โยคะ คืออะไร
มาจากคำภาษาสันสกฤต “ยูจิ” หมายถึงเคลื่อนย้ายและการรวมสมาธิ โยคะเป็นการปฏิบัติแบบโบราณเพื่อรวบรวมจิตใจและร่างกาย
การเล่นโยคะประกอบไปด้วยการฝึกหายใจ การทำสมาธิ และการกำหนดท่าทางที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างความผ่อนคลาย และลดความเครียด
กล่าวกันว่าการฝึกโยคะมีประโยชน์มากมายทั้งต่อสุขภาพกายและใจ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อาการแพนิค
ประโยชน์ของโยคะ
1. ลดความเครียดได้
โยคะเป็นที่นิยมเพราะสามารถบรรเทาความเครียด และสร้างเสริมการผ่อนคลาย เนื่องจากสามารถลดการหลั่งคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดให้ลดลงได้
มีงานวิจัยติดตามผู้หญิงที่มีความเครียด ซึ่งหลังจากฝึกโยคะเพื่อสุขภาพไป 3 เดือน โดยมีระดับคอร์ติซอลต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ มีความเครียด ความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า และภาวะซึมเศร้าในระดับที่ลดลง
กรณีเล่นโยคะนาน 10 สัปดาห์จะช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวล ทั้งยังพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตอีกด้วย
กรณีฝึกโยคะเพื่อบรรเทาความเครียด อาจดำเนินร่วมกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำสมาธิ อาจเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการความเครียดได้
2. บรรเทาความวิตกกังวล
หลายคนเริ่มฝึกโยคะเพื่อรับมือกับความรู้สึกวิตกกังวล มีผลการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวล และได้เริ่มการฝึกโยคะสัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2 เดือน จะมีระดับความวิตกกังวลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
และผู้หญิงที่เป็นโรคเครียดเนื่องจากการถูกทารุณกรรม (PTSD) จนเกิดความวิตกกังวลและความกลัวอย่างรุนแรง เนื่องจากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เมื่อฝึกออกกำลังกายโยคะสัปดาห์ละครั้ง ไปนาน 10 สัปดาห์ จะมีอาการของ PTSD ลดลง บางคนถือว่าไม่มีอาการ PTSD อีกต่อไปอีกด้วย
คาดว่าโยคะสามารถลดอาการวิตกกังวลได้ เพราะเป็นการฝึกที่เน้นถึงความสำคัญของการอยู่กับปัจจุบัน และค้นหาความสงบซึ่งสามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลได้
3. ลดการอักเสบ
นอกจากการปรับปรุงสุขภาพจิตแล้ว การฝึกโยคะเพื่อสุขภาพยังช่วยลดการอักเสบได้เช่นกัน การอักเสบเป็นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันตามปกติ แต่การอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่การเกิดโรคที่เกิดการอักเสบได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
ผลการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ฝึกออกกำลังการโยคะและผู้ที่ไม่ฝึก พบว่าผู้ที่ฝึกโยคะมีอาการอักเสบต่ำกว่าผู้ที่ไม่ทำ
การฝึกโยคะนาน 12 สัปดาห์ยังช่วยลดการอักเสบในผู้ที่ผ่านการรักษามะเร็งเต้านมได้อีกด้วย
การฝึกโยคะยังช่วยป้องกันโรคบางชนิดที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังได้
4. ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ
การสูบฉีดโลหิตไปทั่วร่างกายไปจนถึงการส่งสารอาหารสำคัญไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ล้วนอาศัยสุขภาพของหัวใจเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
โยคะรักษาโรคจะช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ และลดปัจจัยเสี่ยงหลายประการสำหรับโรคหัวใจ มีผลการศึกษาระบุว่าผู้ที่ฝึกโยคะเป็นเวลา 5 ปีมีความดันโลหิต และอัตราชีพจรต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกโยคะ
ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาหัวใจ เช่น หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง การลดความดันโลหิตจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาเหล่านี้
การนำโยคะเพื่อสุขภาพมาใช้ในวิถีชีวิตจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดี สามารถชะลอปัญหาของโรคหัวใจได้
ผลจากการฝึกโยคะเป็นเวลานาน 1 ปี ร่วมกับการปรับเปลี่ยนอาหารการกิน และการจัดการความเครียดจะสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้ 23% และลดคอเลสเตอรอล LDL “ไขมันไม่ดี” ลงได้ 26% ช่วยให้อาการของโรคหัวใจหยุดลงได้ 47% ในผู้ป่วยโรคหัวใจ
ดังนั้นนอกจากโยคะที่มีบทบาทสำคัญต่อโรคหัวใจแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ อย่างการรับประทานอาหาร ก็สามารถลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจได้เช่นกัน
5. ปรับปรุงคุณภาพชีวิต
ประโยชน์โยคะเป็นการบำบัดที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของบุคคลจำนวนมาก และมีการใช้เพื่อบำบัดกันทั่วไป
ผลการศึกษาในผู้สูงอายุที่เล่นโยคะ เดิน หรือไม่ฝึกอะไรเลย นาน 6 เดือน พบว่าการฝึกโยคะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับอารมณ์และความเหนื่อยล้า เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
นอกจากนี้โยคะยังสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิต และลดอาการของผู้ป่วยมะเร็งได้
พบว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด โยคะจะลดอาการข้างเคียงของเคมีบำบัด เช่น คลื่นไส้และอาเจียน พร้อมปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมได้ และยังลดอาการปวดและเมื่อยล้า ทำให้ยอมรับชีวิต และเกิดการผ่อนคลายได้ดี
และโยคะยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ เพิ่มความสุขทางจิตวิญญาณ ปรับปรุงการทำงานในสังคม และลดอาการวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก