กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

30.04
8991
0

กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis) เป็นภาวะของการติดเชื้อและการอักเสบของกระดูกหรือไขกระดูก โดยอาจเกิดขึ้นได้หากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราเข้าสู่เนื้อเยื่อกระดูกจากกระแสเลือดจากการได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัด

ราว 80 เปอร์เซ็นต์ของกระดูกอักเสบเกิดขึ้นจากแผลเปิด โดยมีอาการต่าง ๆ ได้แก่ อาการปวดลึกเข้ากระดูกและมีกล้ามเนื้อกระตุกในบริเวณที่อักเสบและมีไข้

การติดเชื้อในกระดูกมักส่งผลต่อกระดูกยาวที่ขาและต้นแขน กระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกราน สมัยก่อน การรักษาโรคกระดูกอักเสบเป็นเรื่องยาก แต่ปัจจุบันการรักษาเชิงรุกมักช่วยรักษากระดูกที่ติดเชื้อและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อได้

คาดกันว่า ราว 2 คนในทุก ๆ 10,000 คนในสหรัฐฯ เป็นโรคกระดูกอักเสบ

การรักษาโรคกระดูกอักเสบ

การรักษาโรคกระดูกอักเสบขึ้นอยู่กับชนิดของการอักเสบของกระดู

กระดูกอักเสบเฉียบพลัน

กระดูกอักเสบเฉียบพลันจะเกิดการติดเชื้อขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับบาดเจ็บ การติดเชื้อครั้งแรกหรือจากโรคที่มีมาก่อนหน้า โดยอาจทำให้อาการเจ็บปวดรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อรามักใช้ได้ผลดี สำหรับผู้ใหญ่มักจะฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำนานประมาณ 4-6 สัปดาห์หรือบางครั้งก็ให้ทาน ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อราก็ได้ ผู้ป่วยบางรายต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ในขณะที่บางรายอาจได้รับการฉีดยาในฐานะผู้ป่วยนอกหรือทำเองได้ที่บ้านหากสามารถฉีดเองได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาปฏิชีวนะ ได้แก่ มีอาการท้องร่วง อาเจียนและคลื่นไส้ บางครั้งอาจมีอาการแพ้ร่วมด้วย

หากการติดเชื้อเกิดจากยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) หรือแบคทีเรียดื้อยาอื่น ๆ ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการรักษานานขึ้นและใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน

ในบางกรณี อาจแนะนำให้ใช้การบำบัดด้วยออกซิเจนแบบไฮเปอร์บาริก (HBOT)

โรคกระดูกอักเสบจากการติดเชื้อชนิดกึ่งเฉียบพลัน

ในโรคกระดูกอักเสบจากการติดเชื้อชนิดกึ่งเฉียบพลัน การติดเชื้อจะเกิดขึ้นภายใน 1–2 เดือนหลังจากได้รับบาดเจ็บ การติดเชื้อครั้งแรกหรือเกิดจากโรคที่มีอยู่ก่อนหน้า

การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความเสียหายของกระดูก

หากกระดูกไม่เสียหาย การรักษาจะคล้ายกับการรักษาที่ใช้ในโรคกระดูกอักเสบเฉียบพลัน แต่หากกระดูกเกิดความเสียหาย การรักษาจะคล้ายกับที่ใช้ในโรคกระดูกอักเสบเรื้อรัง

โรคกระดูกอักเสบเรื้อรัง

ในโรคกระดูกอักเสบเรื้อรัง การติดเชื้อจะเริ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เดือนหลังจากได้รับบาดเจ็บ เกิดการติดเชื้อครั้งแรกหรือเริ่มเกิดอาการของโรคที่มีมาก่อนหน้า

ผู้ป่วยมักต้องใช้ยาปฏิชีวนะและการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมความเสียหายของกระดูก

การผ่าตัดอาจรวมถึง:

  • การระบายสารคัดหลั่ง: บริเวณรอบ ๆ กระดูกที่ติดเชื้ออาจต้องผ่าเพื่อระบายหนองหรือของเหลวที่ก่อตัวขึ้นแล้วทำให้เกิดการติดเชื้อ
  • การตัดเล็มเนื้อตายของบาดแผล: ศัลยแพทย์จะเอากระดูกที่เป็นโรคออกให้มากที่สุดและเล็มเข้าไปในกระดูกที่ดีอีกเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกระดูกที่ติดเชื้อหลงเหลืออยู่ เนื้อเยื่อรอบ ๆ ที่มีอาการแสดงของการติดเชื้ออาจจำเป็นต้องตัดออก
  • ฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดไปที่กระดูก: พื้นที่ว่างจากการตัดเล็มอาจต้องเติมเนื้อเยื่อกระดูก หรือผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อจากส่วนอื่นของร่างกายเข้าไป นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์ชั่วคราวได้จนกว่าผู้ป่วยจะมีสุขภาพดีเพียงพอที่จะทำการปลูกถ่ายกระดูกหรือเนื้อเยื่อ การปลูกถ่ายอวัยวะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมหลอดเลือดที่เสียหายและจะสร้างกระดูกใหม่
  • การกำจัดสิ่งแปลกปลอม: หากจำเป็น แพทย์อาจนำเอาอุปกรณ์ที่ใส่ไว้ในระหว่างการผ่าตัดครั้งก่อนหน้าออก เช่น แผ่นผ่าตัดหรือสกรู
  • ทำให้กระดูกที่ได้รับผลกระทบมีเสถียรภาพ: แพทย์อาจใส่แผ่นโลหะแท่งหรือสกรูเข้าไปในกระดูกเพื่อทำให้กระดูกที่เกิดโรคคงที่และใช้ได้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่อาจทำเสริมได้ในภายหลัง บางครั้ง มีการใช้เครื่องมือซ่อมแซมภายนอกเพื่อทำให้กระดูกที่ได้รับผลกระทบคงที่

หากผู้ป่วยไม่สามารถทนต่อการผ่าตัดได้ เช่น เกิดจากความเจ็บป่วย เป็นต้น แพทย์อาจใช้ยาปฏิชีวนะนานขึ้น หรืออาจนานเป็นปีเพื่อระงับการติดเชื้อหากยังเกิดการติดเชื้อแบบไม่หยุดอาจจำเป็นต้องตัดแขนหรือขาที่ติดเชื้อทั้งหมดหรือบางส่วนออก

อาการและอาการแสดงของโรคกระดูกอักเสบ

อาการปวด แดงและบวมอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่กระดูก

อาการและอาการแสดงของโรคกระดูกอักเสบขึ้นอยู่กับชนิดการอักเสบของกระดูกโดยทั่วไป ได้แก่ :

  • มีอาการปวด ซึ่งอาจรุนแรงและบวมแดงและกดเจ็บในบริเวณที่เกิดโรคกระดูกอักเสบ
  • หงุดหงิด ง่วงหรืออ่อนเพลีย
  • มีไข้ หนาวสั่นและมีเหงื่อออก
  • มีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากแผลเปิดใกล้บริเวณที่ติดเชื้อหรือทางผิวหนัง
  • อาการอื่น ๆ อาจรวมถึง การบวมของข้อเท้า เท้าและขา และผู้ป่วยเดินผิดปกติไปจากเดิม เช่น เดินกะเผลก

อาการของกระดูกอักเสบเรื้อรังมักไม่ชัดเจนหรืออาจคล้ายกับอาการบาดเจ็บทั่วไป

จึงทำให้การวินิจฉัยของแพทย์ได้ไม่แม่นยำนัก โดยเฉพาะหากเกิดในสะโพก กระดูกเชิงกรานหรือกระดูกสันหลัง

Osteopenia

กระดูกอักเสบในเด็กและผู้ใหญ่

ในเด็ก โรคกระดูกอักเสบมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและมีอาการภายใน 2 สัปดาห์หลังจากมีการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือเรียกว่า กระดูกอักเสบจากเชื้อโรคที่มาตามกระแสเลือด ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อสแตฟฟิโลคอกคัส ออเรียส ที่ดื้อยาเมธิซิลิน (MRSA)

การวินิจฉัยอาจเป็นเรื่องยากแต่สิ่งสำคัญคือต้องได้รับการวินิจฉัยโดยเร็วที่สุดเนื่องจากการวินิจฉัยล่าช้าอาจนำไปสู่การรบกวนการเจริญเติบโตหรือความผิดปกติได้ ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

ในผู้ใหญ่ โรคกระดูกอักเสบชนิดกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรังมักพบได้บ่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับบาดเจ็บหรือเกิดการบาดเจ็บ เช่น กระดูกร้าว หรือเรียกว่า โรคกระดูกอักเสบจากการติดเชื้อ มักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

สาเหตุของโรคกระดูกอักเสบ

โรคกระดูกอักเสบอาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราภายในกระดูกหรือไปถึงกระดูกส่วนอื่นของร่างกาย

การติดเชื้อที่ฟันสามารถแพร่กระจายไปยังกระดูกขากรรไกรได้

เมื่อการติดเชื้อเกิดขึ้นภายในกระดูก ระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามฆ่าเชื้อต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยร่างกายจะส่ง นิวโทรฟิล ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ไปยังแหล่งที่มาของเชื้อเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา

หากการติดเชื้อเกิดขึ้นและไม่ได้รับการรักษา นิวโทรฟิลที่ตายแล้วจะสะสมอยู่ภายในกระดูกกลายเป็นฝีหรือมีหนอง

ฝีอาจปิดกั้นการส่งเลือดไปยังกระดูกที่ที่เกิดโรคได้ ในกรณีที่เป็นโรคกระดูกอักเสบเรื้อรังแล้วไม่ได้รับการรักษา และกระดูกอาจตายได้ในที่สุด

โดยปกติแล้ว กระดูกเราสามารถต้านการติดเชื้อได้ แต่การติดเชื้ออาจเข้าสู่กระดูกได้เนื่องจากโรคหรือภาวะบางอย่าง

การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัดหรือโรคที่มีมาก่อนหน้า เช่น โรคเบาหวาน จะไปลดความสามารถในการต่อต้านการติดเชื้อลง

การติดเชื้อในกระดูกเกิดขึ้นได้อย่างไร

การติดเชื้อในกระดูกอาจเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย

ในผู้ที่เป็นกระดูกอักเสบจากเชื้อโรคที่มาตามกระแสเลือด การติดเชื้ออาจเริ่มจากทางเดินหายใจส่วนบนหรือทางเดินปัสสาวะที่ไม่รุนแรง และจากนั้นจะเข้าสู่กระแสเลือด โดยการติดเชื้อประเภทพบได้บ่อยในเด็ก

โรคกระดูกอักเสบหลังได้รับบาดเจ็บอาจเกิดขึ้นหลังจากเกิดการแตกหักของกระดูกบางส่วน โดยกระดูกหักที่ทิ่มผิวหนังและกล้ามเนื้อโดยรอบทะลุออกมาหรือหลังการผ่าตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการใส่หมุดโลหะ สกรูหรือแผ่นยึดเพื่อยึดกระดูกที่หัก 

ภาวะเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดดำไม่เพียงพอหรือการไหลเวียนโลหิตไม่ดีอาจทำให้เกิดการติดเชื้อจากการขูดหรือบาดเป็นแผลเล็ก ๆ ซึ่งมักเกิดที่เท้า การไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวไปไม่ถึงจุดที่เกิดโรคได้ซึ่งทำให้เกิดแผลลึกตามมา และทำให้กระดูกและเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปเกิดการติดเชื้อ

กระดูกสันหลังอักเสบเกิดขึ้นที่กระดูกสันหลัง โดยมักเริ่มจากการติดเชื้อในกระแสเลือด การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือทางเดินหายใจ เยื่อบุหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เยื่อบุชั้นในของหัวใจหรือการติดเชื้อในปากหรือบริเวณที่ฉีดยา

กระดูกอักเสบในขากรรไกร

กระดูกอักเสบในขากรรไกรอาจเจ็บปวดอย่างรุนแรงและอาจเป็นผลมาจากโรคฟันผุหรือโรคปริทันต์ กระดูกขากรรไกรผิดปกติเนื่องจากฟันเป็นจุดเริ่มต้นของการติดเชื้อโดยตรง

โรคมะเร็ง การรักษาด้วยรังสี โรคกระดูกพรุนและโรคพาเจทช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกอักเสบที่ขากรรไกร

การติดเชื้อในไซนัส เหงือกหรือฟันจะแพร่กระจายไปที่กะโหลกศีรษะ

ภาวะแทรกซ้อน

การรักษาการติดเชื้อในกระดูสามารถทำให้หายได้ แต่บางครั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน

โรคกระดูกอักเสบเรื้อรังอาจดูเหมือนจะหายไป แต่จากนั้นจะกลับมาเป็นซ้ำหรืออาจตรวจไม่พบเป็นเวลาหลายปี ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเนื้อเยื่อกระดูกตายและการยุบตัวของกระดูกได้

ผู้ป่วยที่มีภาวะที่ยากต่อการรักษา ได้แก่ ผู้ป่วยทีมีเบาหวานรุนแรง ติดเชื้อเอชไอวี มีการไหลเวียนไม่ดีหรือมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงมากขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกอักเสบ

หลายคนมีแนวโน้มเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกอักเสบ

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่:

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น การรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี ภาวะทุพโภชนาการ การฟอกไต การใส่สายสวนปัสสาวะ การฉีดยาเสพติดให้โทษ เป็นต้น
  • มีปัญหาการไหลเวียนโลหิตอันเป็นผลมาจากโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดส่วนปลายหรือโรคเซลล์รูปเคียว
  • มีแผลเจาะลึกหรือมีกระดูกแตกทะลุผิวหนัง
  • เข้ารับการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนหรือซ่อมแซมกระดูก

โรคกระดูกอักเสบเฉียบพลันพบได้บ่อยในเด็ก ในขณะที่กระดูกอักเสบในกระดูกไขสันหลังมักพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 50 ปีและพบได้บ่อยในผู้ชาย

การวินิจฉัยโรคกระดูกอักเสบ

แพทย์จะตรวจร่างกายส่วนที่เกิดโรคเพื่อดูอาการแสดงของโรคกระดูกอักเสบรวมทั้งอาการกดเจ็บและบวม แพทย์จะซักประวัติคนไข้ล่าสุด โดยเฉพาะอุบัติเหตุ การผ่าตัดหรือการติดเชื้อที่เพิ่งเกิด

การตรวจอาจรวมถึง:

  • การตรวจเลือด: เม็ดเลือดขาวในระดับสูงมักบ่งบอกถึงการติดเชื้อ
  • การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ: แพทย์ใช้เนื้อเยื่อชิ้นเล็ก ๆ เพื่อตรวจดูว่าเป็นเชื้อโรคชนิดใดเป็นแบคทีเรียหรือเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่กระดูก ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ค้นหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม
  • การตรวจวินิฉัยด้วยภาพถ่าย: ถ่ายภาพด้วยรังสีเอ็กซ์ การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเผยให้เห็นความเสียหายของกระดูกได้

ความเสียหายอาจจะยังไม่ปรากฎเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในช่วงที่มีการเอกซเรย์ ดังนั้น แนะนำให้ทำการตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์โดยละเอียดมากขึ้นหากการบาดเจ็บนั้นเพิ่งเกิดขึ้น

การป้องกันโรคกระดูกอักเสบ

ผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควร:

  • ทำความสะอาดและปิดแผลเปิดช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
  • รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและสร้างสมดุลให้กับร่างกาย และออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง
  • งดสูบบุหรี่เพราะจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำให้ระบบไหลเวียนไม่ดี
  • ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี รวมถึง ล้างมือให้สม่ำเสมอและเหมาะสม
  • ฉีดวัคซีนตามตารางทั้งหมด

ผู้ป่วยที่มีการไหลเวียนไม่ดีควร:

  • งดสูบบุหรี่เพราะจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดแย่ลง
  • รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ที่มักดื่มเป็นประจำและมากเกินไปเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง
  • คนที่ติดเชื้อง่ายควรระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะไม่ให้ติดเชื้อจากการเกิดบาดแผลและรอยถลอก ควรทำความสะอาดบาดแผลหรือรอยขูดใด ๆ ทันทีและทำความสะอาดเสื้อผ้าที่สวมใส่

หากเกิดบาดแผลจำเป็นต้องตรวจหาอาการแสดงของการติดเชื้อบ่อย ๆ

นี่คือที่มาในแหล่งบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *