ยาปฏิชีวนะ คือ
Antibiotic คือ ยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการติดเชื้อบางชนิด และสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ เมื่อใช้อย่างเหมาะสม โดยช่วยหยุดการแพร่พันธุ์ หรือทำลายเชื้อแบคทีเรีย
ก่อนที่แบคทีเรียจะขยายพันธุ์ และก่อให้เกิดอาการของโรค ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะเข้าจัดการกับเชื้อได้ โดยเซลล์เม็ดเลือดขาว (WBCs) จะโจมตีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย และอาการที่เริ่มเกิดขึ้นก็ยังสามารถใช้ระบบภูมิคุ้มกันรับมือ และต่อสู้กับการติดเชื้อได้
แต่หากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมีจำนวนมากเกินไป จนระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้ทั้งหมด ยาปฏิชีวนะก็จะเข้ามามีประโยชน์ในการรักษานี้
ยาต้านจุลชีพชนิดแรกคือเพนิซิลลิน ยาปฏิชีวนะที่ใช้เพนิซิลลินรักษา เช่น แอมพิซิลลิน แอมม็อกซิลลิน และเพนิซิลลิน จี ซึ่งยังใช้รักษาอาการติดเชื้อได้หลายชนิดมานานแล้ว
ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียสมัยใหม่หลายชนิด มักต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์ และยาปฏิชีวนะสำหรับภายนอกในรูปของครีม และขี้ผึ้งอีกด้วย
ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านแบคทีเรียคือยาฆ่าเชื้อ หรือชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ซึ่งรวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพอื่น ๆ และใช้รักษาอาการของโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย
ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสได้ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอาการไอต่าง ๆ
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ
อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง คือผู้ค้นพบยาเพนิซิลลิน ยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติชนิดแรกของโลกในปี 1928
- ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาอาการติดเชื้อไวรัสได้
- เฟลมมิ่งทำนายเอาไว้ว่าภาวะดื้อยาปฏิชีวนะจะต้องเพิ่มขึ้น
- ยาปฏิชีวนะจะฆ่าหรือชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้
- มีผลข้างเคียงอย่างอาการท้องร่วง ปวดท้อง และคลื่นไส้
อาการดื้อยา
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กังวลว่าผู้กินยาปฏิชีวนะมากเกินไป จะส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียดื้อต่อยาได้มากขึ้น
อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง ผู้ค้นพบยาฆ่าเชื่อเป็นคนแรกได้ทำนายเอาไว้เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้วถึงอาการดื้อยาที่เกิดจากการใช้ยามากเกินไปได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว
ผลข้างเคียง
ยาปฏิชีวนะมักทำให้เกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้:
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ผื่นคัน
ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่ปาก ทางเดินอาหาร และช่องคลอด จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยากของยาปฏิชีวนะ ได้แก่:
- การก่อตัวของนิ่วในไต ที่เกิดจากยาซัลโฟนาไมด์
- การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ที่เกิดจากยาเซฟาโลสปอรินบางชนิด
- ความไวต่อแสงแดด ที่เกิดจากยาเตตราไซคลีน
- ความผิดปกติของเลือด ที่เกิดจากยาทริมิโทรพริม
- หูหนวก ที่เกิดจากยาอิริโทรไมซิน และยาอะมิโนไกลโคไซด์
บางคนอาจมีอาการลำไส้อักเสบ ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ และอาจนำไปสู่อาการท้องร่วงอย่างรุนแรง และมีเลือดในอุจจาระได้
มีกรณีที่พบได้น้อยคือกลุ่มยาปฏิชีวนะอย่างยาเพนิซิลลิน เซฟาโลสปอริน และอีรีโทรมัยซินสามารถทำให้ลำไส้อักเสบได้
อาการแพ้ยา
บางคนมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะยาเพนนิซิลลิน รวมทั้งผลข้างเคียงอย่างผื่น บวมที่ลิ้นและใบหน้า และหายใจลำบาก
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาปฏิชีวนะอาจเกิดขึ้นทันที หรือช้า ขึ้นกับปฏิกิริยาภูมิที่ไวเกินไปของร่างกาย
ผู้ที่มีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ปฏิกิริยาต่อยาปฏิชีวนะอาจรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงตายได้
ผู้ที่มีอาการตับหรือไตทำงานไม่ดี ควรระมัดระวังเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะ โดยผลกระทบจะเกิดจากชนิดของยาปฏิชีวนะที่สามารถใช้ได้ หรือขนาดยาที่ได้รับ
กรณีหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก