โรคอ้วน (Obesity) คือสภาวะการสะสมของของไขมันที่มีอยู่ตามภายในร่างกายที่มีมากเกินไป จึงสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยทางการแพทย์สามารถบ่งชี้ได้จากผู้ที่มีภาวะค่าดัชนีมวลกายสูงมักเป็นผู้ที่มีโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนได้ การวัดค่าดัชนีมวลกาย(BMI) เป็นการวัดค่าดัชนีมวลของร่างกายที่แพทย์ใช้ในการประเมินว่าคนๆนั้นมีน้ำหนักตามอยู่ตามเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ โดยทำการประเมินจากเพศ อายุ และความสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วการวัดค่าดัชนีมวลกายนั้นมีเพียงแค่การวัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนักเท่านั้น การวัดค่าดัชนีมวลกายนั้น หากมีค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 25 ถึง 29.9 ขึ้นไป แสดงว่าเริ่มมีภาวะอ้วนและมีค่าวัดดัชนีมวลกายมากกว่า 30 ขึ้นไป แสดงว่าเข้าข่ายเป็นโรคอ้วนแล้วการวัดค่าดัชนีมวลกายในส่วนอื่น เช่น การวัดขนาดส่วนของเอวต่อสะโพก (WHR) การวัดขนาดเอวต่อส่วนสูง (WtHR) และวัดปริมาณในการกระจายไขมันในร่างกาย ซึ่งการทำเช่นนี้สามารถกำหนดน้ำหนักและรูปร่างของคนได้ด้วย หากมีภาวะอ้วนและมีน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นปัญหาสุขภาพหลายโรค เช่น ภาวะระบบเผาผลาญบกพร่อง(เมตาบอลิซึ่มซินโดรม) โรคข้ออักเสบ สามารถเป็นโรคมะเร็งได้ ภาวะระบบเผาผลาญบกพร่องมีความเกี่ยวข้องกับโรคต่างๆที่มาจากความอ้วน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น การรักษาน้ำหนักให้คงที่หรือการลดน้ำหนักลงนั้น ควรทำร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นวิธีการป้องกันภาวะอ้วนที่ดีที่สุด ซึ่งในบางกรณี ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีอาการรุนแรงนั้น จำเป็นต้องทำการผ่าตัด
สาเหตุของโรคอ้วน
ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2556 ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างยีนนี้และลักษณะพฤติกรรมที่ทำให้เกิดสาเหตุโรคอ้วน ดังต่อไปนี้
- พฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคอ้วน
- ลักษณะนิสัยที่ทำให้มีปัญหาโรคอ้วน
- การรับประทานอาหารที่มีปริมาณมากขึ้น
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
- มีความอยากอาหารที่ไม่มีที่สุดหรือไม่เคยอิ่ม
ฮอร์โมนเกรลินมีบทบาทสำคัญในการสร้างลักษณะนิสัยการกิน ซึ่งมักมีผลต่อการปล่อยฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและทำให้ไขมันไปสะสมยังส่วนอื่นๆของร่างกาย รวมถึงการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายด้วย
การทำงานของยีนของความอ้วนนี้ส่งผลต่อจำนวนของฮอร์โมนเกรลินที่ลดลง อาจทำให้อ้วนขึ้นได้มากกว่าคนปกติทั่วไป โดนการศึกษาจากคนที่มีปัญหาโรคอ้วนที่มีลักษณะนิสัยการกินที่ผิดปกติ จำนวน 250 คน ซึ่งได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Plos One ในปี 2560 ซึ่งนักวิจัยได้แนะนำว่า ยีนของความอ้วนนั้น มีบทบาทที่ทำให้เกิดการกินที่ผิดปกติได้ เช่น โรคกินไม่หยุด และ การรับประทานอาหารแบบตามใจปากได้ และนอกจากนี้ยังมีสาเหตุหลัก ๆ คือ
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเกินไป
เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเกินไปมากกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องการใช้ ร่างกายก็จะมีไขมันสะสมตามร่างกายมากขึ้น ทำให้มีอาการโรคอ้วนและน้ำหนักเกินตามมาได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันสูงก็สามารถทำให้น้ำหนักขึ้นได้จนกลายเป็นปัญหาโรคอ้วนได้เช่นกัน อาหารที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเกินจนเป็นภาวะอ้วนได้ มีดังนี้:
- อาหารจานด่วน
- อาหารทอด เช่น มันฝรั่งทอด ลูกชิ้นทอด กล้วยทอด
- ไขมันจากเนื้อสัตว์
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม
- อาหารที่ส่วนผสมของน้ำตาล เช่น ขนมอบ อาหารเช้าพร้อมทาน และขนมคุกกี้
- อาหารที่มีน้ำตาลซ่อนอยู่ เช่น ซอสมะเขือเทศ และอาหารกระป๋อง
- น้ำผลไม้ที่มีรสหวานจัด น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมปัง และ ขนมเบเกิล
อาหารแปรรูปบางชนิดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุคโตสสูง อย่างเช่น น้ำเชื่อมข้าวโพด และรวมถึงสารให้ความหวานแทนน้ำตาล รวมถึงอาหารคาวอย่างซอสมะเขือเทศด้วย
การรับประทานอาหารมากเกินไปและการขาดการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีน้ำหนักเกินจนนำไปสู่ภาวะโรคอ้วนได้
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเช่นผักและผลไม้ ธัญพืช และน้ำผลไม้คั่นสดที่ไม่ใส่น้ำตาล แต่อย่างไรก็ตามหากรับประทานอาหารเหล่านี้มากจนเกินไป ยังคงเสี่ยงกับการที่จะเป็นโรคอ้วนได้เช่นกัน ถ้าหากคุณมีคนในครอบครัวเป็นโรคอ้วนจากพันธุกรรมยิ่งสามารถเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามในขณะที่คุณกำลังควบคุณน้ำหนัก คุณมักอยากสนุกกับการรับประทานอาหารที่หลากหลาย การรับประทานอาหารที่สดใหม่และธัญพืชที่มีไฟเบอร์นั้นสามารถทำให้คุณอิ่มและช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย
การใช้ชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ
คนส่วนใหญนั้นมักมีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ทำแบบเดิมทุกวัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จำเจมากกว่ากิจวัตรประจำวันที่พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเคยทำเสียอีก
ตัวอย่างการทำกิจกรรมที่ทำเป็นประจำทุกวัน ซึ่งกลายเป็นนิสัยประจำตัวนั้น มีดังต่อไปนี้:
- ชอบทำงานที่ในสำนักงานมากกว่าทำงานอยู่ที่บ้าน
- เล่นเกมคอมพิวเตอร์เป็นประจำเเละใช้เวลานาน โดยที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายใดๆเลย
- ไปไหนมาไหนโดยรถมากกว่าการเดินหรือการขี่จักรยาน
คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายนั้น การเผาผลาญไขมันก็จะไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้การออกกำลังกายนั้นก็ยังส่งผลไปยังการทำงานของฮอร์โมนและฮอร์โมนนั้นก็มีผลต่อการทำงานของสารอาหาร ซึ่งส่งไปหล่อเลี้ยงยังส่วนต่างๆของร่างกาย
มีผลงานวิจัยหลายงานแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายนั้นสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดที่คงที่และระดับน้ำตาลในเลือดชนิดที่ไม่คงที่ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีน้ำหนักเกินได้
ข้อมูลจากการตีพิมพ์ในวารสาร BMJ Open Sport and Exercise Medicine ในปี 2560 นักวิจัยได้บันทึกไว้ว่า ในขณะที่มีการออกแบบท่าทางออกกำลังกายให้มากขึ้นทุกวัน การใช้ชีวิตแบบผสมผสานการออกกำลังกายนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณสามารถรักษาสุขภาพได้ โดยการควบคุมน้ำหนักรวมถึงการควบคุมน้ำตาลในเลือดด้วย
การออกกำลังกายนั้น ไม่จำเป็นต้องทำที่ยิมหรือฟิตเนสก็ได้ การเคลื่อนไหวร่างกายไม่ว่าจะเป็นการเดิน การปั่นจักรยาน การขึ้นลงบันได หรือการทำงานบ้าน การเคลื่อนไหวร่างกายทุกอย่างนั้น มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักลงได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามแต่ละกิจกรรมของการเคลื่อนไหวของร่างกายต่างส่งผลดีและเกิดประโยชน์ต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว
การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
เมื่อมีการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ร่างกายนั้นก็มีการผลิตเปปไทด์ฮอร์โมนเกรลินมากขึ้น ซึ่งทำให้กระตุ้นความอยากอาหารมากขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็สามารถส่งผลให้เกิดการผลิตเปปไทด์ฮอร์โมนเลปตินลดลงด้วย ซึ่งฮอร์โมนเลปตินนี้ช่วยลดความอยากอาหารที่มากเกินความจำเป็น แต่เมื่อไม่มีการผลิตฮอร์โมนเลปตินแล้ว ก็ทำให้เป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้
ต่อมไร้ท่อถูกทำลาย
นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า สภาวะอ้วนนั้นมีความเชื่อมโยงกับน้ำตาลฟรุกโตสและระบบการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ซึ่งผู้เชียวชาญมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรับประทานน้ำเชื่อมที่ทำมาจากข้าวโพดกับเครื่องดื่มที่รสหวานและอาหารที่ให้พลังงานสูงชนิดอื่นด้วย
นักวิจัยได้บันทึกว่า การเพิ่มของระดับน้ำตาลฟรุกโตสเป็นตัวการที่ทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีภาวะระบบเผาผลาญบกพร่องในคนวัยหนุ่มสาวได้
การใช้ยา
การใช้ยาบางชนิดเป็นสาเหตุของโรคอ้วนได้เช่นเดียวกัน ยาที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนมีดังต่อไปนี้ การใช้ยาก็ทำให้เกิดสภาวะน้ำหนักเกินได้เช่น
- การใช้ยาต้านอาการทางจิตรุ่นที่ 2 โดยเฉพาะยาโอแลนซาพิน ยาควิไทอาพิน และยาริสเปอร์ไรโดน
- ยากันชัก และ ยาควบคุมอารมณ์ โดยเฉพาะยากาบาเพนติน
- ยาที่รักษาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น ยาโทลบูตาไมด์
- ยาที่รักษาโรคไขข้ออักเสบ เช่น ยากลูโคคอร์ติคอยด์
- ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด
แต่อย่างไรก็ตาม ยาบางชนิดก็ทำให้คุณน้ำหนักลดได้เช่นกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เริ่มใช้ยาตัวใหม่และมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์ว่าหากใช้ยาชนิดนี้ต่อไปจะมีผลข้างเคียงที่เกี่ยวกับน้ำหนักหรือไม่
โรคอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์
ความผิดปกติทางพันธุกรรมนั้นเกิดจากยีนของความอ้วน (FTO)ซึ่งเป็นยีนด้อยที่ทำให้อ้วนง่ายมากกว่าคนปกติ
การรักษาโรคอ้วน
การเปลี่ยนประเภทของอาหารสำหรับคนวัยหนุ่มสาว สามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาโรคอ้วนได้ โดยการหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีระดับน้ำตาลฟรุกโตสสูง
ประเภทอาหารที่มีน้ำเชื่อมน้ำตาลฟรุกโตสสูงเป็นส่วนผสมนั้นมีดังต่อไปนี้
- โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่
- ลูกอมและไอศกรีม
- ครีมเทียมที่อยู่ในกาแฟ
- ซอสและเครื่องปรุงรส รวมถึง ผงปรุงรส ซอสมะเขือเทศ และซอสบาร์บีคิว
- อาหารที่มีรสหวาน เช่น โยเกิร์ต น้ำผลไม้ และอาหารกระป๋อง
- ขนมปังอบที่กินได้ทันที
- อาหารเช้า ซีเรียลบาร์ และรวมถึงเอนเนอจี้บาร์ หรือ นูเทรี่ยนบาร์
ควรลดปริมาณในการใช้น้ำเชื่อมและเครื่องปรุงรส ซึ่งมีวิธีต่อไปนี้:
- ตรวจดูฉลากที่อยู่บนสินค้าก่อนซื้อ
- เลือกอาหารที่ไม่มีรสหวานหรือไม่หวานมากจนเกินไป
- ทำน้ำสลัดเองและทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน
อาหารบางชนิดที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ถึงแม้ว่ามันจะปลอดภัย แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนได้
โรคอ้วนทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่
การที่จะทำให้คนที่มีน้ำหนักตัวมากให้ลดน้ำหนักลงได้นั้นเป็นเรื่องยากแต่ก็สามารถทำได้ ดูเหมือนว่าจะมีไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณโปรตีนsLR11มีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโปรตีนนี้จะปิดกั้นการทำหน้าที่เผาผลาญไขมัน ทำให้ไขมันในร่างกายมีมากขึ้น และทำให้เป็นสาเหตุโรคอ้วนขึ้นด้วย
จากข้อมูลสถิติผู้ป่วยโรคอ้วนในประเทศไทย
สถิตินี้มาจากการคาดการว่า ‘โรคอ้วน’ บนความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมอาหาร โดยพบว่า งานวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2554 ที่มีการสำรวจสถานการณ์โรคอ้วนในประเทศไทยเทียบเคียงกับประชากรเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน พบว่า ประชากรในประเทศไทยมีค่าเฉลี่ย BMI ≥ 25 อยู่ที่ 32.2 เปอร์เซ็นต์ สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มอาเซียน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/obesity/symptoms-causes/syc-20375742
- https://www.cdc.gov/obesity/adult/causes.html
- https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/overweight-and-obesity
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก