โรคไข้หวัด (Common Cold) คือการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนซึ่งโรคไข้หวัดนี้เกิดจากการติดเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า rhinopharyngitis และ coryza
เนื่องจากมีไวรัสมากกว่า 200 สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดไข้หวัดได้และร่างกายไม่เคยสร้างภูมิต้านทานไวรัสได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงกลับมาเป็นโรคไข้หวัดซ้ำได้ ข้อมูลจากสถาบันป้องกันเเละควบคุมโรคพบว่าผู้ใหญ่เป็นไข้หวัด 2-3 ครั้งต่อปีและเด็กอาจเป็นไข้หวัดได้มากถึง 12 ครั้งต่อปี
ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านอากาศด้วยการไอเเละจามรวมถึงการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อติดอยู่ อาการติดเชื้อนี้สามารถแพร่กระจายได้ 1-2 วันก่อนเริ่มมีอาการเป็นไข้และจนกระทั่งอาการไข้หวัดได้หายไป
อาการไข้หวัด
ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักอาการทั่วไปของโรคไข้หวัด
อาการของโรคไข้หวัดเกิดจากการที่ร่างกายตอบสนองกับไวรัสไข้หวัดทำให้เกิดการกระตุ้นการปล่อยสารเคมีและทำให้หลอดเลือดรั่วจึงทำให้ต่อมเมือกที่อยู่หลังจมูกทำงานลำบาก
อาการส่วนใหญ่ของโรคไข้หวัดได้แก่
- อาการคอเเห้ง
- อาการเจ็บคอ
- อาการไอ
- มีไข้ปานกลาง
- อาการจาม
- เสียงแหบ
- คัดจมูก
- ปวดหัวปานกลาง
อาการส่วนน้อยที่เกิดจากการเป็นไข้หวัด
- อาการปวดกล้ามเนื้อ
- อาการหนาวสั่น
- ตาแดง
- อ่อนล้าหมดเเรง
- น้ำย่อยลดลง
- อาการเหนื่อยหอบอย่างรุนเเรง
บางคนอาจจะไม่มีอาการใดๆเมื่อติดเชื้อไวรัสอาจเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถตอยสนองกับไวรัสชนิดต่างๆได้ บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียในหูและโพรงจมูกในขณะที่ติดเชื้อไวรัสได้ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่าการติดเชื้อแบคทีเรียขั้นที่สองและมักได้รับการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ
สาเหตุไข้หวัด
โรคไข้หวัดส่วนใหญ่สามารถเกิดจากไวรัสที่แตกต่างกันมากกว่า 200 ชนิด โดยประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของไข้หวัดเกิดจากเชื้อไรโนไวรัสนอกจากนี้เชื้อไวรัสอื่นๆที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดได้เเก่
- เชื้อไวรัสปอดอักเสบ (parainfluenza virus )
- เชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ (Human metapneumovirus )
- เชื้อโคโรน่าไวรัส
- เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ
- เชื้อเอนเอโรไวรัส
เมื่อเชื้อพัฒนาตัวเองให้มีพลังเหนือกว่าระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์จึงทำให้เกิดการติดเชื้อเกิดขึ้น อวัยวะเเรกที่ถูกทำลายคือต่อมเมือกที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำเมือกหล่อเลี้ยงโพรงจมูกและคอหรือเรียกว่าต่อมเมือก ซึ่งน้ำเมือกทำหน้าที่เป็นกับดักฝุ่น ไวรัสและแบคทีเรียต่างๆไม่ให้เข้าไปในจมูก น้ำเมือกคือของเหลวที่อยู่ในจมูก ลำคอและช่องคลอด
เมื่อน้ำเมือกเกิดการติดเชื้อด้วยไวรัส ไวรัสจะเข้าสู่เซลล์และควบคุมการทำงานของเซลล์และทำให้เซลล์กลายเป็นเครื่องผลิตไวรัสเพิ่มมากขึ้นจากนั้นไวรัสจึงไปโจมตีเซลล์อื่นๆต่อไป
ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด
การติดเชื้อไข้หวัดสามารถนำไปสู่ภาวะเเทรกซ้อนของโรคดังต่อไปนี้
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อหลอดลม (หลอดเล็ก) ภายในปอดเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือไวรัส
การใช้ยาปฏิชีวนะสามารถใช้รักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเท่านั้น ถ้าหากเป็นการติดเชื้อจากไวรัสมักใช้การรักษาด้วยวิธีที่สามารถบรรเทาอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นจนกระทั่งการติดเชื้อหายไปเพราะบางครั้งการใช้ยาปฏิชีวนะไม่มีผลต่อเชื้อไวรัส
ตัวอย่างของเสมหะสามารถนำไปตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศเพื่อตรวจสอบปริมาณของแบคทีเรียที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีเสียงหวีด หายใจสั้น อาการไอและเสมหะ
โรคปอดบวม
โรคนี้เป็นอีกอาการหนึ่งที่เกิดเมื่อปอดเกิดการติดเชื้อเนื่องจากถุงลมในปอดเกิดการอักเสบ
โรคปอดบวมสามารถเกิดได้จากทั้งแบคทีเรียหรือไวรัสอย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสของโรคไข้หวัดธรรมดาสามารถทำให้เกิดโรคปอดบวมได้เช่นกัน ถ้าหากเป็นโรคปอดบวมที่เป็นอาการเเทรกซ้อนของไข้หวัดธรรมดาส่วนใหญ่มักเกิดจากแบคทีเรียต้องใช้ยาปฎิชีวนะรักษาและมี อาการอื่นๆตามมาเช่นอาการเจ็บหน้าอก ไอ มีไข้และหายใจลำบาก
แบคทีเรียติดเชื้อในจมูกเฉียบพลัน
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียภายในจมูกสามารถใช้ยาลดน้ำมูกเพื่อบรรเทาอาการนี้ได้แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้ยาปฏิชีวนะควบคู่ด้วยเพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อในอนาคตที่อาจนำมาสู่อาการอื่นตามมาเช่นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียแต่กรณีเป็นกรณีที่หาได้ยาก โดยส่วนใหญ่มักมีอาการปวดหัว เจ็บโพรงจมูกและคัดจมูกเกิดขึ้น
ภาวะเเทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดอื่นๆได้แก่
- หลอดลมอักเสบ
- อาการหายใจลำบาก
- เกิดอาการอักเสบในหูชั้นกลาง
- อาการเเสบคอ
ผู้ที่เป็นโรคดังต่อไปนี้เป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอต่อโรคไข้หวัด
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้แก่ภาวะพองลมในเนื้อเยื่อหรือถุงลมและหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคไข้หวัดสามารถทำให้โรคถุงลมโปงพองและหลอดลมอักเสบเรื้อรังเลวร้ายลงได้ซึ่งทำให้เกิดอาการไอและหายใจสั้น บางครั้งอาจทำให้เกิดจากติดเชื้อจากแบคทีเรียจึงทำให้เป็นไข้หวัดและอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะรักษา
โรคหอบหืดสามารถเกิดขึ้นได้จากการกระตุ้นของโรคไข้หวัดเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็ก
หนังสือพิมพืเกี่ยวกับการแพทย์
การป้องกันไข้หวัด
การล้างมือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการเเพร่เชื้อไข้หวัดได้
เนื่องจากมีเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดได้ดังนั้นจึงทำให้การคิดค้นวัคซีนทำได้ยาก
อย่างไรก็ตามมีการป้องกันที่สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเป็นไข้หวัดไดัดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัด
- พยายามรับประทานผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเพื่อช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเเข็งเเรง
- เมื่อเกิดการจามหรือไอควรใช้ทิชชู่ปิดปากและทิ้งทิชชู่ในถังขยะและล้างมือให้สะอาด
- ถ้าหากคุณจามใส่มือ คุณควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำทันที
- ถ้าคุณไม่มีทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าคุณควรไอใส่เเล้วใช้ข้อศอกเเขนปิดปากเเทนการใช้มือ
- ควรมั่นล้างมือเป็นประจำ ไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดสามารถเเพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้โดยการสัมผัส ในความเป็นจริงเเล้วเชื้อโรคสามารถส่งต่อโดยการจับมือเเละจูบ
- ควรรักษาความสะอาดของบ้านอยู่เสมอโดยเฉพาะบริเวณห้องครัวและห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าโดยเฉพาะปากเเละจมูก
การรักษาไข้หวัด
เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านไวรัสไม่สามารถรักษาโรคไขัหวัดที่เกิดจาการติดเชื้อจากไวรัสได้ โดยปกติไข้หวัดมีอาการเกิดขึ้นยาวนานถึง 10 วัน อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 3 อาทิตย์
เเม้ว่ายังไม่มีการรักษาที่เเน่นอนสำหรับการรักษาโรคไข้หวัด การปฏิบัติตามข้อต่อไปนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและทำให้ร่างกายได้รับน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอเพราะถ้าหากร่างกายขาดน้ำอาการไข้หวัดจะเเย่ลงได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอเเละนอนพักผ่อนสิ่งสำคัญคือคุณควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอให้ได้มากที่สุดเพื่อทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณสามารถต่อสู้กับไวรัสได้
- ทานยาเเอสไพริน ยาพาราเซลตามอล หรือบลูโรเฟนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวหรือเมื่อมีไข้ แต่ไม่ควรให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีทานยาแอสไพริน
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหายใจไม่สะดวกซึ่งเป็นอาการของการติดเชื้อในจมูก
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.nhs.uk/conditions/common-cold/
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/common-cold/symptoms-causes/syc-20351605
- https://www.cdc.gov/features/rhinoviruses/index.html
- https://www.healthline.com/health/common-cold-causes
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรไทยเป็นพิเศษ โดยปัจจุบันเป็นผู้เขียนหลักของ Club of Thai Health มีงานอดิเรก คือการปลูกสมุนไพรไทย และเพาะพันธุ์พืชหายาก