โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) : อาการ สาเหตุ การรักษา

15.05
4397
0

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า(Trigeminal Neuralgia) เป็นอาการที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้าแบบเฉียบพลันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าส่วนล่าง กราม และบริเวณรอบจมูก หู ตา หรือริมฝีปาก

โรคนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า tic douloureaux นับเป็นอาการของโรคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

โรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท คืออาการปวดอย่างรุนแรงตามแนวของเส้นประสาท เกิดเนื่องจากการระคายเคือง หรือความเสียหายของเส้นประสาท โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าคือความผิดปกติที่เกิดต่อเส้นประสาทไตรเจมินัล ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบริเวณศีรษะ

สาเหตุของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

สาเหตุหลักของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าคือเส้นเลือดกดทับบริเวณรากของเส้นประสาทไตรเจมินัล

การกดทับนี้ทำให้เส้นประสาทส่งสัญญาณความเจ็บปวดให้รู้สึกเหมือนเกิดอาการปวดเสียด การกดทับเส้นประสาทนี้อาจเกิดจากเนื้องอก หรือเส้นโลหิตตีบ (MS) ได้ด้วย

สาเหตุอื่น ๆ อาจรวมถึง:

  • เส้นโลหิตตีบหลายเส้น: เกิดการสลายของปลอกเส้นประสาท โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามักปรากฏในโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อมระยะลุกลาม
  • เนื้องอกกดทับเส้นประสาทไตรเจมินัล: นับเป็นสาเหตุที่หายาก
  • ความเสียหายทางกายภาพของเส้นประสาท: อาจเป็นผลมาจากการบาดเจ็บจากการทันตกรรม หรือการผ่าตัด หรือการติดเชื้อ
  • ประวัติครอบครัว: รูปแบบของหลอดเลือดเป็นลักษณะทางพันธุกรรม

แต่บางครั้งก็ไม่สามารถระบุสาเหตุได้

การวินิจฉัยโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

อาการของผู้ป่วยที่บ่งบอกถึงโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า แพทย์จะตรวจสอบใบหน้าเพิ่มเติมเพื่อระบุบริเวณที่ได้รับผลกระทบของโรค

การสแกนภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) จะช่วยแยกอาการอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน เช่น ฟันผุ เนื้องอก หรือไซนัสอักเสบ แต่ MRI ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอาการที่เส้นประสาทได้

อาการของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้:

  • อาการปวดเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่มีเป็นระยะ ๆ  แต่ละครั้งใช้เวลาไม่กี่วินาทีถึงหลายนาที
  • ในช่วงที่อาการกำเริบรุนแรง ความเจ็บปวดอาจรุนแรงจนรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
  • ความเจ็บปวดมักเกิดเมื่อได้รับสิ่งเร้าที่มักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับคนทั่วไป เช่น การสัมผัสใบหน้า การเคี้ยวอาหาร การพูด หรือการแปรงฟัน
  • อาการเจ็บปวดแต่ละครั้งจะนานประมาณ 2 ถึง 3 วินาที หรือ 2 ถึง 3 นาที
  • แม้ว่าอาการจากโรคจะนานขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงที่ไม่เกิดอาการของโรค ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
  • อาการเจ็บปวดจะเกิดได้ทุกที่ตามเส้นประสาทไทรเจมินัล และกิ่งก้านของเส้นประสาท ซึ่งคือบริเวณหน้าผาก ตา ริมฝีปาก เหงือก ฟัน กราม และแก้ม
  • อาการปวดเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า หรืออาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะพบได้น้อยกว่า
  • ความเจ็บปวดจะเน้นที่จุดเดียว หรือแพร่กระจายในกว้างขึ้นได้
  • อาการเจ็บปวดจะเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
  • ผู้ป่วยจะรู้สึกเสียวซ่า หรือชาที่ใบหน้าก่อนเกิดอาการปวด

ความเจ็บปวดของโรคอาจเกิดขึ้นได้หลายร้อยครั้งในแต่ละวันในกรณีที่รุนแรง แต่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการเลยเป็นเวลาหลายเดือน หรือหลายปีก็ได้

ผู้ป่วยบางรายจะมีจุดเร้าโดยเฉพาะบนใบหน้าที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดทันทีที่ถูกสัมผัส

บริเวณที่เกิดอาการปวด จะกระจายตามเส้นประสาทไตรเจมินัล 3 แขนงได้แก่:

บริเวณดวงตา: เกิดอาการบริเวณหน้าผาก จมูก และตา

ขากรรไกรส่วนบน: เกิดอาการบริเวณเปลือกตาด้านล่าง ด้านข้างจมูก แก้ม เหงือก ริมฝีปาก และฟันบน

ขากรรไกรส่วนล่าง: เกิดอาการบริเวณขากรรไกร ฟันล่าง เหงือก และริมฝีปากล่าง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจเกิดอาการได้มากกว่าแขนงประสาท 1 แห่ง

Trigeminal Neuralgia

อาการของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคระบบประสาท ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการปวดแสบ ปวดร้อน เป็นตะคริว หรือเจ็บเหมือนถูกแทงด้วยของมีคม

อาการอาจเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าอันเป็นตำแหน่งของเส้นประสาทไตรเจมินัล และสามารถลุกลามไปที่ลำคอส่วนบน หรือด้านหลังของศีรษะ ความเจ็บปวดสามารถรุนแรงขึ้น จากอาการปวดเพียงเล็กน้อย เป็นอาการปวดแสบปวดร้อน

ความผิดปกติของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ายากต่อการวินิจฉัย

การรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

การรักษาที่ใช้กัยทั่วไปสำหรับโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ได้แก่ การรักษาด้วยยา และการผ่าตัดรักษาตามอาการ

การรักษาด้วยยา

การใช้ยารักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจมีประสิทธิผลลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป

นอกจากนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งหากเกิดกรณีกังกล่าวการผ่าตัดอาจเป็นหนทางรักษาที่ดีที่สุด

ยากันชัก

ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลไม่สามารถบรรเทาอาการปวดของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ แพทย์จะใช้ยากันชักรักษาอาการ เพราะนอกจากยาจะใช้ป้องกันอาการชักแล้ว ยังสามารถลด หรือหยุดสัญญาณความเจ็บปวดที่ส่งไปยังสมองได้ แพทย์จึงใช้เพื่อทำให้กระแสประสาทสงบลง

ยากันชักที่พบบ่อยที่สุดสำหรับโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ได้แก่ :

  • คาร์บามาซีพีน (Tegretol, Carbatrol, Epitol)
  • ฟีนิโทอิน (Dilantin)
  • กาบาเพนติน (Neurontin)
  • โทปิราเมต (Topamax)
  • กรด valproic (Depakene, Depakote)
  • ลาโมทริกซีน (Lamictal)

บางครั้งยากันชักอาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเวลาผ่านไป  หากประสิทธิภาพของยาลดลง แพทย์อาจเพิ่มปริมาณหรือเปลี่ยนชนิดของยากันชักได้

ผลข้างเคียงของยากันชัก ได้แก่ :

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้ยา และควรปรึกษาแพทย์เมื่อเกิดอาการแพ้ทันที

ยาคลายกล้ามเนื้อ

Baclofen เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่สามารถกำหนดใช้เพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับยากันชักเพื่อรักษาอาการ แต่มีผลข้างเคียงคือคลื่นไส้ ง่วงนอน และสับสน

การฉีดแอลกอฮอล์บริสุทธิ์

วิธีรักษานี้จะทำให้รู้สึกชาบริเวณที่เกิดอาการบริเวณใบหน้า และสามารถบรรเทาอาการปวดไ้ด้ชั่วคราว แพทย์จะฉีดแอลกอฮอล์เข้าไปในบริเวณที่รู้สึกเจ็บปวด ผู้ป่วยอาจต้องฉีดยาเรื่อย ๆ หรือใช้วิธีรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขอาการแบบถาวร

การรักษาด้วยการผ่าตัด

การผ่าตัดโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีวัตถุประสงค์เพื่อ:

  • หยุดเส้นเลือดหรือหลอดเลือดแดงจากการกดทับเส้นประสาทไตรเจมินัล
  • หยุดการทำงานของเส้นประสาทไตรเจมินัล เพื่อให้สัญญาณความเจ็บปวดที่ไม่สามารถควบคุมได้หยุดลง

การทำลายเส้นประสาทอาจนำไปสู่อาการชาใบหน้าแบบชั่วคราวหรือถาวร การผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาได้ แต่อาการอาจกลับมาเป็นได้อีกเมื่อผ่านไปหลายเดือน หรือหลายปี

ตัวเลือกการผ่าตัด สำหรับรักษาโรคประสาทไตรเจมินัล

  • การทำจุลศัลยกรรม : Microvascular Decompression (MVD) เป็นการผ่าตัดเพื่อย้ายหรือถอดเส้นเลือดที่กดทับรากของเส้นประสาทไตรเจมินัล
  • ศัลยแพทย์จะผ่าเป็นแผลเล็ก ๆ หลังใบหูที่ด้านข้างของศีรษะใกล้กับตำแหน่งที่ปวด เกิดรูเล็ก ๆ ที่กะโหลกศีรษะ และสมองจะยกขึ้นเผยให้เห็นเส้นประสาทไตรเจมินัล เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างหลอดเลือดและเส้นประสาท
  • MVD มีประสิทธิภาพในการขจัดหรือลดความเจ็บปวด แต่บางครั้งความเจ็บปวดอาจกลับคืนมา และมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะสูญเสียการได้ยิน เกิดความอ่อนแอบนใบหน้า อาการชาบนใบหน้า และเห็นภาพซ้อน ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน
  • การผ่าตัดไรเซอรอลกลีเซอรอล : การตัดต่อไรเซอรอลกลีเซอรอล (PGR) จะใช้เข็มสอดผ่านใบหน้า และเข้าไปในช่องที่ฐานของกะโหลกศีรษะ จากนั้นฉีดกลีเซอรอลที่จุดเชื่อมต่อของเส้นประสาทไตรเจมินัลทั้งสามแขนง เพื่อทำให้เส้นประสาทไทรเจมินัลเสียหาย และสัญญาณความเจ็บปวดจะถูกปิดกั้นลง วิธีนี้สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่อาการปวดอาจเป็นซ้ำได้ในภายหลัง  ผู้ป่วยหลายคนอาจเสียวซ่าที่ใบหน้า หรือมีอาการชา
  • การทำบอลลูนของเส้นประสาทไทรเจมินัล : บอลลูนจะถูกส่งด้วยเข็มกลวงไปที่เส้นประสาท เพื่อทำลายเส้นประสาทและหยุดสัญญาณความเจ็บปวด ขั้นตอนนี้มักทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ผล ความเจ็บปวดอาจกลับมา ผู้ป่วยมักมีอาการชาบนใบหน้า และมากกว่าครึ่งเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงขณะเคี้ยว อาจเป็นชั่วคราวหรือถาวร
  • การผ่าตัดด้วยคลื่นไฟฟ้า คลื่นวิทยุ และคลื่นความร้อน : กระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเส้นใยประสาทที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด แต่การรักษาวิธีนี้มักทำให้เกิดอาการชาที่ใบหน้า
  • การผ่าตัด rhizotomy : แพทย์จะเจาะรูเล็ก ๆ ในกะโหลกศีรษะเพื่อตัดเส้นประสาท แต่มีผลข้างเคียงคือผู้ป่วยจะมีอาการชาที่ใบหน้าอย่างถาวร บางครั้งหมออาจทำลายเส้นประสาทแทนการตัดออก
  • การผ่าตัดด้วยรังสีแกมมา : การฉายรังสีปริมาณสูงไปที่รากของเส้นประสาทไตรเจมินัล ทำให้เส้นประสาทถูกทำลายและลดความเจ็บปวด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *