บาดแผลติดเชื้อ (Wound Infection) คือ การที่แบคทีเรียเจริญเติบโตภายในผิวหนังที่เกิดบาดแผล อาการต่าง ๆ ได้แก่ การปวด บวม และแดงที่เพิ่มมากขึ้น การติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นสามารถส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ หนาวสั่น หรือมีไข้
ผู้ที่มีบาดแผลติดเชื้อรุนแรง หรืออาการติดเชื้อที่ไม่หายไป ควรรีบไปพบแพทย์
อาการของแผลติดเชื้อ
ผู้ที่เป็นบาดแผลติดเชื้อเพียงเล็กน้อย สามารถรักษาบาดแผลเล็ก ๆ ได้เองอย่างปลอดภัย ตัวอย่างเช่น แผลจากรอยขีดข่วนเล็กๆ
อย่างไรก็ตามถ้าหากบาดแผลติดเชื้อไม่ดีขึ้น รวมทั้งเกิดอาการปวดแดง และบวมรุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
บาดแผลติดเชื้อสามารถทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- มีน้ำหนองไหลออกมาจากแผล
- แผลมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ผิวหนังรอบ ๆ มีแผลเป็นรอยแดง
- มีไข้ และหนาวสั่น
- ปวดเมื่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน
การรักษาแผลติดเชื้อ
แพทย์จะรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียด้วยยาปฏิชีวนะ การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการรักษาการติดเชื้อ และเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกิดการดื้อยา
นอกจากการทำความสะอาดแล้ว หากแผลมีขนาดใหญ่อาจจำเป็นต้องได้รับการเย็บแผล หรือการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม
หากบาดแผลมีเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว หรือเกิดการปนเปื้อน แพทย์จะนำส่วนนั้นออก เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ
หากได้รับบาดเจ็บจากการถูกสัตว์เลี้ยงกัด หรือเป็นแผลจากสิ่งสกปรก รวมทั้งสนิม จำเป็นจะต้องได้รับการฉีดยาบาดทะยักเพิ่มเติม
การรักษาบาดแผลติดเชื้อด้วยตนเอง
ผู้ที่มีการติดเชื้อเล็กน้อย หรือมีแผลขนาดเล็กอาจจะรักษาบาดแผลที่บ้านได้ อย่างไรก็ตามบาดแผลที่ติดเชื้อรุนแรงนั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น มีไข้ รู้สึกไม่สบาย หรือมีน้ำมูกไหล หรือรอบๆ แผลมีรอยแดง
การรักษาบาดแผลที่ติดเชื้อที่บ้านควรทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
- ตรวจสอบความสะอาดของอุปกรณ์ทำแผลก่อนใช้งาน ควรล้างแอลกอฮอล์
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือน้ำอุ่น จากนั้นเช็ดมือให้แห้ง
3.ทำความสะอาดผิวโดยรอบด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำสบู่อุ่น โดยระวังอย่าให้สบู่โดนแผล
- ทำความสะอาดแผลด้วยสำลีหรือผ้าหมาดๆ เพื่อนำสิ่งสกปรกออกให้หมด
- การทาครีมฆ่าเชื้อ หรือเจลรักษาควรทาบางๆ
- ปล่อยให้ผิวหนังแห้ง จากนั้นปิดด้วยผ้าพันแผล
เคล็ดลับอื่น ๆ ในการรักษาบาดแผลด้วยตนเองมีดังนี้
- เปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และเปลี่ยนทันทีหากผ้าปิดแผลชื้น หรือสกปรก
- ทำความสะอาดแผลทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือไอโอดีนกับแผล เพราะจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองและควรหยุดใช้ครีมชนิดทาเพื่อฆ่าเชื้อหากทาแล้วทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง
- หากบาดแผลไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 วันควรไปพบแพทย์
วิธีการรักษาบาดแผลติดเชื้อ
ล้างแผลทันทีเมื่อได้รับบาดเจ็บ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การทำความสะอาดบาดแผลสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ เมื่อเกิดบาดแผลแล้วควรทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ล้างแผลทันทีโดยใช้น้ำสะอาดล้างผ่านเป็นเวลาหลายนาที จากนั้นทำความสะอาดผิวรอบ ๆ แผลด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ หากไม่สามารถใช้น้ำสะอาดได้ให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดแผลแทน
- ปล่อยให้แผลแห้ง
- ทาครีมฆ่าเชื้อบางๆ ที่แผล
- ปิดแผลด้วยผ้าพันแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือได้รับบาดเจ็บ
สำหรับผู้ที่มีบาดแผลขนาดใหญ่หรือเลือดออกมาก แพทย์สามารถรักษาอาการบาดเจ็บโดยการทำความสะอาดแผล และให้ยาปฎิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
ผู้ที่ได้รับแผลจากสัตว์เลี้ยงกัดหรือควร รวมทั้งแผลจากสิ่งสกปรกหรือสนิม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แพทย์จะทำความสะอาดบาดแผลให้กับผู้ป่วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อบาดทะยัก
บาดทะยักเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีแบคทีเรียบางชนิดเข้าสู่ร่างกายและปล่อยสารพิษที่มีผลต่อเส้นประสาท อาจก่อให้เกิดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้มีอาการเจ็บแผลและมีไข้
ปัจจัยเสี่ยงต่อแผลติดเชื้อ
บาดแผล และรอยแตกอื่น ๆ ในผิวหนัง สามารถติดเชื้อได้ เมื่อแบคทีเรียเข้าสู่บาดแผล และเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียมากขึ้น จะทำให้ผิวหนังโดยรอบได้รับผลกระทบ
สิ่งสำคัญ คือ ต้องทำความสะอาดบาดแผลอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
ความเสี่ยงของการติดเชื้อที่แผลจะสูงขึ้นในกรณีต่อไปนี้
- แผลมีขนาดใหญ่ ลึก หรือขรุขระ
- สิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในบาดแผล
- สัตว์เลี้ยงกัดจนเกิดบาดแผล
- ได้รับบาดแผลจากวัตถุสกปรก หรือเป็นสนิม
ปัญหาสุขภาพที่อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผล
- โรคเบาหวาน
- เลือดไหลเวียนไม่ดี
- ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ในผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ป่วยติดเตียง
- อายุที่มากขึ้น
- การขาดสารอาหาร และวิตามิน
แผลติดเชื้อที่ควรพบแพทย์
ผู้ที่มีบาดแผลควรไปพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการต่อไปนี้
- แผลมีขนาดใหญ่ลึกหรือขรุขระ
- ขอบของแผลไม่เปิดกว้างไม่ติดกัน
- มีไข้ หรือมีหนองไหลออกมาจากแผล
- ไม่สามารถทำความสะอาดแผลได้
- ได้รับบาดแผลจากการกัดของสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งสกปรกหรือมีสนิม
- เหลือดไหลออกจากแผลไม่หยุด
ภาวะแทรกซ้อน
หากการรักษาบาดแผลที่ติดเชื้อไม่ทันเวลา อาจจะแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ และส่งผลจากการติดเชื้อดังต่อไปนี้
เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ (Cellulitis) เป็นการติดเชื้อในชั้นลึก และในเนื้อเยื่อของผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบวมแดง เจ็บปวดในบริเวณนั้น รวมถึงมีอาการอื่น ๆ ได้แก่ มีไข้ เวียนศีรษะคลื่นไส้ และอาเจียน
กระดูกอักเสบ เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียในกระดูกและมีอาการต่างๆ ได้แก่ ปวด บวมแดงบริเวณที่ติดเชื้อ อ่อนเพลีย และมีไข้
ภาวะเลือดเป็นพิษ (Sepsis) เป็นปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่รุนแรง บางครั้งอาจเกิดขึ้นเมื่อการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด การติดเชื้อแบคทีเรียสามารถนำไปสู่อันตรายถึงชีวิต
โรคเนื้อเน่า (Necrotizing fasciitis) เป็นภาวะที่พบได้ยาก เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อติดเชื้อแบคทีเรียในชั้นลึกลงไป ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และถือว่าเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์
ภาพรวม
บาดแผลที่ติดเชื้อเกิดจากการที่แบคทีเรียเข้าไปในแผล เพิ่มจำนวน และแพร่กระจาย สำหรับผู้ที่มีบาดแผลขนาดใหญ่ลึก หรือร้ายแรง ควรได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บทันที
สัญญาณ และอาการของบาดแผลที่ติดเชื้อได้แก่ การปวด บวม และแดงบริเวณรอบ ๆ หากเป็นแผลเล็กๆ น้อย สามารถรักษาได้ด้วยตนเองที่บ้าน
อย่างไรก็ตามบาดแผลที่ติดเชื้อรุนแรงนั้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่รู้สึกไม่สบายตัว มีไข้ หรือมีเลือดออกจากบาดแผลไม่หยุด
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/infected-cut
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6759456/
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก