โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า(Trigeminal Neuralgia) เป็นอาการที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้าแบบเฉียบพลันโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าส่วนล่าง กราม และบริเวณรอบจมูก หู ตา หรือริมฝีปาก
โรคนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า tic douloureaux นับเป็นอาการของโรคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
โรคที่เกี่ยวกับเส้นประสาท คืออาการปวดอย่างรุนแรงตามแนวของเส้นประสาท เกิดเนื่องจากการระคายเคือง หรือความเสียหายของเส้นประสาท โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าคือความผิดปกติที่เกิดต่อเส้นประสาทไตรเจมินัล ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบริเวณศีรษะ
สาเหตุของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
สาเหตุหลักของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าคือเส้นเลือดกดทับบริเวณรากของเส้นประสาทไตรเจมินัล
การกดทับนี้ทำให้เส้นประสาทส่งสัญญาณความเจ็บปวดให้รู้สึกเหมือนเกิดอาการปวดเสียด การกดทับเส้นประสาทนี้อาจเกิดจากเนื้องอก หรือเส้นโลหิตตีบ (MS) ได้ด้วย
สาเหตุอื่น ๆ อาจรวมถึง:
- เส้นโลหิตตีบหลายเส้น: เกิดการสลายของปลอกเส้นประสาท โรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามักปรากฏในโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อมระยะลุกลาม
- เนื้องอกกดทับเส้นประสาทไตรเจมินัล: นับเป็นสาเหตุที่หายาก
- ความเสียหายทางกายภาพของเส้นประสาท: อาจเป็นผลมาจากการบาดเจ็บจากการทันตกรรม หรือการผ่าตัด หรือการติดเชื้อ
- ประวัติครอบครัว: รูปแบบของหลอดเลือดเป็นลักษณะทางพันธุกรรม
แต่บางครั้งก็ไม่สามารถระบุสาเหตุได้
การวินิจฉัยโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
อาการของผู้ป่วยที่บ่งบอกถึงโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า แพทย์จะตรวจสอบใบหน้าเพิ่มเติมเพื่อระบุบริเวณที่ได้รับผลกระทบของโรค
การสแกนภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) จะช่วยแยกอาการอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน เช่น ฟันผุ เนื้องอก หรือไซนัสอักเสบ แต่ MRI ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอาการที่เส้นประสาทได้
อาการของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้:
- อาการปวดเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่มีเป็นระยะ ๆ แต่ละครั้งใช้เวลาไม่กี่วินาทีถึงหลายนาที
- ในช่วงที่อาการกำเริบรุนแรง ความเจ็บปวดอาจรุนแรงจนรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
- ความเจ็บปวดมักเกิดเมื่อได้รับสิ่งเร้าที่มักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับคนทั่วไป เช่น การสัมผัสใบหน้า การเคี้ยวอาหาร การพูด หรือการแปรงฟัน
- อาการเจ็บปวดแต่ละครั้งจะนานประมาณ 2 ถึง 3 วินาที หรือ 2 ถึง 3 นาที
- แม้ว่าอาการจากโรคจะนานขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในช่วงที่ไม่เกิดอาการของโรค ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
- อาการเจ็บปวดจะเกิดได้ทุกที่ตามเส้นประสาทไทรเจมินัล และกิ่งก้านของเส้นประสาท ซึ่งคือบริเวณหน้าผาก ตา ริมฝีปาก เหงือก ฟัน กราม และแก้ม
- อาการปวดเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า หรืออาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะพบได้น้อยกว่า
- ความเจ็บปวดจะเน้นที่จุดเดียว หรือแพร่กระจายในกว้างขึ้นได้
- อาการเจ็บปวดจะเกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง และรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
- ผู้ป่วยจะรู้สึกเสียวซ่า หรือชาที่ใบหน้าก่อนเกิดอาการปวด
ความเจ็บปวดของโรคอาจเกิดขึ้นได้หลายร้อยครั้งในแต่ละวันในกรณีที่รุนแรง แต่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการเลยเป็นเวลาหลายเดือน หรือหลายปีก็ได้
ผู้ป่วยบางรายจะมีจุดเร้าโดยเฉพาะบนใบหน้าที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดทันทีที่ถูกสัมผัส
บริเวณที่เกิดอาการปวด จะกระจายตามเส้นประสาทไตรเจมินัล 3 แขนงได้แก่:
บริเวณดวงตา: เกิดอาการบริเวณหน้าผาก จมูก และตา
ขากรรไกรส่วนบน: เกิดอาการบริเวณเปลือกตาด้านล่าง ด้านข้างจมูก แก้ม เหงือก ริมฝีปาก และฟันบน
ขากรรไกรส่วนล่าง: เกิดอาการบริเวณขากรรไกร ฟันล่าง เหงือก และริมฝีปากล่าง
โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจเกิดอาการได้มากกว่าแขนงประสาท 1 แห่ง
อาการของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าเป็นรูปแบบหนึ่งของโรคระบบประสาท ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการปวดแสบ ปวดร้อน เป็นตะคริว หรือเจ็บเหมือนถูกแทงด้วยของมีคม
อาการอาจเกิดขึ้นที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าอันเป็นตำแหน่งของเส้นประสาทไตรเจมินัล และสามารถลุกลามไปที่ลำคอส่วนบน หรือด้านหลังของศีรษะ ความเจ็บปวดสามารถรุนแรงขึ้น จากอาการปวดเพียงเล็กน้อย เป็นอาการปวดแสบปวดร้อน
ความผิดปกติของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ายากต่อการวินิจฉัย
การรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า
การรักษาที่ใช้กัยทั่วไปสำหรับโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ได้แก่ การรักษาด้วยยา และการผ่าตัดรักษาตามอาการ
การรักษาด้วยยา
การใช้ยารักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจมีประสิทธิผลลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป
นอกจากนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งหากเกิดกรณีกังกล่าวการผ่าตัดอาจเป็นหนทางรักษาที่ดีที่สุด
ยากันชัก
ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลไม่สามารถบรรเทาอาการปวดของโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ แพทย์จะใช้ยากันชักรักษาอาการ เพราะนอกจากยาจะใช้ป้องกันอาการชักแล้ว ยังสามารถลด หรือหยุดสัญญาณความเจ็บปวดที่ส่งไปยังสมองได้ แพทย์จึงใช้เพื่อทำให้กระแสประสาทสงบลง
ยากันชักที่พบบ่อยที่สุดสำหรับโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ได้แก่ :
- คาร์บามาซีพีน (Tegretol, Carbatrol, Epitol)
- ฟีนิโทอิน (Dilantin)
- กาบาเพนติน (Neurontin)
- โทปิราเมต (Topamax)
- กรด valproic (Depakene, Depakote)
- ลาโมทริกซีน (Lamictal)
บางครั้งยากันชักอาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเวลาผ่านไป หากประสิทธิภาพของยาลดลง แพทย์อาจเพิ่มปริมาณหรือเปลี่ยนชนิดของยากันชักได้
ผลข้างเคียงของยากันชัก ได้แก่ :
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีอาการแพ้ยา และควรปรึกษาแพทย์เมื่อเกิดอาการแพ้ทันที
ยาคลายกล้ามเนื้อ
Baclofen เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่สามารถกำหนดใช้เพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับยากันชักเพื่อรักษาอาการ แต่มีผลข้างเคียงคือคลื่นไส้ ง่วงนอน และสับสน
การฉีดแอลกอฮอล์บริสุทธิ์
วิธีรักษานี้จะทำให้รู้สึกชาบริเวณที่เกิดอาการบริเวณใบหน้า และสามารถบรรเทาอาการปวดไ้ด้ชั่วคราว แพทย์จะฉีดแอลกอฮอล์เข้าไปในบริเวณที่รู้สึกเจ็บปวด ผู้ป่วยอาจต้องฉีดยาเรื่อย ๆ หรือใช้วิธีรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขอาการแบบถาวร
การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีวัตถุประสงค์เพื่อ:
- หยุดเส้นเลือดหรือหลอดเลือดแดงจากการกดทับเส้นประสาทไตรเจมินัล
- หยุดการทำงานของเส้นประสาทไตรเจมินัล เพื่อให้สัญญาณความเจ็บปวดที่ไม่สามารถควบคุมได้หยุดลง
การทำลายเส้นประสาทอาจนำไปสู่อาการชาใบหน้าแบบชั่วคราวหรือถาวร การผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาได้ แต่อาการอาจกลับมาเป็นได้อีกเมื่อผ่านไปหลายเดือน หรือหลายปี
ตัวเลือกการผ่าตัด สำหรับรักษาโรคประสาทไตรเจมินัล
- การทำจุลศัลยกรรม : Microvascular Decompression (MVD) เป็นการผ่าตัดเพื่อย้ายหรือถอดเส้นเลือดที่กดทับรากของเส้นประสาทไตรเจมินัล
- ศัลยแพทย์จะผ่าเป็นแผลเล็ก ๆ หลังใบหูที่ด้านข้างของศีรษะใกล้กับตำแหน่งที่ปวด เกิดรูเล็ก ๆ ที่กะโหลกศีรษะ และสมองจะยกขึ้นเผยให้เห็นเส้นประสาทไตรเจมินัล เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างหลอดเลือดและเส้นประสาท
- MVD มีประสิทธิภาพในการขจัดหรือลดความเจ็บปวด แต่บางครั้งความเจ็บปวดอาจกลับคืนมา และมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะสูญเสียการได้ยิน เกิดความอ่อนแอบนใบหน้า อาการชาบนใบหน้า และเห็นภาพซ้อน ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน
- การผ่าตัดไรเซอรอลกลีเซอรอล : การตัดต่อไรเซอรอลกลีเซอรอล (PGR) จะใช้เข็มสอดผ่านใบหน้า และเข้าไปในช่องที่ฐานของกะโหลกศีรษะ จากนั้นฉีดกลีเซอรอลที่จุดเชื่อมต่อของเส้นประสาทไตรเจมินัลทั้งสามแขนง เพื่อทำให้เส้นประสาทไทรเจมินัลเสียหาย และสัญญาณความเจ็บปวดจะถูกปิดกั้นลง วิธีนี้สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่อาการปวดอาจเป็นซ้ำได้ในภายหลัง ผู้ป่วยหลายคนอาจเสียวซ่าที่ใบหน้า หรือมีอาการชา
- การทำบอลลูนของเส้นประสาทไทรเจมินัล : บอลลูนจะถูกส่งด้วยเข็มกลวงไปที่เส้นประสาท เพื่อทำลายเส้นประสาทและหยุดสัญญาณความเจ็บปวด ขั้นตอนนี้มักทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ผล ความเจ็บปวดอาจกลับมา ผู้ป่วยมักมีอาการชาบนใบหน้า และมากกว่าครึ่งเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงขณะเคี้ยว อาจเป็นชั่วคราวหรือถาวร
- การผ่าตัดด้วยคลื่นไฟฟ้า คลื่นวิทยุ และคลื่นความร้อน : กระแสไฟฟ้าเพื่อทำลายเส้นใยประสาทที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด แต่การรักษาวิธีนี้มักทำให้เกิดอาการชาที่ใบหน้า
- การผ่าตัด rhizotomy : แพทย์จะเจาะรูเล็ก ๆ ในกะโหลกศีรษะเพื่อตัดเส้นประสาท แต่มีผลข้างเคียงคือผู้ป่วยจะมีอาการชาที่ใบหน้าอย่างถาวร บางครั้งหมออาจทำลายเส้นประสาทแทนการตัดออก
- การผ่าตัดด้วยรังสีแกมมา : การฉายรังสีปริมาณสูงไปที่รากของเส้นประสาทไตรเจมินัล ทำให้เส้นประสาทถูกทำลายและลดความเจ็บปวด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/trigeminal-neuralgia/symptoms-causes/syc-20353344#:~:text=Trigeminal%20neuralgia%20is%20a%20chronic,a%20jolt%20of%20excruciating%20pain.
- https://www.nhs.uk/conditions/trigeminal-neuralgia/
- https://www.ninds.nih.gov/Disorders/Patient-Caregiver-Education/Fact-Sheets/Trigeminal-Neuralgia-Fact-Sheet
- https://www.healthline.com/health/trigeminal-neuralgia
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก