แอสไพริน (Aspirin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

แอสไพริน (Aspirin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

06.06
1547
0

แอสไพรินเป็นยาสามัญที่ใช้บรรเทาอาการปวดเมื่อย และไข้ที่ขึ้นเล็กน้อย สามารถใช้เป็นยาต้านการอักเสบ หรือยาระงับลิ่มเลือดได้

สามารถซื้อแอสไพรินได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การบรรเทาอาการปวดศีรษะ ลดอาการบวม และลดไข้

แอสไพรินในแต่ละวันสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง กรณีเป็นผู้มีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้สูง แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาแอสไพรินทันที เมื่อเกิดอาการหัวใจวายเพื่อป้องกันการอุดตัน และเนื้อเยื่อหัวใจตาย

Aspirin คือ

แอสไพริน คือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เป็นยากลุ่มที่มีใช้มานานแล้ว

ยาแอสไพรินมีซาลิไซเลตซึ่งเป็นสารประกอบที่พบในพืชอย่างต้นวิลโลว์ และเมอร์เทิล มีการบันทึกว่า สมุนไพร taap ถูกนำมาใช้งานครั้งแรกเมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อน

ฮิปโปเครตีสใช้เปลือกต้นวิลโลว์บรรเทาอาการปวด และไข้ และบางคน็นำเปลือกวิลโลว์มาใช้เป็นยาแก้ปวดศีรษะ และปวดเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเอง

NSAIDs เป็นกลุ่มยาให้ผลการรักษา ดังต่อไปนี้:

  • บรรเทาอาการปวด
  • ลดไข้
  • ลดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น

ยากลุ่มนี้ไม่ใช่สเตียรอยด์ แต่สเตียรอยด์มีสรรพคุณคล้ายกับ NSAIDs แต่ไม่เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน และอาจมีผลข้างเคียงได้

ยาแก้ปวด NSAIDs ไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งเป็นยาที่ไม่ทำให้ไม่รู้สึกตัว หรือเกิดอาการมึนงงแอสไพรินเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทยาสัญชาติเยอรมัน Bayer ชื่อสามัญของแอสไพรินคือกรดอะซิติลซาลิไซลิก

วิธีการใช้แอสไพริน

ยา aspirin มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดและบวม ปรับอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคเหล่านี้ได้

aspirin กลไกการออกฤทธิ์

อาการปวดและบวม

แอสไพรินสามารถบรรเทาอาการปวด และบวมเล็กน้อยถึงปานกลางได้ หรืออาการทั้ง 2 อย่างร่วมกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น:

  • ปวดหัว
  • เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
  • เคล็ดขัดยอกและความตึงเครียด
  • ปวดประจำเดือน
  • การรักษาโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ และไมเกรน

สำหรับอาการปวดที่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้แอสไพรินร่วมกับยาอื่น ๆ เช่นยาแก้ปวด opioid หรือ NSAID ชนิดอื่น ๆ

ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

การใช้แอสไพรินปริมาณเล็กน้อยทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้บางคน – อาจไม่ปลอดภัยสำหรับทุกคน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำให้ใช้แอสไพรินวิธีนี้ ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด แอสไพรินขนาดน้อย ๆ สามารถลดความเสี่ยง ด้วยการป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือด

แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้แอสไพรินปริมาณเล็กน้อย ทุกวัน ในกรณีที่:

  • เป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือด
  • พบการแสดงอาการว่าเลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี
  • คอเลสเตอรอลในเลือดสูง
  • ความดันโลหิตสูง หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • เป็นโรคเบาหวาน
  • สูบบุหรี่

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้ อาจมีความเสี่ยงเมื่อใช้แอสไพรินในระยะยาวมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ

มีคำแนะนำว่าผู้ใหญ่อายุ 50-59 ปีที่กินแอสไพรินทุกวัน เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ก็สามารถใช้แอสไพรินได้เช่นเดียวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด  โดยมีคำแนะนำการใช้กับผู้ใหญ่ในช่วงอายุนี้เมื่อ:

 

  • ความเสี่ยงอย่างน้อย 10% เป็นเวลา 10 ปีของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ไม่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเลือดออก
  • อายุทางสุขภาพอย่างน้อย 10 ปี
  • สามารถรับประทานต่อเนื่องในปริมาณน้อย ๆ ได้ทุกวัน อย่างน้อย 10 ปี

Aspirin

การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ

แพทย์อาจใช้ยาแอสไพรินทันที เมื่อเกิดอาการหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรืออาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และเนื้อเยื่อหัวใจตาย

แอสไพรินสามารถนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา สำหรับผู้ป่วย:

  • การผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือด เช่น การผ่าตัดเสริมหลอดเลือด หรือการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ
  • เกิดอาการหลอดเลือดสมองเล็กน้อย หรือเกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
  • โรคหลอดเลือดสมองตีบซึ่งเกิดจากลิ่มเลือด

การใช้งานอื่น ๆ

แอสไพรินสามารถบรรเทาอาการปวดและบวมที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพเรื้อรัง ได้ดังนี้:

  • อาการเกี่ยวกับโรคไขข้อ ทั้งโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อเข่าเสื่อม และภาวะข้อต่ออักเสบอื่น ๆ
  • โรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • การอักเสบรอบ ๆ หัวใจ เรียกว่าโรคเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ

แพทย์อาจแนะนำแอสไพรินขนาดน้อย ๆ กับผู้ที่:

  • เกิดความเสียหายของจอประสาทตา หรือส่วนที่เรียกว่า ความผิดปกติของจอตา
  • เป็นเบาหวานมานานกว่า 10 ปี
  • กำลังใช้ยาลดความดันโลหิต
  • มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

ความปลอดภัยของแอสไพรินกับเด็ก

แพทย์มักไม่แนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี

Aspirin มีผลข้างเคียงต่อเด็กคือ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะร้ายแรงที่เรียกว่า Reye’s syndrome ได้ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัด หรืออีสุกอีใส Reye’s syndrome อาจนำไปสู่อาการของโรคอื่น ๆ ที่สมองอย่างถาวร หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แพทย์อาจพิจารณาสั่งยาแอสไพรินกับเด็กที่มีอาการของโรคคาวาซากิ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดหลังการผ่าตัดหัวใจ

ส่วนมากแพทย์มักแนะนำให้เด็กใช้ acetaminophen (Tylenol) หรือ ibuprofen (Advil) ในปริมาณที่เหมาะสมแทนแอสไพริน

ความเสี่ยงและข้อควรระวัง

ผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ควรระมัดระวังในการรับประทานแอสไพริน และควรใช้เมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้น:

  • ความผิดปกติเวลาเลือดออก เช่น โรคฮีโมฟีเลีย
  • ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
  • โรคหอบหืด
  • แผลในระบบย่อยอาหาร หรือกระเพาะอาหาร
  • โรคตับ หรือไต

ภายใต้การดูแลของแพทย์ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอาจทานแอสไพรินในปริมาณน้อย ๆ ได้ แพทย์มักไม่แนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินปริมาณมาก ๆ ในระหว่างตั้งครรภ์

ผู้ที่มีอาการแพ้ยา Aspirin หรือ NSAID ชนิดอื่น ๆ เช่นไอบูโพรเฟนควรหลีกเลี่ยงยาชนิดนี้

แพทย์ไม่ให้ยาแอสไพรินกับผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองบางชนิดไม่ได้เกิดจากลิ่มเลือด และบางกรณีแอสไพรินอาจทำให้โรคหลอดเลือดสมองแย่ลงได้

ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรืออยู่ระหว่างการรักษาทางทันตกรรม หรือเข้ารับการผ่าตัดควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน Asprin


นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *