แผลไฟไหม้ ผิวไหม้ (Burn) คือความเสียหายของผิวหนังซึ่งมักเกิดจากการสัมผัสกับความร้อน ความรุนแรงของอาการไหม้จะขึ้นอยู่กับชนิดและขนาด ผิวไหม้มีหลายประเภท และมีทางเลือกในการรักษาได้อย่างหลากหลาย
บทความนี้จะกล่าวถึงผิวไหม้ประเภทต่างๆ อาการ วิธีการรักษา และเวลาที่ควรไปพบแพทย์
สาเหตุของผิวไหม้
ผิวหนังที่ทำหน้าที่ ป้องกันไวรัสและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ประกอบด้วยชั้นต่างๆ 3 ชั้นได้แก่
-
ชั้นหนังกำพร้า (epidermis)
-
ชั้นหนังแท้ (dermis)
-
ชั้นไขมัน หรือชั้นใต้ผิวหนัง (hypodermis หรือ subcutaneous tissue)
ชั้นหนังกำพร้า (epidermis)
เป็นผิวหนังชั้นนอกสุดที่มองเห็นได้ เป็นบริเวณที่ไม่มีหลอดเลือดนำเลือดมาเลี้ยง ทำหน้าที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิและป้องกันอันตรายแก่ร่างกาย
ผิวไหม้ระดับผิวเผินหรือระดับแรกมีความรุนแรงน้อยที่สุด
จะส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ผิวหนังจะยังคงสภาพสมบูรณ์ โดยทั่วไปมักทำการรักษาได้เองที่บ้าน
ชั้นหนังแท้ (dermis)
ชั้นหนังแท้เป็นผิวหนังชั้นล่าง เรียกบริเวณนี้ว่า พาพิลลารี (papillary) ประกอบด้วยคอลลาเจน ปลายประสาท ต่อมเหงื่อ และเส้นใยยืดหยุ่น (elastic fiber) นอกจากนี้ยังเป็นผิวหนังชั้นที่หนา มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงที่สุด
ผิวไหม้ระดับที่สอง เป็นการไหม้จนถึงชั้นหนังแท้ มีความรุนแรงกว่าการไหม้ในระดับแรก
ชั้นไขมัน หรือชั้นใต้ผิวหนัง (hypodermis หรือ subcutaneous tissue)
ประกอบด้วยเนื้อเยื่อไขมันที่เก็บพลังงานในรูปของไขมัน นอกจากนี้ยังเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกและป็นฉนวนควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ผิวไหม้ประเภทที่ทำลายผิวหนังทุกชั้นไปจนถึงชั้นใต้ผิวหนังได้ จะเป็นการไหม้ระดับที่ 3 ซึ่งมีความรุนแรงและต้องได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างเร่งด่วน
ประเภทและอาการของผิวไหม้
ผิวไหม้ทุกประเภทก่อให้เกิดเจ็บปวดและแสดงอาการให้เห็น การเข้าใจประเภทและความรุนแรงของผิวไหม้ เป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการวินิจฉัยเพื่อรับการรักษา ซึ่งมี 3 ระดับ คือ
-
ระดับแรก
-
ระดับที่ 2
-
ระดับที่ 3
ผิวไหม้ระดับแรก
ผิวไหม้ระดับแรก มักจะพบได้มากที่สุด มีอาการต่างๆ ดังนี้
-
ผิวแห้ง และบวมเล็กน้อย
-
มีการเปลี่ยนปลงของสีผิว
-
มีความเจ็บปวด
-
มีอาการคัน
-
ผิวหนังไวต่อการสัมผัส
บางรายอาจเกิดแผลพุพองและถลอก หากมีการสัมผัสผิวหนังอาจจะหลุดลอก (สีอ่อนลง) โดยทั่วไปแล้วผิวหนังชั้นนอกจะยังคงสภาพที่สมบูรณ์
ผิวไหม้ระดับที่ 2
ผิวไหม้ระดับที่ 2 มีผลต่อผิวหนังชั้นลึกลงไปมากกว่าผิวไหม้ระดับแรก และอาจมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ผิวไหม้ระดับที่ 2 มีผลต่อผิวชั้นหนังกำพร้าและผิวชั้นหนังแท้ โดยรอยไหม้มักจะมีลักษณะบวม พุพอง หรือชื้น และอาจฉีกขาดคล้ายเนื้อเยื่อตกสะเก็ด ซึ่งแพทย์เรียกอีกอย่างว่า ผิวไหม้บางส่วน
ผิวไหม้ระดับที่ 2 มีแนวโน้มที่จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความลึกของแผล สาเหตุของผิวไหม้ระดับที่ 2 ได้แก่
-
ถูกน้ำร้อนลวก
-
ถูกไฟไหม้
-
สัมผัสถ่านไฟร้อน
-
ถูกน้ำตาเทียนลวก
-
ไอน้ำจากเตารีด
-
ถูกนาบด้วยเตารีดร้อนๆ
-
ถูกแดดเผาเนื่องจากอยู่ในที่โล่งแจ้ง เป็นเวลานาน
-
ผิวไหม้เนื่องจากการสัมผัสสารเคมี
ผิวไหม้ในระดับที่ 2 ส่วนใหญ่มักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ และอาจเกิดแผลเป็นได้
ผิวไหม้ระดับที่ 3
เป็นอาการผิวไหม้ที่รุนแรงที่สุด และต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ เนื่องจากมีความเสียหายของเส้นประสาทและหลอดเลือด บริเวณที่ผิวไหม้มักมีสีซีดหรือดำคล้ำ และไหม้เกรียม
สาเหตุของผิวไหม้ระดับที่ 3 ได้แก่ :
-
ถูกน้ำร้อนลวก
-
ถูกไฟไหม้
-
ถูกไฟฟ้าช็อต
-
การสัมผัสวัตถุที่ร้อนเป็นเวลานาน
-
การสัมผัสสารเคมี
ผิวไหม้ระดับที่ 3 จะทำลายผิวหนังชั้นนอกและรูขุมขนซึ่งหมายความว่าจะไม่มีผิวหนังใหม่เกิดขึ้นมาอีก ผู้ที่มีผิวไหม้ระดับที่ 3 ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ทันที
การรักษา
การรักษาผิวไหม้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ขนาด และตำแหน่งของแผล บางรายสามารถดูแลรักษาผิวไหม้ได้เองที่บ้าน แต่หากมีอาการที่รุนแรงจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ทันที
การรักษาผิวไหม้ระดับแรก
โดยทั่วไปอาการมักไม่รุนแรงหรือชัดเจน และจะหายได้ค่อนข้างเร็ว อย่างไรก็ตามผิวไหม้ในระดับแรกก็อาจสร้างความเจ็บปวดได้ สถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา (AAD) มีวิดีโอที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาผิวไหม้ระดับแรก
การรักษาพยาบาลเบื้องต้น :
-
เปิดให้น้ำเย็นไหลผ่านผิวที่ไหม้ หรือประคบเย็น ประมาณ 5-10 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะบรรเทาลง
-
ปิดด้วยผ้าพันแผลแบบไม่เหนียวที่สะอาด(ปลอดเชื้อ)
-
ทำความสะอาดบาดแผลเบาๆ ด้วยน้ำอุ่น
-
ทาปิโตรเลียมเจลทุกวัน
-
รับประทานยาที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ (OTC) เพื่อช่วยแก้ปวดและลดการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน
การรักษาผิวไหม้ระดับที่ 2
การรักษาผิวไหม้ประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของแผล สาเหตุที่ทำให้เกิดผิวไหม้ระดับที่ 2 อาจเกิดจาก น้ำร้อนหรือสิ่งของที่ร้อน รังสี แรงเสียดทานไฟฟ้าหรือสารเคมีต่างๆ
อาการต่างๆ ของผิวไหม้ ได้แก่ ผิวหนังลอกเมื่อกด เป็นแผลพุพองและบวม อาการเหล่านี้จะดีขึ้นได้เองภายใน 2-3 วัน
การปฐมพยาบาลที่บ้าน ได้แก่:
-
เปิดให้น้ำเย็นไหลผ่านผิวที่ไหม้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด – อย่าใช้น้ำแข็งเพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหายได้
-
ถอดเครื่องประดับ แหวน หรือเสื้อผ้าที่อาจรัดแน่นเกินไปในบริเวณที่บวม
-
ใช้ลูกประคบเย็น หากผิวไหม้เกิดขึ้นที่ใบหน้าหรือร่างกาย
-
ทำความสะอาดและล้างแผลอย่างเบามือ – ล้างมือก่อนเสมอ
-
พันด้วยผ้าพันแผลอย่างหลวมๆ หากเสื้อผ้าหรือสิ่งสกปรกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
-
ทาโลชั่นเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
-
ทายาปฏิชีวนะแบบครีมชนิดที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งแพทย์
-
ใช้ยาแก้ปวด เช่น ไอบูโพรเฟน หรืออะเซตามิโนเฟน
น้ำมันร้อน ขี้ผึ้ง หรือของเหลวที่เข้าไมโครเวฟ อาจทำให้เกิดรอยไหม้ที่มีบางส่วนความหนาและลึกลงไป อาการเช่นนี้ผิวหนังอาจใช้เวลา 2-3 วันในการซ่อมแซมตนเอง ดังนั้นการตรวจสอบบาดแผลจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผู้ที่มีผิวไหม้ระดับสองที่รุนแรงมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา แพทย์อาจรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะหรือยาขี้ผึ้ง(ครีม) ในผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจต้องได้รับการปลูกถ่ายผิวหนัง
การรักษาผิวไหม้ระดับที่ 3
ผิวไหม้ระดับที่ 3 เป็นอาการที่รุนแรงที่สุดและต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากผิวไหม้ระดับที่ 3 มักทำลายปลายประสาท ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เมื่อสัมผัสบริเวณนั้น ผิวหนังอาจนูนขึ้นมีลักษณะเหนียว สีน้ำตาลเข้ม หรือสีซีดคล้ายขี้ผึ้ง
ควรให้ผู้ที่มีผิวไฟไหม้ระดับที่ 3 อยู่นิ่ง ๆ โดยผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น
หากผิวที่ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่ไหม้อย่างรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยใช้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำร่วมกับการปลูกถ่ายผิวหนัง ซึ่งระยะเวลาในการฟื้นตัวของผู้ป่วยจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผิวที่ไหม้
บทสรุป
แม้ว่าผิวไหม้เพียงเล็กน้อยจะเป็นอาการบาดเจ็บทั่วไปที่อาจสร้างความเจ็บปวดมาก แต่ก็สามารถรักษาที่บ้านได้ อย่างไรก็ตามผิวไหม้ที่มีอาการรุนแรงต้องได้รับการวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญ
ควรทาครีมกันแดดและสวมหมวกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแดดเผา หากมีเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อนๆ ในครัวให้ใช้ความระมัดระวัง และใช้ถุงมือป้องกันความร้อนจากเตา หรือเตาอบ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/burns/symptoms-causes/syc-20370539
-
https://www.webmd.com/pain-management/guide/pain-caused-by-burns
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก