

โรคมะเร็งที่ท้องหรือโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเกิดขึ้นจากเซลล์ที่ทำงานผิดปกติซึ่งเกิดการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นในกระเพาะอาหารบางส่วนและสามารถแพร่กระจายไปทั่วกระเพาะอาหารทั้งหมดได้
อาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
โรคมะเร็งกระเพาะอาหารสามารถทำให้เกิดอาการหลายอย่างแต่อย่างไรก็ตามอาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารไม่มีอาการปรากฎขึ้นหลายปีและเชื้อมะเร็งเติบโตได้ค่อนข้างช้ามาก
จากสาเหตุดังกล่าวหลายคนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหารจึงไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหารจนกระทั่งโรคนี้อยู่ในขั้นที่รุนเเรง
อาการของโรคมะเร็งระยะเริ่มต้นได้แก่
- มีความรู้สึกอิ่มเร็วระหว่างทานอาหาร
- การกลืนลำบาก
- รู้สึกท้องอืดหลังทานอาหาร
- มีอาการเรอบ่อย
- มีอาการจุกเสียดหน้าอก
- มีอาการอาหารไม่ย่อยซึ่งเป็นอาการที่ไม่ดีขึ้น
- มีอาการปวดท้อง
- เจ็บปวดที่กระดูกหน้าอก
- มีลมที่เป็นกรดแก๊สอยู่ภายในร่างกาย
- อาเจียนออกมาเป็นเลือด
อย่างไรก็ตามหลายคนมีอาการที่คล้ายกันมากหรืออาจมีอาการที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามผู้ที่มีเเนวโน้มเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารมากที่สุดคือผู้ที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการกลืนลำบากซึ่งหากมีอาการนี้เกิดขึ้นควรไปพบเเพทย์ให้เร็วที่สุด
โรคมะเร็งกระเพาะอาหารสามารถพัฒนาขึ้นในระดับที่รุนเเรงได้โดยผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้
- ภาวะโลหิตจาง
- มีของเหลวเกิดขึ้นภายในกระเพาะอาหารทำเมื่อจับที่ท้องเเล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนเกิดขึ้น
- ขับถ่ายเป็นสีดำหรือมีเลือดติดออกมา
- ร่างกายอ่อนล้า
- ไม่มีความอยากอาหาร
- น้ำหนักลดลง
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างได้แก่ความรุนเเรงของมะเร็งที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนรวมไปถึงความเเข็งเเรงของสุขภาพร่างกาย
การรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธีเช่นการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด การฉายเเสงบำบัด การใช้ยาเเละการตัดชิ้นส่วนเพื่อนำไปตรวจโรคมะเร็ง
การผ่าตัด
มีวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดสำหรับรักษาโรคมะเร็ง
ศัลยแพทย์พยายามผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อที่เป็นมะเร็งออกเเละพยายามทำให้เหลือส่วนของเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดีที่สุดและศัลยแพทย์ต้องมั่นใจว่าไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่
ตัวอย่างของการผ่าตัดได้แก่
- การใช้วิธีรักษา Endoscopic mucosal resection การรักษาประเภทนี้ศัลยแพทย์จะใช้กล้องที่มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็กตรงปลายมีลักษณะโค้งงอได้ เรียกว่า เอ็นโดสโคป (endoscope) สอดเข้าไปเพื่อทำลายเชื้อมะเร็งที่อยู่บนชั้นเนื้อเมือก โดยปกติแพทย์จะเเนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีนี้เมื่อพบเจอมะเร็งในระยะเเรกซึ่งเชื้อมะเร็งยังไม่เเพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
- การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วนเป็นการผ่าตัดเพื่อนำส่วนที่เป็นมะเร็งออกจากกระเพาะอาหาร
- การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด ศัลยเเพทย์จะทำการผ่าตัดเเละนำกระเพาะอาหารส่วนที่เป็นมะเร็งออกทั้งหมด
การผ่าตัดที่ท้องเป็นกระบวนการผ่าตัดที่สำคัญซึ่งผู้ป่วยต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นฟูร่างกาย โดยส่วนใหญ่เเล้วหลังจากการผ่าตัดผู้ป่วยต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลอีก 2 อาทิตย์และต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านอีกหลายสัปดาห์
การรักษาด้วยการฉายบำบัด
การรักษาด้วยการฉายเเสงบำบัดผู้เชี่ยวชาญจะใช้รังสีฉายไปที่เป้าหมายเซลล์มะเร็งเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งบริเวณนั้น โดยปกติการรักษาประเภทนี้ไม่เเนะนำให้ใช้รักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเพราะจะทำให้อวัยวะที่อยู่รอบๆกระเพาะเกิดความเสียหายได้
อย่างไรก็ตามหากโรคมะเร็งอยู่ในระยะที่รุนเเรงเเล้วหรือมีอาการหลายอย่างเกิดขึ้นเช่นมีเลือดออกหรืออาการเจ็บปวดอย่างรุนเเรง การรักษาด้วยการฉายรังสีเป็นทางเลือกที่ดี
ทีมแพทย์ผู้รักษาจะทำการรักษาด้วยการฉายรังสีเเละทำเคมีบำบัดร่วมกันก่อรการผ่าตัดเพื่อทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็กลงจึงทำให้สามารถผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งออกไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เเพทย์อาจจะใช้การฉายรังสีรักษามะเร็งหลังจากการผ่าตัดเพื่อฆ่าเชื้อมะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่รอบๆกระเพาะอาหาร
ผู้อาจจะมีอาการอาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียนและท้องเสียได้ซึ่งเป็นผลมาจากการทำรังสีบำบัด
การรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด
การรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัดเป็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ยาเพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งเพื่อทำให้เซลล์มะเร็งไม่เกิดการแบ่งตัวเเละเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยยาที่ใช้คือยาเคมีบำบัด cytotoxic เป็นหลักสำหรับรักษาโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารที่ได้กระจายไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายเเล้ว
ยาเคมีบำบัดที่เข้าไปในร่างกายจะแพร่กระจายไปยังส่วนต่างของร่างกายผู้ป่วยเเละทำลายเซลล์มะเร็งบริเวณที่เป็นอวัยวะเป้าหมายและจากนั้นยากระจายไปทำลายเซลล์มะเร็งที่อื่นๆเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่แพร่ออกไป
สำหรับการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหารทีมเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้การรักษาด้วยเคมีบำบัดเพื่อทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งเล็กลงก่อนการผ่าตัดหรือใช้เคมีบำบัดเพื่อฆ่าเชื้อมะเร็งที่เหลือหลังจากการผ่าตัด
การให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง
การรักษาด้วยการให้ยาเจาะจงที่เซลล์มะเร็งเป็นการใช้ยาจู่โจมที่สารโปรตีนเฉพาะที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็ง ในขณะทีการรักษาด้วยเคมีบำบัดเป็นการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเซลล์แบ่งตัวขึ้นมากเกินไป ซึ่งการให้ยาเจาะจงที่เซลล์มะเร็งมีลักษณะการให้ยาที่แตกต่างกัน
การรักษาด้วยยาจะลดจำนวนของเซลล์ที่มีสุขภาพดีที่ยาเคมีบำบัดได้ทำลายไป
ทีมรักษาโรคมะเร็งจะใช้การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะ 2 แบบผ่าการบริหารยาทางหลอดเลือดดำ
- ยาเคมีบำบัด Trastuzumab (Herceptin) เป้าหมายของยานี้คือ HER2 เป็นโปรตีนที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตขึ้นซึ่งมะเร็งในกระเพาะอาหารเกิดจากการมีโปรตีนชนิด HER2 มากเกินไป
- ยารักษาโรคมะเร็ง Ramucirumab (Cyramza) ยาชนิดนี้จะเข้าไปทำลายเเละขัดขวางการทำงานของโปรตีนที่ชื่อว่า VEGF ที่ทำให้ร่างกายผลิตหลอดเลือดขึ้นมาใหม่เพื่อหล่อเลี้ยงก้อนเนื้อมะเร็งให้เติบโตขึ้น
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นวิธีการรักษาที่ใช้ยาเพื่อทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อโจมตีเซลล์มะเร็ง
ผู้ที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารขั้นรุนเเรงและเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา 2 ประเภทหรือมากกว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ได้การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
การวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
ผู้ที่มีอาการของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นเวลานานควรไปพบเเพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากผู้ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายอาจจะทำให้การรักษานั้นเป็นไปได้ยาก
แพทย์จะทำการวินิจฉัยผู้ป่วยด้วยการสอบถามประวัติครอบครัวของผู้ป่วยและประวัติการรักษาโรครวมไปถึงการใช้ชีวิตเช่นถามว่าพวกเขาทานอะไรเป็นประจำ ดื่มแอลกอฮอลหรือไม่และสูบบุหรี่หรือเปล่า นอกจากนี้ผู้ป่วยยังจะได้รับการตรวจที่ท้องเพื่อดูว่าท้องมีความอ่อนนุ่มหรือแข็งตึง
นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถตรวจเลือดเพื่อค้นหาสารที่เกิดขึ้นมากเกินไปซึ่งเป็นบ่งบอกถึงเชื้อมะเร็งในเลือดได้ ทั้งนี้แพทย์สามารถนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดเเดงหรือเซลล์เม็ดเลือดขาวรวมไปถึงจำนวนของเกล็ดเลือดเเละฮีโมโกลบีน
หากแพทย์ตรวจวินิจฉัยพบโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร แพทย์จะเเนะนำให้ผู้ป่วยไปพบผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารเพื่อทำการตรวจร่างกายหาเซลล์มะเร็งซึ่งเรียกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร
การวินิจฉัยด้วยการวัดค่าต่างๆมีดังต่อไปนี้
การตรวจส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้น
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้กล้อง endoscope เพื่อส่องดูความผิดปกติภายในช่องท้องโดยพวกเขาจะตรวจสอบที่หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
ถ้าหากแพทย์ตรวจพบเชื้อมะเร็ง แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อที่ส่วนต่างๆเพื่อส่งตรวจที่ห้องทดลองเพื่อทำการวิเคราะห์
การตรวจด้วยวิธีทำ CT Scan
การทำ CT Scan เป็นวิธีตรวจร่างกายด้วยการมองภาพของร่างกายทุกส่วนและทุกด้านของร่างกาย
ก่อนการทำ CT scan แพทย์จะฉีดยาย้อมสีเซลล์ให้กับผู้ป่วยหรือให้ผู้ป่วยกลืนสารย้อมสีเซลล์ ซึ่งสารยอมสีเซลล์นี้ทำให้การตรวจร่างกายเห็นภาพบริเวณที่เกิดการติดเชื้อมนร่างกายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การตรวจหลอดอาหาร
แพทย์จะให้ผู้ป่วยกลืนสารทึบเเสงที่มีแป้งแบเรียม (Barium) อยู่เพื่อดูความผิดปกติของหลอดอาหารเเละกระเพาะอาหารซึ่งการตรวจทางเดินอาหารด้วยวิธีนี้สามารถบ่งบอกความผิดปกติที่เกิดในกระเพาะอาหารระหว่างทำการเอ็กซเรย์ได้ ซึ่งแพทย์รังสีวิทยาจะทำการเอ็กซเรย์ที่หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/stomach-cancer/symptoms-causes/syc-20352438
- https://www.cancer.org/cancer/stomach-cancer.html
- https://www.webmd.com/cancer/stomach-gastric-cancer#1
- https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/cancer/cancer-types-in-adults/stomach-cancer
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก