสารคัดหลั่งต่างๆ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคระบาด
ปัจจุบันมีกรณีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นน้อยมาก
จากการรายงานล่าสุดพบหลักฐานว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียเมื่อเดือนมีนาคมปี 2017 เป็นการติดเชื้ออย่างรุนเเรงที่ทำให้ไก่หลายตัวเสียชีวิตแต่รัฐบาลได้รายงานว่าไม่พบการติดเชื้อในมนุษย์
อาการของโรคไข้หวัดนก
“ระยะฟักตัว”ของเชื้อไวรัสใช้เวลาในระหว่างที่เกิดการติดเชื้อและตอนที่อยู่ในร่างกายของโฮสต์ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวนี้
รายงานจากปี 2019 มีการคาดการณ์ว่าในช่วงระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ในร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่ใช้เวลาสูงสุด 7 วันแต่โดยปกติมักใช้เวลา 2-5 วัน
โรคไข้หวัดนกที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการต่างๆในร่างกายมนุษย์ โดยผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อจากโรคไข้หวัดนกรุนเเรงมีอาการดังต่อไปนี้
- มีไข้สูงกว่า 100.4 ºF หรือ 38ºC
- มีอาการไอ
- เกิดอาการเจ็บปวดในกล้ามเนื้อ
สัญญาณเตือนเเละอาการของโรคดังต่อไปนี้มีความร้ายเเรงตั้งเเต่ระดับปานกลางได้จนถึงระดับรุนเเรง
- อาการเสียงแหบ
- อาการเจ็บคอ
- เป็นไข้
- อาการอ่อนล้าหมดเเรง
- กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติบางครั้งทำให้เกิดอาการท้องเสีย
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- มีอาการเจ็บปวดในช่องท้อง
- มีอาการเจ็บปวดที่หน้าอก
- มีสภาวะจิตใจที่เปลี่ยนเเปลงไป
- โรคลมชัก
ผู้ป่วยที่ด้วยโรคไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 สามารถทำให้เกิดปัญหาที่ระบบหายใจได้เช่นโรคปอดบวมและอาการหายใจลำบาก
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี 2005 มีรายว่าอาการหายใจสั้นๆจะเกิดขึ้นภายใน 5 วันซึ่งเป็นอาการเเรกที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อไวรัส
อาการของผู้ที่ป่วยที่ติดเชื้อจากโรคไข้หวัดนกที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 เชื้อไวรัสชนิดนี้ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทรุดโทรมลงได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื้อไวรัสนี้ทำให้ระบบหายใจของผู้ป่วยล้มเหลวและอวัยวะต่างๆภายในร่างกายเกิดการทำงานผิดปกติซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
สาเหตุโรคไข้หวัดนก
มนุษย์สามารถได้รับการติดเชื้อและเกิดอาการเจ็บป่วยเป็นโรคได้หลังจากได้รับเชื้อไวรัสจากสัตว์ปีกที่มีเชื้อได้โดยที่ไม่ป้องกันตัว ในขณะที่การติดเชื้อจากคนสู่คนพบได้น้อยมาก
- การสัมผัสกับนกที่ติดเชื้อไวรัส
- การสัมผัสหรือหายใจที่นำมูลสัตว์หรือสารคัดหลั่งอื่นๆของนกที่ติดเชื้อเข้าไปในร่างกาย
- การทำอาหารจากสัตว์ที่ติดเชื้อ
- การฆ่าสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ
- การดำเนินการเกี่ยวกับสัตว์เพื่อนำไปจำหน่าย
- การไปจ่ายตลาดที่ขายสัตว์ที่มีชีวิต
การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้ที่ตา จมูกหรือปาก อย่างไรก็ตามบางคนสามารถติดเชื้อได้โดยที่ไม่เคยสัมผัสกับสัตว์ปีกที่มีเชื้อไวรัสมาก่อน
การปรุงอาหารด้วยสัตว์ปีกหรือการทำอาหารด้วยไข่ไม่สามารถทำให้ติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือควรปรุงอาหารโดยใช้อุณหภูมิอย่างน้อย หรือ 74º C และการทำอาหารด้วยไข่ควรทำให้ทั้งไข่แดงเเละไข่ขาวสุก
มูลของนกที่มีเชื้อไวรัสสามารถปนเปื้อนอยู่ที่ใส่อาหารสัตว์ อุปกรณ์ต่างๆ ยานพาหนะ รองเท้า เสื้อผ้า ดิน ฝุ่นและน้ำได้ซึ่งอวัยวะของร่างกายโดยเฉพาะเท้าของคนหรือสัตว์สามารถสัมผัสกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H5N1 ได้
การรักษาไข้หวัดนก
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) พบว่ายาต้านไวรัสสามารถยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสและทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้น โดยยาต้านไวรัสสามารถป้องกันกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการทรุดโทรมจนที่ขั้นที่ทำให้เสียชีวิตได้
แพทย์ควรให้ยาต้านเชื้อไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Tamiflu) ภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อมีอาการติดเชื้อไวรัสเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมีอัตราเกิดขึ้นได้สูง ทั้งนี้เเพทย์สามารถให้ยาชนิดนี้กับผู้ป่วยได้หลัง 48 ชั่วโมงเพื่อรักษาผู้ป่วยให้มีอาการดีขึ้น
มาตฐานของปริมาณการใช้ยา Tamiflu ต่อหนึ่งครั้งคือ 75 มิลลิกรัมโดยใช้ในผู้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีอายุน้อยกว่านี้ควรได้รับยาในปริมาณที่ลดน้อยลงเพราะยาชนิดนี้สามารถทำให้ไตมีปัญหาหรือทำให้เกิดภาวะไตล้มเหลวได้
ระยะเวลามาตรฐานของการใช้ยา Tamiful คือ 5 วัน ทั้งนี้แพทย์อาจจะใช้ยาชนิดนี้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยรุนเเรงและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนเเอ
ผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารได้ โดยทำให้ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการปวดท้อง ท้องเสียหรืออาเจียนมาก่อน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 มีการต่อต้านกับการรักษาวิธีนี้อีกด้วย
ผู้ใดก็ตามที่เคยได้รับการวินิจฉัยหรือเป็นผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดนกควรกักตัวเองอยู่คนเดียวที่บ้านหรือโรงพยาบาล
แล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังเเนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้เยอะๆ
- ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ทานยาประเภทอื่นที่ช่วยรักษาอาการเจ็บปวดและลดไข้
โรคแทรกซ้อนเช่นโรคปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรียเป็นโรคที่พบได้ตามปกติในผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 สำหรับผู้ที่ป่วยที่เป็นโรคปอดบวมนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อเพิ่มออกซิเจนในปอดร่วมด้วย
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://medlineplus.gov/birdflu.html
- https://www.cdc.gov/flu/avianflu/index.htm
- https://www.nhs.uk/conditions/bird-flu/
- https://www.researchgate.net/publication/233231064_Avian_Influenza_Virus_H5N1_Inactivation_by_Binary_Ethylenimine
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก