การติดเชื้อราเป็นอย่างไร
การติดเชื้อราผิวหนังเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป ในมนุษย์ภาวะการติดเชื้อราจะเกิดขึ้น เมื่อเชื้อรารบกวนส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือเมื่อมีจำนวนเชื้อรา มากเกินไป เกินกว่าที่ระบบภูมิคุ้มกันจะรับมือได้
เชื้อราสามารถอาศัยอยู่ในอากาศ ดิน น้ำ และพืช นอกจากนี้ยังมีเชื้อราบางชนิดที่อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์
เช่นเดียวกับจุลินทรีย์หลายชนิด มีทั้งเชื้อราที่เป็นประโยชน์ และเชื้อราที่เป็นอันตราย เมื่อเชื้อราที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกาย เชื้อราเหล่านี้มักจัดการได้ยาก เนื่องจากสามารถอยู่รอดได้ในสิ่งแวดล้อม และแพร่ระบาดเชื้อซ้ำไปยังบุคคลที่กำลังจะหายให้กลับมาเป็นซ้ำได้
อาการของการติดเชื้อรา
อาการของการติดเชื้อราที่ผิวหนังจะขึ้นกับประเภทของเชื้อ โดยอาการทั่วไป จะมีดังนี้:
- การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เกิดสีแดง และอาจมีผิวแตก หรือลอกได้
- อาการคัน
ประเภทของเชื้อรา
ภาวะการติดเชื้อราบนผิวหนังจะมีอาการแสดงตามประเภทของเชื้อ ดังนี้
โรคน้ำกัดเท้า
ฮ่องกงฟุตหรือโรคน้ำกัดเท้าเป็นอาการของโรคผิวหนัง เชื้อราที่มีผลต่อเท้า และพบได้ทั่วไป
โรคน้ำกัดเท้าเป็นอาการที่มักเกิดกับกีฬา และนักกรีฑา เนื่องจากเชื้อราบนผิวหนังสามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น เช่นในถุงเท้าและรองเท้า อุปกรณ์กีฬา และห้องล็อกเกอร์
แต่ที่จริง ทุกคนล้วนมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากโรคน้ำกัดเท้านี้ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น และช่วงฤดูร้อน เพราะเชื้อราสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
อาการของโรคน้ำกัดเท้า
อาการของโรคน้ำกัดเท้า อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในผู้ป่วยแต่ละคน อาการทั่วไปคือ :
- ผื่นแดงหรือตุ่มพองบริเวณที่ติดเชื้อ
- ผิวหนังที่ติดเชื้ออาจอ่อนนุ่ม หรือแตกลอก
- ผิวลอก หรือแตก
- ผิวหนังอาจหลุดลอกเป็นแผ่น ๆ
- อาการคัน แสบ หรือแสบร้อนในบริเวณที่ติดเชื้อ
การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกัน
อาการคันที่เท้า อาจไม้ได้เป็นผลมาจากโรคน้ำกัดเท้าเพียงอย่างเดียว แพทย์มักวินิจฉัยการติดเชื้อโดยการขูดผิวหนังของผู้ป่วย ไปตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อหาหลักฐานว่ามีเชื้อราหรือไม่
มีเชื้อราหลายชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้าได้ การติดเชื้ออาจมีลักษณะแตกต่างกันไปตามชนิดของเชื้อรา
โรคน้ำกัดเท้ามักรักษาด้วยการทาขี้ผึ้งทาต้านเชื้อราบริเวณที่เกิดอาการ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป การติดเชื้อรุนแรงจะจำเป็นต้องใช้ยารักษาเฉพาะทางเพิ่มเติม และเท้าจะต้องได้รับการดูแล และรักษาให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อกำจัดเชื้อรา
การป้องกันโรคจึงรวมถึงการปล่อยให้เท้าได้รับอากาศมากขึ้น และทำให้เท้าสะอาดและแห้งอยู่เสมอ ควรสวมรองเท้าแตะเมื่อใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะ หรือห้องล็อกเกอร์
การติดเชื้อยีสต์
โรคเชื้อราผิวหนังในช่องคลอดเป็นรูปแบบทั่วไปของการเติบโตของเชื้อราชนิด Candida albicans ในสตรี
การเจริญเติบโตที่มากเกินไปของ Candida จะทำให้สมดุลระหว่างแบคทีเรีย และยีสต์ในช่องคลอดเกิดความผิดปกติ ความไม่สมดุลของเชื้อรานี้อาจเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ ความเครียด ความไม่สมดุลของฮอร์โมน และนิสัยการกินที่ไม่ดี เป็นต้น
การติดเชื้อ Candida มักทำให้เกิดการติดเชื้อราที่เล็บ เท้า และผื่นผ้าอ้อมอีกด้วย อาการของการติดเชื้อราชนิดนี้ ได้แก่:
- คัน และบวมบริเวณช่องคลอด
- รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขณะถ่ายปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการแดง และเจ็บบริเวณช่องคลอด
- ตกขาวผิดปกติ เช่น ก้อนสีเทาคล้ายคอทเทจชีส หรือตกขาวออกมามาก
บางกรณีอาจมีผื่นขึ้น การติดเชื้อยีสต์ควรได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอาการสามารถรุนแรงขึ้น หากไม่ได้รับการรักษา
การวินิจฉัย การรักษา และการป้องกัน
อาการทั่วไปของการติดเชื้อราจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ง่าย แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับประวัติการรักษาของผู้ป่วย เช่น การติดเชื้อรา หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงยาปฏิชีวนะที่เพิ่งรับประทานไป
แพทย์จะตรวจผนังช่องคลอด และปากมดลูกเพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ หากจำเป็นอาจมีการนำตัวอย่างเซลล์จากช่องคลอดไปวินิจฉัยหาเชื้อ เพื่อความถูกต้อง
การรักษาโรคติดเชื้อยีสต์ แพทย์จะพิจารณาตามระดับความรุนแรง การรักษาทั่วไปคือครีม ยาเม็ด หรือยาเหน็บ ซึ่งมีจำหน่ายตามใบสั่งแพทย์ หรือหาซื้อตามร้านขายยาทั่วไป หากเป็นการติดเชื้อที่ซับซ้อนอาจต้องใช้วิธีการรักษาร่วมระหว่างอาการต่าง
การป้องกันการติดเชื้อยีสต์ ควรเริ่มจากการรับประทานอาหารที่สมดุล และมีสุขอนามัยที่ดี การสวมเสื้อผ้าที่สบาย ๆ ทำจากเส้นใยธรรมชาติจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ การซักชุดชั้นในด้วยน้ำร้อน และเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันการเติบโตของเชื้อราได้เช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อรา
การเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อราเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ และมักมีอาการไม่รุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและเหมาะสม
ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอมักมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับผู้ที่กำลังใช้ยาปฏิชีวนะ
การรักษาโรคมะเร็ง และโรคเบาหวานอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดแนวโน้มที่จะติดเชื้อราง่ายขึ้น
ภาพรวมโรคเชื้อราผิวหนัง
วิธีรักษาเชื้อราผิวหนัง ส่วนมากสามารถรักษาให้หายได้ด้วยครีมที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป แต่การติดเชื้อในระดับรุนแรงอาจต้องใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติม
การป้องกันการติดเชื้อจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อราที่ผิวหนังได้เป็นอย่างดี
จึงเป็นการดี หากผู้ป่วยแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีที่พบสัญญาณการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนมากการติดเชื้อราที่ผิวหนังสามารถรักษาได้ง่ายในระยะเริ่มแรก
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/fungal-infections-skin
- https://www.healthline.com/health/fungal-infection
- https://medlineplus.gov/fungalinfections.html
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก