ฝ้า (Melasma) คือ การสร้างเม็ดสีบนใบหน้านี้ ฝ้าพบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยมักเริ่มมีอาการระหว่างอายุ 20-40 ปี ฝ้าจะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ผิวหนังได้รับผลกระทบ
สาเหตุของฝ้าคืออะไร
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า ได้แก่
- พันธุกรรม
- แสงแดด — แสงอัลตราไวโอเลต และแสงแดดส่งเสริมการผลิตเมลานิน
- ฮอร์โมน – การตั้งครรภ์ และการใช้งานของสโตรเจน ยาคุมกำเนิด และการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
- ยา และผลิตภัณฑ์บางชนิด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แสงแดดมีประโยชน์อย่างไร
ลักษณะของฝ้าคืออะไร
ฝ้าสามารถแยกออกเป็นฝ้าที่ชั้นหนังกำพร้า ผิวหนัง และฝ้าแบบผสม ขึ้นอยู่กับระดับของเมลานินที่เพิ่มขึ้นในผิวหนัง
สำหรับฝ้าที่เราสามารถมองเห็นได้ชัด คือ ฝ้าที่ผิวหนัง จะมีลักษณะต่อไปนี้
- เห็นเส้นขอบของการเปลี่ยนแปลงสีที่ชัดเจน
- มีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม
- ลักษณะเป็นรอยไหม้
การรักษาฝ้า
โดยทั่วไปการรักษาฝ้าจะทำหลายวิธีร่วมกัน
วิธีการทั่วไป
- การปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการใส่ชุดที่มิดชิด หรือใช้ครีมกันแดด
- งดการคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนถ้าเป็นไปได้
- ใช้เครื่องสำอางเพื่อป้องกันแดด
การบำบัดเฉพาะที่
ครีมที่ทาเฉพาะที่ส่วนมากจะเป็นการรวมกันระหว่าง Hydroquinone, Tretinoin และ Steroid ด้วยสูตรเฉพาะที่มีฤทธิ์ปานกลาง และอาจจะมีส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติมได้แก่
- กรดอะเซลาอิก
- กรดโคจิก
- ซีสตีเอมีน
- วิตามินซี
- เมธิมาโซล
- กรดทราเนซามิก
- กลูตาไธโอน
- สารสกัดจากถั่วเหลือง
วิธีการเชิงเทคนิค
- การใช้เคมี และเลเซอร์ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง แต่การกระทำนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าที่แย่ลง หรือทำให้เกิดรอยดำหลังการอักเสบ ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยครีมเฉพาะที่ด้วยหลังการใช้วิธีเทคนิค
- เม็ดสีผิวชั้นนอกสามารถลอกออกได้โดยใช้กรดอัลฟา-ไฮดรอกซี (AHA) เช่น กรดไกลโคลิก หรือกรดเบตา-ไฮดรอกซี (BHA) เช่น กรดซาลิไซลิก
- Microneedling แสง IPLและเลเซอร์ สามารถช่วยลดเลือนรอยฝ้าให้ดูจางลงได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การรักษาแบบ IPL
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก