แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

07.06
4242
0

Astaxanthin คืออะไร

Astaxanthin คือหนึ่งในสารประเภทแคโรทีนอยด์ที่ทำให้เกิดสีแดง เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในสาหร่ายบางชนิดและเป็นสารที่ทำให้ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ ล็อปเตอร์ กุ้งและอาหารทะเลอื่นๆมีสีแดงหรือสีชมพู 

แอสต้าแซนทินมักถูกนำมารับประทานเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง คอเลสเตอรอลสูง โรคตับ โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุและช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องกลุ่มโรคการเผาผลาญ ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคเบาหวาน และยังมีประโยชน์ทำให้กระออกกำลังกายมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ลดความเสียหายของกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย และลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย แอสต้าแซนทินชนิดรับประทานยังช่วยป้องกันผิวไหม้แดด ทำให้การนอนหลับดีขึ้นและช่วยโรคในกลุ่มอาการเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณมือ ภาวะการมีบุตรยาก อาการภาวะวัยทองและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

แอสต้าแซนทินชนิดทาโดยตรงที่ผิวหนังจะช่วยป้องกันผิวไหม้แดด ลดริ้วรอยและใช้ประโยชน์ในเครื่องสำอางอื่นๆ

ในอาหารมักใช้ในอาหารที่มีสีเช่นแซลมอน ปู กุ้ง ไก่และผลิตภัณฑ์จากไข่

ในการเกษตรกรรม แอสต้าแซนทินมักถูกนำมาใช้ในอาหารเสริมสำหรับผลิตภัณฑ์จากไก่

แอสต้าแซนทินทำงานอย่างไร  

แอสต้าแซนทินคือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ส่งผลในการป้องกันเซลล์เสียหาย แอสต้าแซนทินยังช่วยทำให้การทำงานของระบบภูมิต้านทานดีขึ้น

Astaxanthin

การใช้และประสิทธิภาพ 

หลักฐานของการไม่เกิดประสิทธิภาพสำหรับ

  • โรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ มักเกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของจอเรติน่าเริ่มมีความเสียหาย จากการวิจัยพบว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่แอสต้าแซนทิน ลูทีน ซีแซนทีน วิตามินอี วิตามินซี สังกะสีและทองแดงเป็นส่วนประกอบด้วยการรับประทานเพื่อทำให้จุดศูนย์กลางจอเรติน่าที่เสียหายในคนที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมดีขึ้น แต่จะไม่ทำให้จอเรติน่าในพื้นที่รอบนอกดีขึ้น
  • กลุ่มอาการเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณมือ การรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีแอสต้าแซนทิน ลูทีน เบต้าแคโรทีนและวิตามินน่วมกันจะสามารถลดอาการเจ็บปวดในคนที่มีอาการเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณมือ
  • อาหารไม่ย่อย (โรคกระเพาะอาหาร) จากการวิจัยพบว่าการรับประทานแอสต้าแซนทินวันละ 40 มก.เป็นประจำทุกวันสามารถลดอาการกรดไหลย้อนในคนที่อาหารไม่ย่อยได้ และได้ผลดีในคนที่อาหารไม่ย่อยเพราะติดเชื้อเอช.ไพโลไร การทานปริมาณต่ำ 16 มก.จะไม่ช่วยให้อาการกรดไหลย้อนดีขึ้น รวมถึงจะไม่ช่วยลดอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อยหรือไม่ลดจำนวนการติดเชื้อแบคทีเรียเอช.ไพโลไรในกระเพาะอาหารของคนที่อาหารไม่ย่อย
  • กล้ามเนื้อเสียหายเพราะการออกกำลังกาย การรับประทานแอสต้าแซนทินเป็นเวลา 90 วันจะไม่ช่วยลดความเสียหายของกล้ามเนื้อที่มีสาเหตุมาจากการออกกำลังในนักกีฬาฟุตบอลชาย
  • กล้ามเนื้อบาดเจ็บเพราะการออกกำลังกาย การรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีแอสต้าแซนทิน ลูทีนและน้ำมันเมล็ดคำฝอยไม่ได้ชาวยลดการเจ็บกล้ามเนื้อหรือทำให้กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพดีขึ้น 4 วันหลังการออกกำลังกายเมื่อเทียบกับการรับประทานน้ำมันเมล็ดคำฝอยเพียงอย่างเดียว
  • ประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ผลที่ได้ในเรื่องประสิทธิภาพในการออกกำลังกายยังคงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอยู่ บางการวิจัยพบว่าการรับประทานแอสต้าแซนทินจะช่วยลดเวลาในการฝึกปั่นจักรยานครบรอบในนักกีฬาลงได้ แต่บางการวิจัยก็พบว่าไม่ได้ช่วยทำให้ดีขึ้น
  • ความเหนื่อยล้า การรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีแอสต้าแซนทินและเซวามินผสมอยู่ดู้หมือนจะไม่ได้ช่วยแก้อาการเหนื่อยล้าในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีให้ดีขึ้นได้
  • คอเลสเตอรอลสูง การรับประทานแอสต้าแซนทินช่วยลดไขมันในเลือดที่เรียกว่าไตรกลีเซอร์ไรด์และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลไลโพโปรตีนหนาแน่นสูง (HDL หรือไขมันดี)ในคนที่มีคอเลสเตอรอลสูง การรับประทานแอสต้าแซนทินร่วมกับเบอร์แบร์รีน โพลิโคซานอล ข้าวยีสต์แดง โคเอนไซม์คิว10 และกรดโฟลิคจะช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL และช่วยลดคอเลสเตอรอลรวม ลดคอเลสเตอรอลไลโพโปรตีนหนาแน่นต่ำ (LDL หรือไขมันเลว) และไตรกลีเซอร์ไรด์ในคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลผิดปกติ
  • ภาวะการมีบุตรยาก การรับประทานแอสต้าแซนทินจะช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้
  • อาการวัยทอง การรับประทานแอสต้าแซนทิน วิตามินดี3 ไลโคปีนและซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดอาการวัยหมดประจำเดือนเช่นอาการร้อนวูบวาย ปวดข้อต่อ อารมณ์ไม่ดีและปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะ
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การรับประทานแอสต้าแซนทิน ลูทีน วิตามินเอ วิตามันอีและน้ำมันดอกคำฝอยจะช่วยลดอาการปวดและช่วยทำให้รู่สึกพอใจมากขึ้นในคนที่เป็นโรคดังกล่าว 
  • ผิวไหม้แดด แอสต้าแซนทินอาจช่วยลดการเสียหายของผิวที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด การรับประทานแอสต้าแซนทินเป็นเวลา 9 สัปดาห์จะช่วยลดอาการแดงหรือผิวสูญเสียความชุ่มชื้นที่มีสาเหตุจากแสงของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าแสง “ยูวี”
  • iริ้วรอยของผิว การรับประทาน Astaxanthin สรรพคุณช่วยความยืดหยุ่นของผิวและลดริ้วรอยในหญิงและชายในวัยกลางคน และยังช่วยเพิ่มเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวดีขึ้น หากยิ่งรับประทานร่วมกับการทาครีมแอสต้าแซนทินที่ใบหน้าวันละสองครั้งจะช่วยลดริ้วรอยของผิวได้

ผลข้างเคียง

มีความปลอดภัยเมื่อบริโภคแอสต้าแซนทินที่ได้จากอาหาร

แอสต้าแซนทินค่อนข้างมีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเป็นอาหารเสริม การรับประทานที่ปลอดภัยคือ 4 ถึง 40 มก.เป็นประจำทุกวันได้นานกว่า 12 สัปดาห์ หรือ 12 มก.เป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน และยังมีความปลอดภัยเมื่อเมื่อใช้ร่วมกับคาโรทีนอยด์อื่นๆ วิตามินและแร่ธาตุ วันละ 4 มก.ได้นานมากถึง 12 เดือน ผลข้างเคียงจากแอสต้าแซนทินอาจรวมไปถึงการขับถ่ายที่เพิ่มมากขึ้นและอุจจาระมีสีแดง การบริโภคแอสต้าแซนทินในปริมาณสูงอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง

ข้อควรระวังเป็นพิเศษและคำเตือน

หญิงตั้งครรถ์และหญิงให้นมบุตร ยังไม่รู้ปริมาณที่แน่ชัดในการใช้แอสต้าแซนทินในระหว่างตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้

ปริมาณการใช้

ปริมาณการใช้แอสต้าแซนทินที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นอายุของผู้ใช้ สุขภาพ และโรคอื่นๆ ในเวลานี้ยังไม่มีข้อมูลที่มากพอในการระบุปริมาณแอสต้าแซยทินที่เหมาะสม ควรปฏิบัติตามตำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์และคำแนะนำจากเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนการใช้


นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

Комментарии (0)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *