- อะโวคาโดคือผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- 1. อะโวคาโดคือขุมทรัพย์ของสารอาหาร
- 2. อะโวคาโดมีโพแทสเซียมมากกว่ากล้วย
- 3. อะโวคาโดอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวที่ดีต่อสุขภาพของหัวใจ
- 4. อะโวคาโดอุดมไปด้วยใยอาหาร
- 5. อะโวคาโดช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์
- 6. อะโวคาโดช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
- 7. ไขมันในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมสารอาหารจากอาหารประเภทพืช
- 8. อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถป้องกันดวงตา
- 9. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
- 10. อะโวคาโดสกัดอาจช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
- 11. อาจช่วยลดน้ำหนักได้
- 12. มีรสชาติอร่อยและง่ายต่อการนำไปรับประทาน
- วิธีกินอะโวคาโด
- อะโวคาโดทำอะไรได้บ้าง
อะโวคาโดคือผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีคาร์บโบไฮเดรตเป็นหลักและในขณะเดียวกันก็มีไขมันที่ดีต่อสุขภาพสูง
จากการศึกษาพบว่าสรรพคุณอะโวคาโดมีมากมายมหาศาล
ต่อไปนี้คือประโยชน์ของอะโวคาโดที่ดีต่อสุขภาพโดยได้การรับรองทางวิทยาศาสตร์
1. อะโวคาโดคือขุมทรัพย์ของสารอาหาร
“อะโวคาโด” คือผลไม้จากต้นอะโวคาโดที่เรียกว่า Persea american
อะโวคาโดคือผลไม้ที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงมาก และสามารถนำไปเพิ่มในเมนูอาหารได้ทุกชนิดเพราะมีรสชาติที่ดีและมีเนื้อสัมผัสเข้มข้น มักเป็นส่วนผสมหลักในกัวกาโมเล
ในปัจจุบันนี้อะโวคาโดได้กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นที่นิยมอย่างมากในหมูคนที่รักสุขภาพ และถูกยกย่องเป็นอาหารซุปเปอร์ฟู๊ด โดยให้
- วิตามินเค: 26% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- โฟเลต: 20% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน.
- วิตามินซี: 17% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- โพแทสเซียม: 14% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามินบี5: 14% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามินบี6: 13% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามินอี: 10% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- และมีแมกนีเซียม แมงกานีส ทองแดง เหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัส วิตามินเอ บี1(ไทแอมีน) บี2(ไรโบเฟลวิน) และบี3(ไนอาซิน)
อะโวคาโดมี 160 แคลลอรี่ โปรตีน 2 กรัมและไขมันดีต่อสุขภาพ 15 กรัม อีกทั้งยังมีคาร์บเป็นส่วนประกอบอีก 9 กรัม ซึ่งเป็นใยอาหารไปแล้ว 7กรัมที่เหลือปริมาณคาร์บโบไฮเดรตสุทธิเพียงแค่ 2 กรัมเท่านั้น จึงทำให้อะโวคาโดกลายเป็นอาหารจากพืชที่ถือว่าเป็นอาหารคาร์บต่ำที่ดีต่อสุขภาพ
2. อะโวคาโดมีโพแทสเซียมมากกว่ากล้วย
โพแทสเซียมคือสารอาหารที่คนส่วนใหญ่มักได้รับไม่เพียงพอ
สารอาหารนี้จะช่วยรักษาประจุไฟฟ้าของเซลล์ในร่างกายและการทำงานที่สำคัญ
อะโวคาโดมีโปแตสเซียมสูงมากๆ ราว 14%ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันจาก 100 กรัม (3.5 ออนซ์) เมื่อเมื่อเทียบกับกล้วยที่มีเพียง 10% ซึ่งจัดว่าเป็นอาหารที่มีโปแตสเซียมสูงมากแล้ว
จากการศึกษาพบว่าการบริโภคโพแทสเซียมสูงมีส่วนทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคไตวาย
3. อะโวคาโดอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวที่ดีต่อสุขภาพของหัวใจ
อีกครั้ง อะโวคาโดเป็นอาหารที่มีไขมันสูง
ในความเป็นจริงแล้วในแคลลอรี่ทั้งหมดของอะโวคาโด เป็นไขมันไปแล้ว 77% จึงทำให้เป็นอาหารประเภทพืชที่มีไขมันมากที่สุดชนิดหนึ่ง
แต่อะโวคาโดไม่ได้มีเพียงแค่ไขมันเท่านั้น ไขมันหลักในอะโวคาโดคือกรดไอเลอิก
กรดไอเลอิกเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวที่เป็นส่วนประกอบหลักในน้ำมันมะกอกที่มีส่วนทำให้เกิดประโยชน์ที่ดี
กรดไอเลอิกมีส่วนในการลดการอักเสบและมีผลที่ดีต่อยีนในการเกิดโรคมะเร็ง
ไขมันในอะโวคาโดช่วยต้านความร้อนจากภาวะออกซิเดชั่น น้ำมันอะโวคาโดในการประกอบอาหาร
4. อะโวคาโดอุดมไปด้วยใยอาหาร
ใยอาหารเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่พบได้มากในอะโวคาโด
ใยอาหารคือพืชที่ไม่สามารถย่อยได้ที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ช่วยลดการพุ่งสูงของน้ำตาลในเลือด และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้มากมาย
มีความแตกต่างระหว่างใยอาหารชนิดละลายน้ำและชนิดไม่ละลายน้ำ
ใยอาหารชนิดละลายน้ำได้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นอาหารที่ดีสำหรับแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการทำงานที่ดีที่สุดของร่างกาย
อะโวคาโด 100 กรัม (3.5ออนซ์) มีใยอาหาร 7 กรัม ซึ่งเท่ากับ 27% ของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
ราว 25% ของใยอาหารในอะโวคาโดคือชนิดละลายน้ำได้ ในขณะที่อีก 75% เป็นชนิดที่ไม่ละลายน้ำ
5. อะโวคาโดช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์
โรคหัวใจคือสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้คนในโลก
เป็นที่รู้กันดีว่า blood markers มีส่วนต่อการเพิ่มความเสี่ยง
รวมไปถึงลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ การอักเสบ ความดันเลือดและอื่นๆ
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอะโวคาโดสามารถ:
- ลดระดับคอเรสเตอรอลลงได้อย่างเห็นได้ชัด
- ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดลงได้มากกว่า 20%
- ลดคอเลสเตอรอล LDL ลงได้มากกว่า 22%
- เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (ตัวดี) ได้มากกว่า 11%
6. อะโวคาโดช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
จากการศึกษาในคนที่รับประทานอะโวคาโดเป็นประจำ
การบริโภคอะโวคาโดพบว่าช่วยทำให้คนมีสุขภาพที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้ทาน
อะโวคาโดมีสารอาหารสูงและยังช่วยเกี่ยวกับโรคระบบเผาผลาญ ที่เป็นอาการที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักในการเกิดโรคหัวใจและโรคเบาหวาน
คนที่นีบประทานอะโวคาโดเป็นประจำจะมีน้ำหนักที่ลดลง มีค่า BMIต่ำกว่าและมีหน้าท้องน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีคอเลสเตอรอลHDL (ตัวดี) ด้วย
7. ไขมันในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมสารอาหารจากอาหารประเภทพืช
เมื่อเราได้รับสารอาหาร จำนวนของสารอาหารไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่มีความสำคัญ
สิ่งที่สำคัญคือความสามารถในการดูดซึมสารอาหารด้วย คือการเคลื่อนจากทางเดินอาหารเข้าสู่ร่างกาย ที่ๆสามารถนำไปใช้ได้
สารอาหารบางชนิดเป็ไขมันที่ละลายน้ำได้ ซึ่งนั้นหมายความว่ามันสามารถไปรวมกับไขมันเพื่อนำไปใช้ได้
ซึ่งรวมไปถึงวิตามินเอ ดี อีและเค ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเช่นแคโรทีนอยด์
จากการศึกษาพบว่าการเพิ่มอะโวคาโดหรือน้ำมันอะโวคาโดลงในสลัดหรือซัลซ่าสามารถเพิ่มการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระได้ 2.6-15 เท่า
ดังนั้น อะโวคาโดไม่ได้มีเพียงสารอาหารที่สูงมากเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารจำพวกพืชอื่นๆที่เรารับประทานได้ด้วย
8. อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถป้องกันดวงตา
อะโวคาโดไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารอื่นๆเท่านั้น แต่ตัวอะโวคาโดเองยังมีสารต้านอนุมูลในตัวเองด้วย
รวมไปถึงสารอาหารเช่นลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งมีความสำคัญต่อดวงตาอย่างน่าเหลือเชื่อ
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารอาหารเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนสูงอายุ
การรับประทานอะโวคาโดจะมีประโยชน์สำหรับสุขภาพดวงตาได้ในระยะยาว
9. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
มีหลักฐานไม่มานักว่าอะโวคาโดอาจช่วยป้องกันมะเร็งได้
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอะโวคาโดอาจช่วยลดผลข้างเคียงจากการทำคีโมเทอราปีในเซลล์ลิมโฟไซท์ของมนุษย์
อะโวคาโดสกัดแสดงให้เห็นว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก
10. อะโวคาโดสกัดอาจช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
ข้ออักเสบคือปัญหาที่เกิดเป็นปกติในแถบประเทศทางตะวันตก โรคข้ออักเสบมีหลายชนิด และส่วนมากมักเป็นปัญหาเรื้อรังที่คนเราต้องอยู่กับมันชั่วชีวิตที่เหลือ
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากอะโวคาโดและน้ำมันถัวเหลือง ที่เรียกว่า อะโวคาโดถั่วเหลือง unsaponifiables สามารถช่วยลดอาการโรคข้ออักเสบของกระดูกที่เรียกว่า โรคข้อเข่าเสื่อม
11. อาจช่วยลดน้ำหนักได้
มีหลักฐานบางอย่างแสดงให้เห็นว่าอะโวคาโดเป็นอาหารช่วยในการลดน้ำหนักได้
จากการศึกษาชิ้นหนึ่งในคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่ทานอะโวคาโดในมื้ออาหาร ส่วนอีกกลุ่ใทานมื้ออาหารคล้ายกันแต่ไม่มีอะโวคาโด
พบว่ามีผลต่อเรื่องความหิวและความอิ่ม
คนที่รับประทานอะโวคาโดรู้สึกพอมจ 23% และลดความอยากอาหารลดลง 28% เมื่อเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง
ในระยะยาว การรับประทานอะโวคาโดจะช่วยให้มีการรับประทานปริมาณแคลลอรี่น้อยลง
อะโวคาโดมีใยอาหารสูงและมีคาร์บต่ำมากๆ ทั้งสองสิ่งนี้มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
12. มีรสชาติอร่อยและง่ายต่อการนำไปรับประทาน
อะโวคาโดไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่อะโวคาโดยังมีรสชาติที่สุดแสนอร่อยและง่ายต่อการนำไปทำร่วมกับอาหารทุกชนิด
อะโวคาโดจะมีเนื้อสัมผัสที่มีความมัน ฉ่ำ นุ่มเนียนและสามารถรวมได้กับส่วนผสมอื่นๆ
กัวกาโมเลเป็นอาหารยอดนิยมที่ทำมาจากอะโวคาโด ด้วยการยำอะโวคาโดมาผสมรวมกับเกลือ กระเทียมและวัตถุดิบอีกสองสามอย่างขึ้นอยู่แต่ละสูตร
วิธีกินอะโวคาโด
การกินอะโวคาโดควรทานแต่พอดี ควรเลือกผลที่สุก เพราะผลดิบจะมีรสขมซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ แนะนำให้ทานครั้งละไม่เกินครึ่งผล
อะโวคาโดทำอะไรได้บ้าง
อะโวคาโดสามารถนำมาทานคู่กับอาหารอื่นๆได้ อาจเพิ่มรสชาติด้วยการปรุงรส และยังมีอีกหลายเมนูที่สามารถทำได้เช่น อะโวคาโดอบไข่ สลัดอะโวคาโด ซอสพาสต้าจากอะโวคาโด
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก