การฉีดโบท็อก (Botox) : สิ่งควรรู้ และข้อควรระวัง

การฉีดโบท็อก (Botox) : สิ่งควรรู้ และข้อควรระวัง

21.06
1287
0

โบท็อก (Botox) คืออะไร 

โบท็อกซ์ เป็นยาที่ทำขึ้นจากสารพิษที่เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า Botulinum toxin ความสำเร็จของการรักษานั้นขึ้นอยู่กับความถี่บ่อย และวิธีการที่ใช้รักษา หากได้รับการรักษาอย่างผิดวิธี อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจ พูด หรือกลืนลำบาก มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ และมีปัญหาในการมองเห็น 

ในการใช้โบท็อกรูปแบบผง แพทย์จะเจือจางด้วยน้ำเกลือแล้วทำให้กลายเป็นของเหลวที่ฉีดได้ โบท็อกจะทำให้เกิดปฏิกริยาเคมีที่ไปขัดขวางการส่งสัญญาณประสาทในบริเวณกล้ามเนื้อใกล้เคียง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นถูกฟรีซเอาไว้ 

หลังจากฉีดแล้ว โบท็อกจะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่ต้องการ เส้นประสาทจะถูกขัดขวางโดยโบท็อก เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าสมองจะส่งสัญญาณให้กล้ามเนื้อนั้น ๆ ขยับ แต่โบท็อกก็จะไปขัดขวางการขยับของกล้ามเนื้อนั้น ๆ กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดจะหดตัวไม่ได้ วึ่งทำให้ริ้วรอยคลายตัว และนุ่มขึ้น ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ได้อีกด้วย 

ผลที่ได้อยู่ที่บริเวณเดียว 

โบท็อกจะอยู่แค่บริเวณที่ถูกฉีดเท่านั้น ไม่เคลื่อนที่ไปที่ส่วนอื่นของร่างกาย อย่างไรก็ตาม มันอาจขยายขนาดได้ประมาณ 3 เซนติเมตรจากบริเวณที่ฉีด ถึงแม้ว่าโบท็อกจะเข้าไปในกระแสเลือด และไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ปริมาณโบท็อกที่ใช้เพื่อความงามก็มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะเป็นอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ 

บริเวณที่ฉีดจะไม่ชา 

โบท็อกจะไปขัดขวางเพียงแค่ประสาทส่วนที่ทำให้เคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้ไปขัดขวางประสาทส่วนที่ทำให้รู้สึก เพราะฉะนั้น เมื่อเราสัมผัสบริเวณที่ฉีด ก็ยังจะรู้สึกอยู่  

อาการบวมสามารถเกิดจากการที่โบท็อกละลายกับน้ำเกลือ แต่อาการบวมนั้นควรที่จะหายไปภายใน 1 ชั่วโมง หรือไม่กี่ชั่วโมง การช้ำก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โอกาสเกิดก็น้อยลง หากมีการฉีดลงไปลึกเกินไป อาจไปโดนเส้นเลือด และอาจทำให้ช้ำได้ อย่าถู หรือนวดบริเวณที่ฉีดหลังการฉีด เพราะจะทำให้โบท็อกย้ายตำแหน่งได้ 

Botox

ผลลัพธ์เห็นได้ตอนไหน

เพียงไม่กี่วันหลังการฉีด ( 3-7 วัน) คุณจะรู้สึกได้ว่าผิวเรียบเนียนขึ้น โบท็อกไปทำให้กล้ามเนื้อหยุดเคลื่อนไหว จึงทำให้กล้ามเนื้อไม่ดึงอยู่กับผิวหนัง ทำให้การเคลื่อนไหวลดลง 

โบท็อกช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของริ้วรอยในอนาคต 

หากคุณสามารถที่จะทำให้กล้ามเนื้อไม่เคลื่อนไหวได้ก่อนที่มันจะดึงผิวหนัง จะสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอย หรือป้องกันไม่ให้ริ้วรอยดูแย่ลงได้ 

เมื่อฉีดแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน และต้องฉีดอีกครั้ง 

เมื่อโปรตีนหยุดทำงานแล้ว พกวมันก็จะแตกตัวเป็นสารประกอบที่ไม่เป็นอันตราย และถูกนำไปใช้โดยโปรตีนอื่น หรือขับออกจากร่างกายโดยไต เราจะสามารถเห็นได้ว่า โบท็อกอยุ่กับกล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ ได้นานกว่ามัดใหญ่ ๆ 

โบท็อกสามารถรักษาโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน 

นอกจากการรักษาริ้วรอยแล้ว โบท็อกสามารถรักษาไมเกรน ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ความผิดปกติของลำไส้ กล้ามเนื้อติดขัด ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป หรือไม่สามารถควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะได้ ทั้งยังสามารถใช้รักษาอาการเหงื่อออกมากเกินไปได้ด้วย  

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *