เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

11.08
1220
0

ยาปฏิชีวนะ คือ

Antibiotic คือ ยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการติดเชื้อบางชนิด และสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ เมื่อใช้อย่างเหมาะสม โดยช่วยหยุดการแพร่พันธุ์ หรือทำลายเชื้อแบคทีเรีย

ก่อนที่แบคทีเรียจะขยายพันธุ์ และก่อให้เกิดอาการของโรค ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะเข้าจัดการกับเชื้อได้ โดยเซลล์เม็ดเลือดขาว (WBCs) จะโจมตีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย และอาการที่เริ่มเกิดขึ้นก็ยังสามารถใช้ระบบภูมิคุ้มกันรับมือ และต่อสู้กับการติดเชื้อได้

แต่หากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมีจำนวนมากเกินไป จนระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้ทั้งหมด ยาปฏิชีวนะก็จะเข้ามามีประโยชน์ในการรักษานี้

ยาต้านจุลชีพชนิดแรกคือเพนิซิลลิน ยาปฏิชีวนะที่ใช้เพนิซิลลินรักษา เช่น แอมพิซิลลิน แอมม็อกซิลลิน และเพนิซิลลิน จี ซึ่งยังใช้รักษาอาการติดเชื้อได้หลายชนิดมานานแล้ว

ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียสมัยใหม่หลายชนิด มักต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์ และยาปฏิชีวนะสำหรับภายนอกในรูปของครีม และขี้ผึ้งอีกด้วย

ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านแบคทีเรียคือยาฆ่าเชื้อ หรือชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

ซึ่งรวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพอื่น ๆ และใช้รักษาอาการของโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย

ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสได้ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอาการไอต่าง ๆ

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ

อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง คือผู้ค้นพบยาเพนิซิลลิน ยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติชนิดแรกของโลกในปี 1928

  • ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาอาการติดเชื้อไวรัสได้
  • เฟลมมิ่งทำนายเอาไว้ว่าภาวะดื้อยาปฏิชีวนะจะต้องเพิ่มขึ้น
  • ยาปฏิชีวนะจะฆ่าหรือชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้
  • มีผลข้างเคียงอย่างอาการท้องร่วง ปวดท้อง และคลื่นไส้

Antibiotics

อาการดื้อยา

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กังวลว่าผู้กินยาปฏิชีวนะมากเกินไป จะส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียดื้อต่อยาได้มากขึ้น

อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง ผู้ค้นพบยาฆ่าเชื่อเป็นคนแรกได้ทำนายเอาไว้เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้วถึงอาการดื้อยาที่เกิดจากการใช้ยามากเกินไปได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

ผลข้างเคียง

ยาปฏิชีวนะมักทำให้เกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้:

ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน เพื่อรักษาการติดเชื้อราที่ปาก ทางเดินอาหาร และช่องคลอด จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยากของยาปฏิชีวนะ ได้แก่:

  • การก่อตัวของนิ่วในไต ที่เกิดจากยาซัลโฟนาไมด์
  • การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ที่เกิดจากยาเซฟาโลสปอรินบางชนิด
  • ความไวต่อแสงแดด ที่เกิดจากยาเตตราไซคลีน
  • ความผิดปกติของเลือด ที่เกิดจากยาทริมิโทรพริม
  • หูหนวก ที่เกิดจากยาอิริโทรไมซิน และยาอะมิโนไกลโคไซด์

บางคนอาจมีอาการลำไส้อักเสบ ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ และอาจนำไปสู่อาการท้องร่วงอย่างรุนแรง และมีเลือดในอุจจาระได้

มีกรณีที่พบได้น้อยคือกลุ่มยาปฏิชีวนะอย่างยาเพนิซิลลิน เซฟาโลสปอริน และอีรีโทรมัยซินสามารถทำให้ลำไส้อักเสบได้

อาการแพ้ยา

บางคนมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะยาเพนนิซิลลิน รวมทั้งผลข้างเคียงอย่างผื่น บวมที่ลิ้นและใบหน้า และหายใจลำบาก

ปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาปฏิชีวนะอาจเกิดขึ้นทันที หรือช้า ขึ้นกับปฏิกิริยาภูมิที่ไวเกินไปของร่างกาย

ผู้ที่มีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ ปฏิกิริยาต่อยาปฏิชีวนะอาจรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงตายได้

ผู้ที่มีอาการตับหรือไตทำงานไม่ดี ควรระมัดระวังเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะ โดยผลกระทบจะเกิดจากชนิดของยาปฏิชีวนะที่สามารถใช้ได้ หรือขนาดยาที่ได้รับ

กรณีหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *